ตอนที่ 5 [ทำแค่ที่สั่ง ฟังแค่ที่พูด]
เล่ห์รักพยัคฆ์โลหิต
ตอนที่ 5
[ทำแค่ที่สั่ง ฟังแค่ที่พูด]
"อ่าส์! พอเถิดเจ้าค่ะ"
"อ๊ะ! บ่าวมิไหวแล้ว"
"อื้อ! คุณชายปรานีด้วยเจ้าค่ะ"
ซ่งเสวี่ยอิงที่แทบมิมีเสียงหวาน ๆ เหลือ ยังคงส่งเสียงเช่นนี้มาร่วมครึ่งชั่วยาม จนคนของฮูหยินลู่ที่มาแอบฟังข้างเรือนบงกชอยู่มิเป็นสุข มิคิดว่าคุณชายที่ขาดสตรีมานานจะลากสาวใช้คนใหม่ขึ้นเตียงแบบมิหยุดพักเช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้ซ่งเสวี่ยอิงคงได้คลานลงจากเตียง ไม่ก็อาจจะสิ้นใจตายคาอกคุณชายลู่หลิงซีก่อนฟ้าสางก็เป็นได้
"ข้าว่ากลับไปรายงานฮูหยินเถิด ยืนฟังนางครางอยู่เช่นนี้ของข้าปวดจะแย่อยู่แล้ว" บ่าวรับใช้ว่า สองมือกุมกล่องดวงใจไว้อย่างทรมาน
"คิดว่าข้าจะมิรู้สึกอะไรรึ ให้ตาย! เหตุใดคุณชายอึดถึงเพียงนั้น ตั้งแต่ยืนฟังมา มิรู้นางเสร็จสมไปกี่ครั้งแล้ว"
เมื่อปรึกษากันได้ ไม่นานเสียงของบ่าวรับใช้ที่ถูกส่งมาสอดแนมอยู่ข้างเรือนบงกชก็เงียบไป
ลู่หลิงซีมองผิวกายขาวเนียนนุ่มมือของสาวน้อยที่ชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ นอนหอบหายใจถี่อยู่บนเตียง จึงขยับเรือนกายถอยห่างจากตัวนาง
"ลุกขึ้นมา" เสียงเรียบสั่งสั้น ๆ ทำให้เสวี่ยอิงได้แต่กรีดร้องในใจ
"บ่าวบอกว่ามิได้ปวดตัว เหตุใดถึงยังจะนวดอีกเจ้าคะ ถ้าคุณชายจะมิให้บ่าวอยู่ ก็ไล่บ่าวตรงๆเถิดเจ้าค่ะ" เสวี่ยอิงที่น้ำตาซึมนัยน์ตาหวานหันมาต่อว่าคุณชายอย่างลืมตัว
'นวดจับเส้นบ้าอะไร ถึงทำให้ข้าเจ็บระบมไปทั้งร่างเพียงนี้ เขาจะฆ่าข้าชัด ๆ'
"ดูเหมือนเจ้าอยากให้ข้าทำอย่างอื่น" เขาย้อน ทำให้สาวน้อยมิกล้าเอ่ยอะไรอีก
เสวี่ยอิงขยับร่างกายที่เพิ่งถูกเขานวดจับเส้นลุกขึ้นนั่งอย่างทรมาน นัยน์ตากลมเจือความขุ่นเคืองเล็ก ๆ มองใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายหลิงซีที่ดูจะมิรู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่ทำลงไปนัก
"ทำไมต้องให้บ่าวส่งเสียงดัง ๆ ด้วยเจ้าคะ แค่ก ๆ" เสวี่ยอิงหาเข้าใจที่เขาบอกไม่ นางส่งเสียงจนคอแทบจะแตกอยู่แล้ว พรุ่งนี้จะมีเสียงพูดหรือไม่ก็ยังมิรู้เลย
พอขึ้นจากอ่างอาบน้ำ คุณชายก็บอกให้นางมาช่วยเขา ซึ่งเสวี่ยอิงเตรียมใจไว้ทันทีว่านางคงมิพ้นต้องสละพรหมจรรย์อุ่นเตียงให้คุณชายที่แท่งหยกใหญ่แข็งขันประจักษ์แก่สายตานางเช่นนั้น
ทว่าคุณชายกลับบอกให้นางนอนลงเขาจะนวดตัวให้ หากนางจะส่งเสียงก็ให้ส่งเสียงดัง ๆ และตอบเฉพาะสิ่งที่เขาถามเท่านั้น หากนางเอ่ยอย่างอื่น เขาจะลงโทษนางด้วยแท่งหยกของเขาแทน ซึ่งพอได้ฟังหนทางรอดเช่นนั้นเสวี่ยอิงจึงรีบรับปากคุณชายทันที
และเมื่อเขาถามว่า 'ให้พอหรือไม่' นางจึงตอบว่า 'พอเถิดเจ้าค่ะ'
เมื่อเขาถามว่า 'เจ้าไหวรึไม่' นางจึงตอบว่า 'บ่าวมิไหวแล้ว'
และคำถามสุดท้ายที่เขาถามคือ 'ให้ปรานีเจ้ารึไม่' นางจึงตอบว่า 'คุณชายปรานีด้วย'
แล้วคุณชายก็เอาแต่ถามคำถามเดิมวนซ้ำๆเช่นนั้นเป็นครึ่งชั่วยาม ทำให้นางส่งเสียงจนเจ็บคอไปหมด เมื่อรวมกับเสียงร้องของนาง ถ้อยคำเหล่านั้นที่ตอบโต้กัน หากมีคนได้ยินเข้า คงจะคิดไปในทางที่ดีมิได้
ลู่หลิงซีหยัดกายลุกขึ้นยืน ก่อนจะผูกเชือกที่เสื้อของตนให้เรียบร้อย เขาเดินไปหยิบเสื้อมาตัวหนึ่ง ก่อนจะโยนให้สาวน้อย
"เสื้ออย่างเดียวหรือเจ้าคะ" เสวี่ยอิงที่นั่งเอาผ้าห่มของคุณชายบดบังร่างกายเปลือยเปล่าของตนเอ่ยถาม
"จะใส่อะไรนัก" เสียงเรียบย้อนถาม นางจึงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาสวมเสื้อที่มองดูก็รู้ว่าเป็นของคุณชาย แต่ความยาวมันเพียงเหนือเข่านางเท่านั้นเองนะ แบบยาว ๆ ถึงข้อเท้าอย่างที่เขาสวมอยู่มันมิมีแล้วหรือไง
'นี่มันมิสั้นไปหน่อยหรือ เอี๊ยมก็มิมี ชั้นในก็มิให้ เขาคิดอะไรอยู่กันแน่'
เสวี่ยอิงก้าวลงจากเตียงด้วยท่าทางเหนียมอายและค่อนข้างระมัดระวัง เมื่อบนร่างบอบบางมีเพียงเสื้อสีขาวตัวเดียว ยามขยับเดินข้างล่างมันรู้สึกโล่ง จนทำให้สาวน้อยผิวแก้มร้อนฉ่า
"คุณชาย บ่าวว่ามัน…" สาวน้อยอึกอักเกินจะอธิบาย แต่พอเห็นสายตาคมที่มองมาก็มิกล้าเอ่ยอะไรให้เขามีโทสะ
'ข้าต้องยอมทำอะไรเช่นนี้ เพื่อความอยู่รอดเชียวหรือสวรรค์'
"ข้าจะอ่านหนังสือ" ลู่หลิงซีตัดบทด้วยสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะเล็ก ๆ ที่มีหนังสือแนวปรัชญาวางซ้อนกันอยู่ เสวี่ยอิงได้แต่เฝ้ามองตามเขา นางมิเคยทำงานสาวใช้มาก่อน จึงได้แต่ยืนหมุนซ้ายหมุนขวา ด้วยมิรู้ต้องทำตัวอย่างไร
คุณชายจอมบงการนั่งลงบนเบาะรองในท่วงท่าสบายใจ ก่อนหยิบหนังสือที่ถูกคั่นด้วยไม้ฉลุลายบาง ๆ ขึ้นมาอ่าน ทว่าเพียงพลิกหน้าหนังสือไปสองสามหน้า หางตาชายหนุ่มกลับต้องปรายมองไปยังร่างเล็ก ๆ ที่เอาแต่ยืนนิ่ง อยู่กับที่ ราวกับมิรู้ว่าต้องทำสิ่งใดต่อ
"ชงชา" เสียงเรียบเอ่ย
"ได้เจ้าค่ะ" สาวน้อยรับคำ ก่อนจะเดินไปยังเตาเล็ก ๆ ที่มีชุดชาวางอยู่ แต่นางมิรู้ว่าคุณชายชื่นชอบรสชาติชาแบบไหน จึงชงรสชาติกลาง ๆ ไป ครู่หนึ่งเสวี่ยอิงก็เดินมาหาเขาพร้อมถาดกาน้ำชา
สาวน้อยวางถาดและรินชาใส่ถ้วย สายตาลอบมองใบหน้างดงามทว่าเรียบเฉย ที่กำลังให้ความสำคัญกับหน้าหนังสืออยู่ ก็รู้สึกว่ายามคุณชายอยู่เฉยๆเช่นนี้ก็ดูมิได้น่ากลัวอะไรนัก แถมความงดงามของเขานั้นก็ดูมีเสน่ห์ยิ่ง
"มานี่…" เห็นนางเอาแต่แอบมองจึงเอ่ยเรียก เสวี่ยอิงจึงได้แต่ขยับลุกไปหาเขา มือก็พยายามจับชายเสื้อมิให้เปิดตอนเดิน
ลู่หลิงซีคว้าเอวเล็ก ๆ ของนางมานั่งบนตัก มือหนึ่งถือหนังสือ อีกมือก็ลูบไล้เรียวขาเนียนของนางเล่น สาวน้อยถึงกับใบหน้าร้อนฉ่า กระพริบตามองคุณชายอย่างเอ่ยสิ่งใดมิออก เขาเรียกนางมานั่งเพื่อจะทำเช่นนี้น่ะหรือ
"คุณชายเจ้าคะ...อ๊ะ!" น้ำเสียงหวานสั่นน้อยๆเมื่อมือใหญ่ที่ลูบไล้เรียวขานาง กลับเลื่อนขึ้นมากอบกุมปทุมถันภายใต้อาภรณ์แทน ยามเขาขยับนวดคลึงเต้าอวบหยุ่นทำเอาร่างเล็กสะท้านตามแรงมือชายหนุ่มไปเสียทุกครั้ง
"คุณชายหยุดมือเถิดเจ้าค่ะ" เสียงนางพึมพำขอร้อง
"ซ่งเสวี่ยอิง" ทว่าน้ำเสียงทุ้มของเขากลับทำให้จังหวะการหายใจของสาวน้อยถี่ขึ้น
"คุณชาย..." มือเล็กคว้าจับมือเขาผ่านผิวผ้า เมื่อชายหนุ่มขยับฝ่ามือเคล้นคลึงเต้าเต่งหนักขึ้น ความรู้สึกวาบหวามแปลกประหลาดที่ก่อตัวภายในร่างกายยามโดนคุณชายสัมผัส ทำให้สาวน้อยขยับเรียวขามาชิดกัน ที่ส่วนหวงแหนไร้ชั้นในปกปิดมันรู้สึกชื้นแฉะไปหมด ต้องนั่งอยู่เช่นนี้ช่างน่าอายยิ่งนัก
รอยยิ้มขยับประดับมุมปากชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าร่างเล็ก ๆบนตักเริ่มตอบสนองเขามากขึ้น เรียวขาที่ตั้งใจขยับมาเบียดชิดกัน มือที่จับมือเขามิให้ขยับสัมผัสนาง ทั้งน้ำเสียงสั่นพร่ากระเส่า บ่งบอกว่านางอ่อนไหวไปกับสัมผัสของเขามิน้อย
"เจ้าขยับตัวไปมาข้าอ่านมิรู้เรื่อง" เขาเอ่ยบอกชิดใบหูนาง ก่อนจะก้มลงสูดดมกลิ่นกายหอมตรงหลังคอ ทำเอาเสวี่ยอิงรีบก้มหลบปลายจมูกของเขาทันที
"เช่นนั้นให้บ่าวลุกเถิดเจ้าคะ คุณชายจะได้อ่านสบาย ๆ" สาวน้อยรีบบอก และตั้งท่าลุกขึ้นแต่อีกฝ่ายกลับบีบหน้าอกนางแรงขึ้นและกดบั้นท้ายกลมกลึงของนางให้นั่งลง
"ข้าบอกรึ" เสียงเรียบถามมา
"บ่าวเพียงกลัวว่า…"
"ทำแค่ที่ข้าสั่ง ฟังแค่ที่ข้าพูด" ลู่หลิงซีเอ่ยแทรก เมื่อเห็นว่านางกำลังหาทางออกให้ตนเองอีกครั้ง ทำให้สาวน้อยต้องยอมนั่งลงนิ่ง ๆ ปล่อยให้เขาลูบไล้เรือนร่างนางต่อพร้อมกับการอ่านหนังสือ
'นี่มันอะไรกัน ข้ามาทำอะไรที่นี่กันแน่'
ผ่านไปครู่ใหญ่ลู่หลิงซีก็รู้สึกว่าร่างเล็ก ๆ มิได้เกร็งตัวเช่นตอนแรกอีกแล้ว ตัวนางเอียงไปเอียงมา สุดท้ายศีษระเล็ก ๆ ก็ตกมาอิงกับแผ่นอกเขา เมื่อก้มมองก็เห็นว่าแพขนตาหนาของนางปิดดวงตาหวานนั่นเสียแล้ว
'หลับรึ? ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่บนตักข้า เจ้าก็ยังกล้าหลับ'