บทที่ 9 คนใจร้าย
นลินดากลับมาถึงบ้านด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง ตลอดการเดินทางเธอคิดถึงแต่เรื่องที่ตนถูกเลิกจ้างทั้งๆ ที่เพิ่งไปทำงานได้เพียงวันเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายใจร้ายคนนั้นจะเป็นใคร เขากำลังใช้อำนาจบีบบังคับกันทุกทาง
“คุณแม่คะ วันนี้คุณแม่ทานข้าวก่อนเลยนะคะ”
“มีอะไรหรือเปล่าลูก?” อัญมณีถามขึ้นเมื่อเห็นว่าบุตรสาวมีท่าทางที่แปลกไป
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณแม่ นาขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“แล้วตกลงหนูจะลงมาทานข้าวไหมลูก” หญิงสูงวัยถามอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ดีกว่าค่ะคุณแม่ ขอโทษนะคะ แต่หนูรู้สึกอิ่มแล้ว” ตอนนี้ภายในสมองของเธอได้แต่คิดว่าจะทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ตามใจจ้ะ งั้นแม่เก็บกับข้าวก่อนนะ หนูรีบไปอาบน้ำนอนเถอะ” นางเลิกคาดคั้นในที่สุด ด้วยเพราะรู้ดีว่าถ้าไม่ถึงที่สุดแล้วจริงๆ เจ้าตัวจะไม่มีวันปริปากบอกหรือแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นเด็ดขาด
“ค่ะคุณแม่ คืนนี้ฝันดีนะคะ” นลินดาบอกลามารดาอีกครั้งพร้อมกับตรงเข้าไปหอมแก้มท่านด้วยความรักใคร่ ก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบน ร่างบางทิ้งตัวลงบนที่นอน เธอยอมรับว่ากำลังคิดหนักกับสิ่งที่เกิดขึ้นและปักใจเชื่อว่าผู้ชายใจร้ายคนนั้นมีส่วนทำให้เธอถูกไล่ออกจากงาน
ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด เสียงสมาร์ตโฟนดังขึ้นในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ หลังจากคว้ามาดูเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอพบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย แต่หญิงสาวก็ตัดสินใจกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“ว่าไง มีปัญญาหาเงินมาคืนหรือยังนาน่า?” แม้จะเป็นน้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคย แต่จากถ้อยคำดังกล่าวก็ทำให้รู้ทันทีว่าบุคคลปลายสายนั้นเป็นใคร
“ฉันชื่อนานา” หญิงสาวแย้งที่อีกฝ่ายถือวิสาสะตั้งชื่อใหม่ให้ตนเอง
“ช่างหัวชื่อเธอสิ ฉันพอใจจะเรียกแบบนี้”
“คุณรู้เบอร์ฉันได้ยังไง” นลินดากระชากเสียงถามด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายละลาบละล้วงสิทธิของตน
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญ และฉันก็ไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับเธอนักหรอกนะ ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการคือเงินเท่านั้น” คนใจร้ายพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน ทำเอาคนฟังเม้มปากแน่นเพื่อเก็บอารมณ์ที่เดือดดาลเอาไว้
“ขอเวลาฉันบ้างสิ!”
“ลูกหนี้ใช้คำพูดกับเจ้าหนี้แบบนี้เหรอ ฉันจะเตือนเธอไว้เอาบุญนะ ถ้ายังหาเงินมาคืนให้ฉันไม่ได้ล่ะก็ เตรียมตัวหาที่ซุกหัวนอนใหม่ได้เลย” มาร์ตินเตือนอีกฝ่ายเสียงเข้ม เขาไม่จำเป็นต้องรอให้เสียเวลา ย้ำเตือนให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงสถานะที่เป็นรองตน
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง เงินไม่ใช่น้อยๆ ฉันคงหาไม่ได้ภายในวันสองวันนี้หรอก” หญิงสาวเริ่มไม่พอใจเช่นกัน เขากำลังบีบบังคับเธอให้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
“ปัญหาของเธอฉันไม่จำเป็นต้องรับรู้ สิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้คือเงินเท่านั้น”
“ฉันแค่ขอเวลาหน่อย ถ้าคุณยังมองเห็นฉันเป็นเพื่อนร่วมโลกอยู่ก็ควรให้โอกาสกันบ้าง”
“โอกาสสำหรับเธอมันหมดไปนานแล้วนาน่า” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น เธอควรจะได้รู้บ้างว่าเวลาที่บิดาของเขาต้องถูกกระทำด้วยฝีมือของบิดาเธอท่านมีโอกาสเรียกร้องอะไรกลับมาได้บ้าง
“โอเคค่ะ...คุณมาร์ติน ฉันขอเวลาอีกหน่อย ถ้าฉันหาเงินมาคืนคุณไม่ได้จริงๆ ถึงตอนนั้นคุณจะทำอะไรกับฉัน จะเอาฉันไปฆ่าไปแกงที่ไหนก็เชิญ” นลินดาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยอมขอร้องคนใจร้ายอีกครั้ง
“ตกลง...ฉันจะให้โอกาสเธอ ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้ายังขืนตุกติกอีกจะมาหาว่าฉันใจร้ายไม่ได้นะ” มาร์ตินจะยอมเชื่อลูกหนี้สาวของตน ถ้าถึงเวลานั้นเธอยังกล้าเล่นลิ้นกับเขาอีก เขาจะเป็นฝ่ายมอบความเจ็บปวดให้เธอด้วยตัวเอง
“ขอบคุณนะคะที่ยังมีความเมตตากรุณา ดึกมาแล้ว ฉันขอตัวนอนก่อน” เจ้าตัวกล่าวขอบคุณออกไปด้วยน้ำเสียงประชดประชันก่อนจะชิงกดปุ่มวางสายลงทันที
“ฉันจะคอยดูว่าเธอจะปากเก่งไปได้สักแค่ไหน” มาร์ตินสบถตามหลัง แม่เด็กคนนี้แสบไม่เบาที่กล้าต่อกรกับเขาทั้งที่มีสถานะเป็นแค่ลูกหนี้ และต้องเป็นฝ่ายมาอ้อนวอนตน ยังไงเธอก็ไม่มีวันหนีพ้นหรอก...นลินดา
