บทที่ 8 ตัดหนทาง
“นั่นไงคะคุณมาร์ติน น้องมาแล้ว” ปาลินมองไปยังร่างของลูกน้องสาวที่กำลังเดินตรงมายังเธอและแขกหนุ่มระดับวีไอพีด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน มาร์ตินมองตามไปพร้อมกับใบหน้าเย้ยหยันที่แสดงออกอย่างชัดเจน
ฮึ! ผู้หญิงอย่างเธอทำได้ทุกวิถีทางจริงๆ ยอมขายศักดิ์ศรีตัวเอง ดี...ฉันจะทำให้เธอเห็นถึงความยากลำบากกว่าจะได้เงินมาแค่ละบาท ว่าต้องใช้ความอดทนแค่ไหน’
“อุ๊ย! นี่ถึงกับตะลึงไปเลยเหรอคะคุณมาร์ติน เห็นไหมปลาบอกแล้วว่าน้องนานาสวยน่ารักมาก”
คนมีตำแหน่งเป็นเจ้าของร้านเอ่ยแซวลูกค้าหนุ่มแล้วป้องปากหัวเราะเบาๆ ราวกับดีใจที่เห็นอีกฝ่ายถูกใจคนที่ตนเลือกมาให้
“ใช่ ถูกใจมาก ไว้จะตอบแทนอย่างดี บอกให้เด็กคุณตามผมไปที่ห้องด้วย”
มาร์ตินสั่งแล้วลุกเดินเข้าไปภายในห้องที่เคยใช้บริการเป็นประจำ โดยไม่ได้รอให้อีกฝ่ายเดินมาถึงตัวก่อน
“ได้เลยค่ะ มาเร็วนานา พี่จะพาหนูไปเริ่มงาน”
ท้ายประโยคปาลินบอกกับลูกน้องสาวที่เพิ่งเดินมาถึง ก่อนจะรีบพาเข้าไปด้านในห้องใหญ่ที่เป็นห้องจัดไว้สำหรับแขกวีไอพีโดยเฉพาะ
“ดูแลคุณมาร์ตินดีๆ นะ พี่ไปก่อน หวังว่าน้องจะถูกใจนะคะคุณมาร์ติน”
สิ้นเสียงเจ้าตัวก็รีบเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้ทั้งคู่ใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกัน หารู้ไม่ว่าทั้งคู่แทบจะห้ำหั่นกันเมื่อต่างฝ่ายต่างเห็นว่าเป็นใคร
“มานั่งนี่สิ” มาร์ตินส่งเสียงเรียกและตบลงไปเบาๆ บนโซฟาที่อยู่ข้างตัว
“คุณ....ไอ้คนสารเลว” นลินดาบริภาษใส่และยังไม่ยอมขยับเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว
“อย่าคิดด่าฉัน อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธออยู่ในฐานะอะไร” เขากล่าวเสียงเป็นต่อ แล้วยิ้มเยาะอยู่ในที
“ไม่มีวัน”
“อย่ามาทำตัวสะดีดสะดิ้ง” พูดจบเจ้าของร่างสูงใหญ่ก็ตรงเข้ามาบีบที่ไหล่มนเต็มแรง ไม่ใส่ใจว่าหญิงสาวจะเจ็บหรือไม่ โทษฐานที่กล้าขัดคำสั่งและต่อปากต่อคำทั้งๆ ที่มีสถานะเป็นแค่ลูกหนี้
“ปล่อยฉันนะ!” เจ้าหล่อนสั่งเสียงแข็ง
“ทำไมล่ะ? รับไม่ได้หรือไงที่ฉันมาเจอเธอทำงานแบบนี้ ต้องการเงินไม่ใช่เหรอ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ” เธอแหวใส่อีกครั้งด้วยน้ำเสียงและท่าทางไม่พอใจ
“มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันหรอก แต่ฉันรู้สึกสมเพชผู้หญิงอย่างเธอไง ลูกสาวอดีตนักธุรกิจชื่อดังต้องมาเร่ขายตัวให้ผู้ชายเพื่อแลกเงิน นี่แสดงว่าคงตกอับถึงขั้นไม่มีจะกินเลยสินะ”
วาจาร้ายกาจจากเจ้าหนี้หน้าเลือดที่เห็นเธอเป็นหมากและเขาก็เป็นต่อทำให้เธออึ้งจนพูดไม่ออก ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะดูถูกเธอชนิดร้ายแรงแบบนี้
เพี๊ยะ! พอได้สติฝ่ามือเรียวก็กระทบเข้ากับใบหน้าคมเต็มแรงจนปรากฏรอยแดงรื้นขึ้นมาชัดเจน
“อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธอนะ” มาร์ตินกัดฟันกรอดข่มอารมณ์โมโหที่คุกรุ่น เธอกล้ามากที่ตบหน้าเขา
“คุณมันเลว ถึงฉันจะติดหนี้คุณ ฉันก็คิดหามาคืน แล้วทำไมคุณต้องมาพูดจาดูถูกกันแบบนี้ด้วย”
นลินดาโต้กลับไปอย่างไม่เกรงกลัว เธอเองก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน
“ก็เพราะพ่อเธอทำเลวกับครอบครัวฉันก่อนไง มันก็ไม่ผิดถ้าฉันจะเลวกับเธอบ้าง สมน้ำสมเนื้อดีแล้ว”
ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
“ยังไงท่านก็จากไปแล้ว อย่าเอ่ยถึงท่านอีก”
“ก็ไม่อยากพูดถึงหรอก ถึงได้เอาสิ่งที่พ่อเธอทำมาลงกับเธอนี่ไง...นลินดา กฤชยภัคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราวกับสะใจ นั่นคือจุดเดือดดาลสำหรับคนฟังอย่างเธอ
“งั้นคุณก็พูดมาเลยสิว่านอกจากหนี้ที่ติดไว้ ยังมีบัญชีอะไรต้องสะสางกันอีก เคลียร์ให้มันจบๆ กันไปทีเดียวเลย” จู่ๆ คำพูดของเธอก็ทำให้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไป
“ฮึ...อย่ามาคิดเบี่ยงเบนประเด็นเรื่องพ่อเลย บอกมาดีกว่าว่าเท่าไหร่สำหรับคืนนี้”
นลินดามองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจชัดเจน ก่อนจะเชิดหน้าตอบกลับไปอย่างคนถือดี
“ขอโทษนะคะ คุณคงเข้าใจผิด ฉันมีหน้าที่แค่นั่งคุยเป็นเพื่อนแขกเท่านั้น”
“มารยา...เสแสร้ง”
“คุณ! ไอ้คนปาก...” เธอทำท่าจะโต้กลับ
“ถ้าเธอกล้าด่าฉันอีกล่ะก็ ฉันจะไม่อยู่เฉยอีกนะ”
มาร์ตินส่งเสียงเป็นเชิงเตือน เธอจึงดึงสติตัวเองกลับมาแล้วตอกกลับไปเสียงราบเรียบ
“ถ้าอยากคุยเรื่องค่าตัว คุณคงต้องเรียกคนอื่น ฉันขอตัวค่ะ”
“แล้วแม่จะรู้บ้างไหมว่าลูกสาวสุดที่รักมาทำงานแบบนี้” คำพูดของเขาทำให้คนที่กำลังจะก้าวออกจากห้องถึงกับชะงักไป
“มันเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” นลินดาหันมาตอกกลับแล้วกระแทกประตูห้องปิดลงเสียงดังสนั่นด้วยท่าทางไม่พอใจสุดขีด
“ทำเป็นปากดี เดี๋ยวเธอได้รู้จักคนอย่างฉันดีกว่านี้แน่”
มาร์ตินพูดตามหลังไปเสียงขุ่น คนอย่างเขาถ้าลองได้ทำอะไรแล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่สำเร็จ
“นานา! อยู่ในนั้นหรือเปล่า?”
เสียงเรียกที่ได้ยินจากด้านนอก ทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาสงบสติอารมณ์รีบขานรับพร้อมกับเดินไปเปิดประตู
“ค่ะ พี่ปลา”
“นากำลังจะออกไปพอดีค่ะ”
“ก็พี่เห็นหนูวิ่งออกมา มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ หรือว่าคุณมาร์ติน...” คนถามทำสีหน้าสงสัยและแฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่าง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คือนารู้สึกไม่ค่อยสบาย ถ้าจะขออนุญาต”
“ไม่สบายเหรอจ๊ะ งั้นก็กลับไปพักผ่อนเถอะ นี่ก็เพิ่งวันแรกอาจจะยังไม่ชิน”
เจ้าของร้านสาวอนุญาตอย่างง่ายดาย เนื่องจากอารมณ์ดีที่วันนี้ลูกค้าวีไอพีมาใช้บริการ
“ขอบคุณมากค่ะพี่ปลา งั้นนาขอตัวกลับก่อนนะคะ”
นลินดากระพุ่มมือไหว้อีกฝ่ายแล้วเดินออกไป เมื่อเห็นลูกน้องลับสายตาไปแล้ว ปาลินก็รีบตรงไปยังห้องรับรองของแขกวีไอพีทันที “คุณมาร์ติน จะกลับแล้วเหรอคะ?”
“ผมมีธุระต้องไปทำต่อ อ้อ...”
ชายหนุ่มบอกเสียงหงุดหงิดเพราะเพิ่งถูกลูกหนี้สาวแสดงท่าทางจองหองใส่ด้วยการเดินหนี
“คะ” เจ้าตัวส่งยิ้มหวานไปให้
“ผู้หญิงที่ชื่อนลินดาเข้ามาทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“อ๋อ น้องนานาเพิ่งมาสมัครงานเมื่อวานนี้ค่ะ พอดีเพื่อนน้องเขารู้จักกลับปลา เห็นว่ากำลังร้อนเงินมา ปลาเลยรับไว้ทำงาน” เจ้าหล่อนพูดให้ตัวเองดูดี ทั้งที่จริงแล้วผลประโยชน์ที่จะได้มีมากกว่านั้น
“ห้าล้าน...สำหรับค่าตัวผู้หญิงคนนั้น” เขายื่นข้อเสนอชนิดไม่อ้อมค้อมใดๆ “ฮะ! ว่าไงนะคะ หะ...ห้าล้าน” พอได้ยินถึงจำนวนเงินดังกล่าว คนโลภมากก็ตาลุกวาวขึ้นมาทันที
“พอไหมสำหรับพรุ่งนี้ ถ้าจะไล่ผู้หญิงคนนั้นออกจากที่นี่”
“เอ่อ...ก็พออยู่ค่ะ แต่ปลาขอทราบเหตุผลได้ไหมคะ” คนชอบกินเผือกทำเสียงอยากรู้อยากเห็น
“ไม่ใช่ธุระ ทำตามที่บอกก็พอ แล้วเช็คจะถึงมือพรุ่งนี้ทันที” ชายหนุ่มทำเสียงหงุดหงิดที่ถูกซักไซ้มากเกินความจำเป็น
“ค่ะ...ไม่ถามค่ะ แล้วปลาจะรีบจัดการให้นะคะ”
เย็นของอีกวันนลินดารีบเดินทางมาทำงานก่อนเวลา เพราะกว่าจะแต่งหน้า แต่งตัวและทำผม ต้องใช้เวลาพอสมควร
“สวัสดีค่ะพี่ปลา” พอมองเห็นเจ้านายสาว เจ้าตัวก็รีบยกมือไหว้ทักทายด้วยความนอบน้อม
“จ้านานา พี่มีเรื่องจะคุยด้วยอยู่พอดีเลย”
“ค่ะ งั้นเดี๋ยวนาขอเอากระเป๋าไปเก็บก่อนนะคะ”
“เอ่อ...ไม่ต้องหรอกจ้ะ คือว่าต่อไปนี้หนูไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ พอดีว่าพี่หาเด็กใหม่ได้แล้วน่ะ”
“ทำไมล่ะคะพี่ปลา พี่ปลาหมายความว่าจะไล่นาออกเหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปตามตรงและงุนงงอยู่ไม่น้อยที่ทำงานได้วันเดียวก็จะถูกไล่ออก หรือว่าผู้ชายใจร้ายคนนั้นมาฟ้องอะไรพี่ปลาเรื่องที่เธอไปต่อว่าเขาเมื่อวานนี้
“อย่าเรียกว่าไล่ออกเลยนะ พี่แค่เลิกจ้างเพราะเห็นแก่อนาคตของเราน่ะ” ปาลินรีบแก้ต่างให้ตัวเองดูดีเข้าไว้ ไม่อยากถูกมองว่ารับสินบนแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม ความจริงแอบเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้าไม่น้อย
“พี่จะให้เงินชดเชยหนูติดตัวไว้แล้วกันนะ จะได้มีเงินไว้ใช้ในระหว่างหางานใหม่”
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นนาขอตัวนะคะ”
นลินดาปฏิเสธที่จะรับเงิน เธออยากทำงานหาเงินด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ถูกอำนาจมืดทำลายความฝันลง เธอเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าต้องเป็นฝีมือของผู้ชายคนนั้น คนที่ประกาศตัวว่าเป็นเจ้าหนี้ของครอบครัวตน หญิงสาวคิดแล้วมองไปข้างหน้าด้วยความเคว้งคว้าง
คอนโดหรูใจกลางกรุงเทพฯ เป็นสถานที่ซึ่งมาร์ตินใช้พักผ่อนหลังจากการทำงาน ทั้งที่มีคฤหาสน์หรูอีกหลัง แต่ชายหนุ่มเลือดผสมชอบความเป็นส่วนตัวจึงใช้ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่อยู่ที่นี่มากกว่าจะกลับไปที่บ้านซึ่งมีผู้ให้กำเนิดอาศัยอยู่
“เดี๋ยวนี้มาร์คเปลี่ยนไปนะ รู้ตัวหรือเปล่า” นางแบบสาวกล่าวตัดพ้อ พักหลังมานี้เธอรู้สึกได้ถึงความห่างเหินของคู่ควงหนุ่ม
“ผมก็เหมือนเดิม คุณคิดมากไปเอง” เขาบอกปัด
“ไม่จริง เห็นไหม ตอนนี้มาร์คกำลังใส่อารมณ์กับอลิส ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคย”
“คุณว่างมากนักหรือไงอลิส ถึงเอาเวลามาจับผิดผม”
“อลิสแค่หวงคุณ” เจ้าตัวมีน้ำเสียงอ่อนลง เมื่อเห็นท่าทางไม่พอใจของเขาชัดเจน เธอผิดด้วยหรือที่แสดงอาการหึงหวงออกไป
“ผมทำงานทุกวัน ไม่ได้ไปไหน” มาร์ตินแสดงอาการเบื่อหน่าย ทำไมเธอต้องทำตัวเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตเขามากเกินไป
“อลิสไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น มาร์คหล่อขนาดนี้ แม้แต่พนักงานในบริษัทยังมองท่านประธานตาเป็นมัน” หลายต่อหลายครั้งที่เธอเห็นลูกน้องสาวสวยทอดสะพานให้ผู้บริหารหนุ่มหล่อ แม้จะเป็นแค่คู่นอนชั่วคราวก็พร้อมจะขึ้นเตียงด้วยเสมอ
“ก็ได้แค่มองเท่านั้น”
“อลิสรู้น่า อลิสเชื่อใจมาร์ค” หญิงสาวยอมจำนนเมื่อเห็นท่าทางของเขา เธอจะยอมไปก่อน แต่ถ้ามีหน้าไหนกล้าลองดี ได้รู้จักฤทธิ์เดชเธอแน่
“ผมจะอาบน้ำ คุณกลับไปเถอะ” มาร์ตินเอ่ยปากไล่ชนิดไม่มีอ้อมค้อมสักนิด
“รีบไล่อลิสกลับจัง” เจ้าหล่อนทำหน้างอ เขาควรจะชวนเธอค้างที่นี่ด้วยสิถึงจะถูก
“ที่ผมพูดยังไม่ชัดพออีกเหรอ กลับคือกลับ ไว้จะโทรหาเอง” น้ำเสียงที่พูดออกมาทั้งเข้มและเด็ดขาดอยู่ในทีจนคนฟังจำต้องยอมล่าถอย
“โอเค กลับก็กลับ” อลิสจำใจทำตามคำสั่งอย่างเสียไม่ได้เพราะรู้จักนิสัยชายหนุ่มตรงหน้าดีกว่าใคร มือเล็กเอื้อมไปโอบรอบต้นคอแกร่งไว้หลวมๆ แล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มสากอย่างรวดเร็ว “บายค่ะมาร์ค”
หลังจากที่ไล่คู่ควงสาวกลับไปแล้ว เจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ก็สวมเพียงกางเกงขายาวตัวเดียว ซึ่งปกติใส่เวลานอนเป็นประจำ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบริเวณมุมปากเมื่อเดินมาล้มตัวนอนลงบนเตียง อย่างน้อยวันนี้เขาก็จัดการกับแม่เด็กจอมอวดดีนั่นได้
