บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 [ราวกับรอให้ข้าแตะต้องเจ้า]

เล่ห์รักพยัคฆ์โลหิต

ตอนที่ 7

[ราวกับรอให้ข้าแตะต้องเจ้า]

"เอาหยกนี่ให้นางกุ้ยเหนียง"

"ทราบแล้วเจ้าค่ะ"

เสวี่ยอิงรับหยกสีขาวแกะสลักลายบัวบานที่มีพู่ห้อยสีเขียวมาถือไว้ แต่สาวน้อยยังมิกล้าขยับไปที่ใด ด้วยเสื้อที่สวมอยู่นั้น มันทำให้สาวน้อยลำบากใจที่จะออกไปเดินนอกเรือนจริง ๆ

ลู่หลิงซีหยัดยิ้มจางมุมปาก เงยใบหน้าหล่อเหลาขึ้นมองนาง วันนี้เขาตื่นแต่เช้าและพบว่าซ่งเสวี่ยอิงนั่งขดตัวพิงหลับอยู่ข้างเตียงเขาตลอดทั้งคืน จนเนื้อตัวนางเย็นจัด เพราะมิมีผ้าห่มคลุมกาย ชายหนุ่มลืมไปเลยว่าเสื้อที่ให้นางสวมใส่นั้นช่างบางเบา และสั้นหมิ่นเหม่สายตาเหลือเกิน

"เสวี่ยอิง" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ย พร้อมมือใหญ่กวักเรียก ทำให้สาวน้อยเม้มริมฝีปาก หลุบตาลงต่ำค่อย ๆ ขยับเข้ามาหาคุณชาย มือก็จับชายเสื้อมิให้เลิกขึ้นสูงยามย่างเดิน

เสวี่ยอิงมักจะมีทีท่าตระหนกทุกครั้งที่เขาให้นางเข้ามาใกล้ มิรู้นางหวาดกลัวอันใดเขานักหนา หรือเพราะกิตติศัพท์ร้าย ๆ ที่เล่าสู่กันฟังของบ่าวไพร่ที่เล็ดลอดไปเข้าหูนาง

"คุณชายมีสิ่งใดจะใช้บ่าวเจ้าคะ" สาวน้อยส่งเสียงถาม นางมักจะซ่อนสีหน้าไว้เสมอ

“...” ลู่หลิงซีมิตอบ ทำเพียงวางฝ่ามือลงบนเอวคอดกิ่ว แล้วรั้งร่างเล็ก ๆ ให้นั่งลงบนตักตน ก่อนที่คุณชายจะหยิบเอาเสื้อคลุมตัวนอกที่ถอดวางไว้มาสวมทับให้นาง

เสวี่ยอิงนั่งนิ่ง ปลายจมูกสาวน้อยขยับรับกลิ่นกายของชายหนุ่มที่อบอวลอยู่บนผืนผ้าขาวสะอาด นั่นยิ่งทำให้นางหัวใจสั่นระรัว ผิวแก้มร้อนผะผ่าวขึ้นมา

ดูเหมือนทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณชายหลิงซีจะมีผลต่อความรู้สึกนางยิ่งนัก...เป็นเช่นนี้มิดีเลย

"ขอบคุณเจ้าค่ะ" น้ำเสียงหวานส่งเสียง แม้พยายามจะมิให้ฟังดูสั่นพร่าเพียงใด แต่ยามชิดใกล้กับคุณชาย การจะควบคุมน้ำเสียง ก็ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน

ได้ยินนางเอ่ย ชายหนุ่มก็ขยับยิ้มพอใจ สวมกอดร่างนางไว้หลวม ๆ ทว่าคนในอ้อมกอดกลับตัวสั่นเทาน้อย ๆ ยามเขาทำเช่นนี้

"จะตัวสั่นทุกครั้งที่ข้ากอดเจ้ารึ" น้ำเสียงเรียบเอ่ยถามชิดใบหูเล็กคนบนตัก จมูกก้มลงสูดดมกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของนางเข้าปอดมิหยุด ยิ่งนางก้มหน้า เขาก็ยิ่งมองเห็นท้ายทอยขาว ๆ ของนางมากขึ้น จนอดใช้ปลายจมูกลงไปถูไถ แกล้งให้ขนอ่อนนางลุกเกรียวมิได้

ลู่หลิงซีลอบกลืนน้ำลาย เขารู้ตัวดีว่ากำลังกระหายความงดงามและหอมหวนตรงหน้าแค่ไหน ทว่าซ่งเสวี่ยอิงค่อนข้างประหยัดถ้อยคำ และทำตัวแตกต่างจากสาวใช้หรือสตรีที่เขาเคยพบ ที่นางเป็นเช่นนี้เพราะก่อนถูกขายมาเป็นบ่าว นางเคยเป็นคุณหนูมาก่อนอย่างนั้นหรือ

'ความเป็นอยู่ของสกุลซ่งหาใช่แร้นแค้นขอรับ แต่ที่ซ่งเสวี่ยอิงถูกขายมา เพราะนางหลี่ฮุ่ยแม่เลี้ยงของนางมิชอบใจนางนัก พอนางสิ้นมารดาแท้ ๆ นางหลี่ฮุ่ยจึงใช้งานคุณหนูใหญ่เยี่ยงบ่าว โดยที่บิดานางมิเอ่ยขัดอะไร แต่สุดท้ายก็มิวายกำจัดนางให้พ้นหูพ้นตาด้วยวิธีนี้ขอรับ'

คำบอกเล่าของเหยียนชิง ผู้ติดตามคนสนิทไหลวนเข้ามาในห้วงความคิดของคุณชายรูปงามอีกครั้ง

"ว่าอย่างไร เจ้ากลัวข้าจริงรึ" ลู่หลิงซีถามนางอีกคำ

เสวี่ยอิงส่ายหน้า ขยับเข่าเข้าชิดกัน ยิ่งนางตัวเล็กอยู่แล้ว ยามนั่งอยู่บนตักเขาแล้วทำตัวลีบเช่นนี้ ตัวนางก็ยิ่งดูเล็กราวเด็กน้อยเข้าไปใหญ่

"บ่าวมิรู้เจ้าค่ะ"

แม้มิได้หวาดกลัวว่าคุณชายจะทำร้ายรุนแรง แต่ยามอยู่ใกล้กันทีไร ร่างกายมันกลับสั่นไหวทุกที ยิ่งยามที่น้ำเสียงทุ้มกระซิบแผ่ว ๆ ลมหายใจอุ่นที่กรุ่นรินรดใบหู ทุกอย่างที่คุณชายกระทำ มันมีผลกับร่างกายนางทั้งสิ้น นางมิอยากให้เป็นเช่นนี้เลย

"หันมาตอบดี ๆ" ได้ยินคำสั่ง มือบางก็กำกันแน่น ใบหน้าอ่อนหวานค่อย ๆ หันไปหาเขา และเห็นว่านัยน์ตาคมลุ่มลึกของคุณชายจดจ้องมาที่ริมฝีปากนาง

เพียงถูกสายตาแสนมีเสน่ห์ของเขาจับจ้อง ร่างนางก็ร้อนไปหมดแล้ว

ลู่หลิงซีกวาดมองนางอย่างถ้วนทั่วอีกครั้ง ถึงนางจะตัวเล็กทว่าเสน่ห์ของนางนั้นมากล้น ยิ่งนางทำตัวเหมือนลูกแมวโดนดุอยู่ตลอดเวลาก็ยิ่งน่ารังแกนัก

"บ่าวไปได้หรือยังเจ้าคะ" ริมฝีปากงามขยับถาม

เสวี่ยอิงมิชอบมองสบกับสายตาคมของคุณชายเท่าไร มิอยากให้เขาเรียกชื่อนางด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น เป็นไปได้นางแทบมิอยากโดนเขาแตะต้องเช่นนี้เลย

"สายตาเจ้ายามมองข้าราวกับรอให้ข้าแตะต้องเจ้า...สัมผัสกายเจ้าเช่นนี้" ลู่หลิงซีเอ่ยเสียงแผ่วลง มือก็สอดไล้ลูบไปตามขาอ่อนของนาง จนรับรู้ว่านางกำลังนั่งตัวเกร็งเครียด ดวงหน้างามส่ายปฏิเสธถ้อยคำของเขา

"มิใช่เจ้าคะ!" สาวน้อยจับมือเขาที่เลื่อนขึ้นสูงผ่านผืนผ้า จับกำไว้แน่นมิให้เขาขยับลูบมันได้อีก

ทว่ายิ่งสาวน้อยปฏิเสธ ลู่หลิงซีกลับยิ่งมิยินยอมรับฟัง

"อย่างนั้นรึ?"

แม้จะตอบรับคำนาง ทว่าริมฝีปากร้อนกลับก้มลงประกบเรียวปากอิ่มนุ่มนิ่มสีสดยั่วตา เขาค่อย ๆ ขยับแนบชิดจนลมมิอาจไหลผ่าน มือถอนออกจากเรียวขาอ่อน มาจับท้ายทอยเล็กของนางตรึงไว้แน่น บดเบียดจุมพิตวาบหวามสลับดูดดึงกลีบปากงามเบา ๆ จนร่างนางสั่นสะท้าน ขยับปากตามการนำพาของเขา

เสวี่ยอิงมิอาจต้านทานยามถูกอีกฝ่ายรุกรานได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยนางย้ำกับตนเองตั้งแต่แรกว่าหากต้องการอยู่ที่นี่ นางมิควรขัดใจเขา

"อื้อ! หายใจมิทันเจ้าคะ"

เสวี่ยอิงเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากเขา ยันมือกับแผ่นอกแกร่งอย่างเหนื่อยหอบ รสจุมพิตแนบชิดสนิทกันที่เว้นระยะเพียงอึดใจให้นางได้กอบโกยเอาอากาศเข้าปอด เพื่อต่อลมหายใจ ช่างทรมานราวกำลังถูกช่วงชิงวิญญาณมิผิด

"จูบตอบข้า ทีนี้ยังจะบอกว่ามิต้องการข้ารึ" เสียงเรียบเอ่ยถามชิดริมฝีปากงาม ก่อนกดจูบนางหนัก ๆ หนึ่งที

หากมิต้องการ นางก็ควรปฏิเสธให้เข้มแข็งมากกว่านี้!

"บ่าวมิยินยอมได้หรือเจ้าคะ" เสวี่ยอิงเงยหน้าถามแทบมิได้ยินเสียง นัยน์ตาหวานสั่นระริกยามรอคำตอบ

"จะปฏิเสธใครก็ได้ แต่เจ้าปฏิเสธข้ามิได้" เขาว่า

ตุบ!

ร่างของนางถูกดันลงนอนราบบนเตียง ตามด้วยลู่หลิงซีที่ทาบทับลงมาบนตัวนาง เสื้อนอกที่เพิ่งสวมคลุมให้ถูกรั้งออกไป เรียวขาถูกแยกออกเพื่อให้กายกำยำแทรกขยับเข้าไปใกล้นางมากขึ้น จนสาวน้อยรับรู้ว่าส่วนแข็งขืนของคุณชาย ที่อยู่ภายใต้อาภรณ์บางเบากำลังเสียดสีกับเนินโยนีของนาง

"คุณชาย..."

เสียงพร่าร้องเรียก นัยน์ตาหวานรื่นไปด้วยม่านน้ำตา จนมองใบหน้าหล่อเหลามิชัด

"ปากกับร่างกายเจ้ามันขัดกันยิ่งนัก" ลู่หลิงซีเอ่ยแย้ง

แม้ปากนางจะบอกว่ามิอยากยินยอม แต่ส่วนที่อยู่ภายใต้ผืนผ้าบาง และกำลังถูกเขาเสียดสีกลับฉ่ำแฉะชัดเจน

'ความรู้สึกเจ้าช่างไวดียิ่งนัก'

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel