บทนำ (1)
วาริสาตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าสดใสพลางยิ้มรับกับเช้าวันใหม่ที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ ในวันนี้เธอมีนัดกับอังคณาเพื่อนสาวคนสนิทที่ตามกันมาจากเมืองไทย อังคณาเป็นคนอัธยาศัยดี ทั้งยังรอบรู้ ฉลาดเฉลียว และเก่งกาจในทุก ๆ ด้าน เป็นเพื่อนที่เธอสนิทด้วยมากที่สุดเพราะครอบครัวของเราสองคนรู้จักกันมาก่อนทำให้รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วหลังจากที่เกิดเรื่องในครั้งนั้นเธอและพี่ตาก็ย้ายมาอยู่ฝรั่งเศสโดยที่เธอเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐในกรุงปารีส
เนื่องจากตัวเธอเป็นโรคหัวใจมาแต่กำเนิดทำให้ทุกคนในครอบครัวพากันประคบประหงม คอยดูแลและห่วงใยอยู่ไม่ห่าง จนเมื่อกระทั่งพ่อกับแม่เสียชีวิตไปในอุบัติเหตุ เธอก็ได้รับการดูแลจากพี่ตาอย่างสมบูรณ์ ทุกวันนี้เธอกับพี่ตาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ เป็นบ้านเดี่ยวกะทัดรัดน่ารัก มีห้องนอนสองห้อง มีห้องน้ำในตัว ห้องครัว และห้องนั่งเล่นที่สามารถใช้รับแขกได้ ด้านหน้าของบ้านมีสวนดอกกุหลาบขาว รั้วไม้สูงแค่ระดับเอวล้อมรอบ ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารักและดูอบอุ่นในสายตาเธอ
อาชีพของเธอในแต่ละวันก็คือการนั่งถักไหมพรม ทำของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปฝากขาย เป็นของแฮรนด์เมดทำมือ อาศัยรายได้นิด ๆ หน่อย ๆ อยู่รอดไปวัน ๆ แต่มันติดเรื่องค่ารักษาพยาบาลของเธอในแต่ละเดือนที่ราคาสูงลิบลิ่วจนพี่ตาต้องทำงานหาเงินยุ่งจนหัวหมุนไปหมด เธอรู้ว่าพี่ตาเหนื่อยแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยหลุดปากพูดออกมา เธอเองก็พยายามจะแบ่งเบาภาระบ้าง ทั้งยังเคยเอ่ยปากขอออกไปทำงานข้างนอกช่วยพี่ตาอีกแรงแต่ก็ได้รับการปฏิเสธกลับมา
ลำพังแค่ค่ากินค่าอยู่ก็ไม่หนักหนาอะไรหรอก แต่มาหนักตรงค่ายาของเธอในแต่ละเดือนนี่สิ เธอถึงต้องแอบมาหางานทำโดยนัดแนะเพื่อนสาวมานั่งที่ร้านเบเกอรี่หน้าปากซอยเพื่อขอความช่วยเหลือ
“อะไรนะ! แกจะออกไปทำงาน?!” แต่ทันทีที่พูดออกไป เสียงร้องอุทานของอีกฝ่ายก็ดังลั่นเรียกสายตาของลูกค้าในร้านเบเกอรี่ให้หันกลับมามองทางพวกเราเป็นสายตาเดียว สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนตำหนิที่พวกเธอส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น จนวาริสาที่เห็นแบบนั้นต้องรีบเอ่ยปากขอโทษขอโพยยกใหญ่
“ขอโทษค่ะที่พวกเราส่งเสียงดังรบกวน ขอโทษด้วยนะคะ” ดวงหน้าสวยหวานรีบผงกศีรษะลงเป็นการแสดงความขอโทษ แต่ที่ทำให้ทุกคนเผลอพยักหน้าลงไม่เอาความอย่างงง ๆ เห็นจะเป็นรอยยิ้มอ่อนหวานที่แสดงออกถึงความจริงใจ เป็นรอยยิ้มเย็นตาที่พอพวกเขาเห็นแล้วก็พลอยรู้สึกเย็นใจไปด้วย ใครกันจะกล้าโกรธนางฟ้าผู้มีดวงตาหวานซึ้งตรึงใจตรงหน้าได้ ต่อให้เธอทำผิดก็มองว่าถูกเสมอ
“แกกำลังหาเรื่องโปรยเสน่ห์ใส่คนอื่นอยู่นะ ยายตัวร้าย” เสียงกระซิบกระซาบของอังคณาเต็มไปด้วยความหมั่นไส้พร้อมกับมุมปากที่บิดเบ้เล็กน้อย เธอมองไปยังคนหน้าหวาน แล้วก็ต้องส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้ ยายสามีหน้าตาเป็นอาวุธจริง ๆ ไม่สิ อันที่จริงต้องเรียกว่ารอยยิ้มเป็นอาวุธต่างหาก เผยยิ้มออกมาทีไร คนพากันรักกันหลงทุกที
“ยายตัวแสบอย่างเธอมีสิทธิ์มาว่าฉันด้วยเหรอ ยายหนูอัน” ส่วนวาริสาก็สวนกลับไปด้วยรอยยิ้มเลศนัย ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับฉายแววเจ้าเล่ห์มองฝ่ายตรงข้ามอย่างรู้ทัน
“มีสิยะ คนสวยว่าได้ ไม่ผิดกฎหมายย่ะ”
“ก็จริงที่คนสวยว่าได้ แต่ถ้าว่าไม่ถูกที่ถูกเวลา ระวังคนสวยจะโดนจับเอานะ” วาริสาหยอกกลับพลางหัวเราะในลำคอกับความมั่นใจเกินร้อยที่ดูจะเกินลิมิตไปสักหน่อยของเพื่อนสาว สักพักเธอก็ได้รับเสียงแค่นหัวเราะตอบกลับมาพร้อมกับดวงตาคมสวยที่ตวัดมองอย่างเชือดเฉือน
อังคณากำลังใช้ความคิดอย่างหนักถึงวิธีการหลบหลีกการจับผิดของพี่ตา หลังจากที่ได้รู้ว่ายายตัวร้ายคิดจะทำอะไร เธอก็หวั่นใจจนนั่งเก้าอี้แทบไม่ติดพื้น นี่ถ้าพี่ตารู้เรื่องนี้เข้า เธอยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และในฐานะที่เธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดคงมีสภาพศพไม่สวยสักเท่าไหร่ เธอเองก็รู้สึกลำบากใจไม่น้อย แต่ถ้าไม่ช่วยยายตัวร้ายคงได้ก่อเรื่องขึ้นมาอีกแน่
“แน่ใจนะว่าอยากทำงานจริง ๆ” เพื่อป้องการข้อผิดพลาดที่เกิดจากการฟังผิด หูเพี้ยน หรือว่าสมองประมวลคำพูดสับสน อังคณาจึงถามย้ำอีกครั้งด้วยใบหน้าจริงจัง ทำเอาวาริสาถึงกับผุดยิ้ม ถึงภายนอกอังคณาจะเป็นผู้หญิงร้าย ๆ แรง ๆ แต่ภายในก็เป็นคนอ่อนโยนคนหนึ่งและมักใจอ่อนให้กับเธอเสมอ
“แน่ใจสิ ฉันเรียนจบแล้วนะอัน ฉันก็อยากทำงานเหมือนคนอื่น ไม่ใช่ร่ำเรียนมาออกสูงแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ฉันไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่าที่ต้องคอยพึ่งพาพี่สาวอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าให้ไปขอพี่ตาโดยตรงก็คงเป็นเหมือนทุกครั้ง โดนปฏิเสธกลับมาอีกตามเคย”
“ก็แล้วถ้ารู้อย่างนั้นจะทำไปทำไม อยู่สบายดี ๆ ไม่ชอบเหรอย่ะ ชอบลำบากว่างั้นเถอะ” อังคณาแอบประชดประชันใส่
“เธอไม่เข้าใจ...เฮ้อ ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย”
ใบหน้าหวานสลดลงด้วยความเศร้าใจ ขณะที่ริมฝีปากอมชมพูเม้มแน่น วาริสาแสร้งหันหน้าเมินหนีไปทางอื่นราวกับไม่ต้องการพูดกับเพื่อนสาวอีก ถ้าแม้แต่อังคณายังไม่ยอมช่วยแล้วเธอก็คงจนปัญญาที่จะออกไปผจญภัยข้างนอก ถ้าคิดอยากจะทำงานอังคณาก็นับว่าเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดแล้ว ไหนจะต้องปกปิดพี่ตา ไหนจะต้องคอยหลบหลีกไม่ให้บังเอิญเจอกันข้างนอกอีก
แล้วถ้าให้ไปขอพี่ตาตรง ๆ ก็คงไม่ยอมแน่ แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ก็ไม่รู้ว่าพี่ตาจะทนได้แค่ไหน ถึงงานแต่ที่ทำแต่ละอย่างจะไม่หนักหนาอะไรแต่ก็เยอะแยะจนเธอเห็นแล้วยังอดรู้สึกเหนื่อยใจแทนไม่ได้เลย