บทที่ 2 เหตุบังเอิญที่เกิดขึ้นจริง (2)
“ต้องการติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ถามขึ้น เมื่อทั้งสองสาวเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้า วาริสากระตุกมืออังคณาอีกครั้งเพื่อขอให้อีกฝ่ายช่วยตอบแทน
“อ้อ ดิฉันพาเพื่อนมาสมัครงานค่ะ”
“คะ? หมายถึงเพื่อนคนนี้หรือเปล่าคะ” พนักงานคนเดิมหันหน้าไปมองยังหญิงสาวหน้าหวาน แต่ท่าทางเซื่อง ๆ ซึม ๆ เหมือนคนตื่นไม่เต็มตาก็ทำให้เธอถึงกับทำหน้าไม่ถูก แค่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเข้ามาทำงานที่นี่ก็ชักเป็นห่วงอนาคตของบริษัทเสียแล้ว แต่เรื่องที่จะรับหรือไม่รับอีกฝ่ายเข้าทำงานไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องมาสนใจ เรื่องนี้เจ้านายของเธอจะเป็นฝ่ายตัดสินใจเอง
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญกรอกใบสมัครตามแบบสอบถามของบริษัทค่ะ พร้อมทั้งแนบใบจบการศึกษา บอกตำแหน่งงานที่อยากทำและเงินเดือนที่อยากได้ หลังจากนั้นรอเจ้านายของดิฉันเรียกสอบสัมภาษณ์อีกหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้เจ้านายกำลังติดประชุมด่วนอยู่ ถ้าคุณตัดสินใจดีแล้ว นี่ค่ะใบสมัคร” หญิงสาวในชุดสูทสุภาพเรียบร้อยยื่นแผ่นกระดาษหน้าปึกมาให้เธอ วาริสาจ้องมองใบสมัครพวกนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปรับพร้อมกับผงกศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ
“เชิญกรอกรายละเอียดทางด้านนั้นค่ะ”
“ค่ะ” เสียงใสกังวานดุจระฆังแก้วตอบกลับมาเพียงสั้น ๆ แต่กลับทำให้พนักงานสาวคนนั้นถึงกับยืนอึ้งตะลึงกับน้ำเสียงไพเราะน่าฟัง หากแต่วาริสาที่กำลังสนใจกับใบสมัครในมือไม่ทันได้เห็น สองเท้าก้าวไปยังโซฟาชุดเล็กที่จัดวางอยู่ด้านข้างเยื้องไปทางซ้ายติดกับกระจกบานเล็ก ดวงตาหวานซึ้งจ้องมองคำถามในนั้นพลางคิดว่าจะตอบอย่างไรดี ส่วนอังคณาที่ยังไม่ได้เดินตามไปก็หันกลับมาส่งยิ้มให้ คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้
หลังจากกรอกใบสมัครเสร็จและส่งให้ถึงมือพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ ร่างเพรียวบอบบางก็มานั่งรออยู่จุดเดิมบนโซฟาสีเทาหม่นตัวเดี่ยวสองมือขาวเนียนกุมเข้าหากันอย่างรอคอยรู้สึกว่านาฬิกาเดินช้าจนแทบทนไม่ไหว ปกติวาริสาไม่ใช่คนใจร้อน แต่น่าแปลกที่เรื่องนี้กลับทำให้เธอร้อนรนได้ เหมือนกับว่าถ้าไม่ได้งานนี้เธอก็คงหมดหวังที่จะทำงานแล้ว
เธอตั้งความหวังกับการสมัครครั้งนี้ไว้มากและหวังว่าจะผ่านการสอบสัมภาษณ์ด้วย ส่วนเรื่องเงินเดือนแล้วแต่ทางนี้จะให้เลย เธอยังไงก็ได้อยู่แล้ว
จนเมื่อเวลามาถึง พนักงานคนเดิมก็เดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้ม วินาทีนั้นวาริสากลับรู้สึกอยากให้เวลาหยุดลง เธอตื่นเต้นเสียจนมือไม้สั่นได้แต่จ้องคนตรงหน้าไม่ขยับเขยื้อน
“เจ้านายเรียกตัวคุณไปสอบสัมภาษณ์แล้วค่ะ”
“ทำไมถึงเร็วนักล่ะคะ” เสียงหวานหลุดถามออกไปเสียงเบาหวิวจนใครอีกคนถึงกับเลิกคิ้วเพราะเพิ่งได้ยินไปเมื่อกี้นี้เองว่าทำไมถึงประชุมนานนัก เมื่อไรจะออกมาสักที หรือว่าหูเธอฝาดไปถึงได้ยินยายปีศาจร้ายพูดแบบนั้น?
“รีบไปเถอะค่ะ อย่าให้เจ้านายรอนาน เดี๋ยวจะอารมณ์เสียเปล่า ๆ”
“น่ากลัวมากหรือคะ”
“ขอโทษค่ะ ดิฉันคงตอบคำถามนี้ไม่ได้ รีบเข้าเถอะค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงเจ้านายมีนัดกับลูกค้าข้างนอก เดี๋ยวจะอดสัมภาษณ์งานนะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” วาริสาตอบกลับไปด้วยสีหน้าประหม่า ดวงตาคมหวานสั่นไหวด้วยความรู้สึกหลากหลายจนคนข้าง ๆ ชักเป็นห่วง อังคณารีบเอื้อมมือไปจับมือเพื่อนสาวไว้ ก่อนจะพนักงานหนึ่งครั้งให้กำลังใจอีกคน
“แกทำได้อยู่แล้ว ฉันมั่นใจยายสา”
“ฉันจะพยายาม” เธอพูดออกไปแค่นั้นก็เดินตามพนักงานสาวไปยังลิฟต์ส่วนตัวของผู้บริหาร แค่เห็นป้ายที่ติดไส้ด้านหน้า หัวใจก็เต้นแรงไม่หยุด ไม่ใช่ว่าโรคหัวใจกำเริบแต่เธอกำลังตื่นเต้นมากต่างหาก
เวลาผ่านไปห้านาทีลิฟต์ก็มาหยุดอยู่ชั้นบนสุดของตึกสูง นัยน์ตาสีนิลมองไปยังตัวเลขด้านข้างก็พบว่ามันคือชั้นที่สามสิบ ดวงตาคู่หวานรีบละออกมาก่อนจะสูดลมหายใจเข้าออกรัวเร็วรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แม้ว่าเหงื่อเม็ดเล็กจะเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าแล้วก็ตามอากาศก็ไม่ได้ร้อนแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกร้อนนักนะ
“ตามมาทางนี้ค่ะ” เสียงของพนักงานคนเดิมเรียกสติของหญิงสาวให้กลับมา ร่างเพรียวบางในชุดรุ่มร่ามสีหวานฉ่ำรีบสาวเท้าตามไปด้วยสีหน้าประหม่าติดจะกังวลหน่อย ๆ
เมื่อสองสาวเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้สูงจรดเพดาน พนักงานสาวก็หันกลับมามองเธอแวบหนึ่งแล้วจึงหันไปกดกริ่งด้านข้างหนึ่งครั้ง วาริสาถึงกับเลิกคิ้วแปลกใจไม่คิดว่าจะต้องทำอะไรแบบนี้ อีกฝ่ายหันมายิ้มอย่างเข้าใจโดยไม่พูดอะไรก็มีเสียงจากด้านในดังขึ้น เธอคนนั้นหันมายิ้มให้พร้อมทั้งส่งสัญญาณบอกว่าให้เข้าไปได้แล้ว วาริสายืนนิ่งอยู่ที่เดิมรู้สึกไม่มั่นใจจนต้องหันไปขอความช่วยเหลืออีกครั้ง
“เข้าใจเถอะค่ะ เจ้านายไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แค่เป็นคนอารมณ์ร้อนไปสักหน่อย แต่รับรองว่าถ้าใจดีขึ้นมาน่ารักอย่าบอกใครเลย” อีกฝ่ายยิ้มแต่กลับไม่ได้ให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย แถมยังแอบหวั่นกับคำพูดก่อนหน้าที่บอกว่าคนด้านในมีอารมณ์ร้อน แค่ฟังดูก็รู้แล้วไม่น่าใจดี
“ขอบคุณมากนะคะ ฉันจะพยายามค่ะ” ริมฝีปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับอึ้งไป ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองรอยยิ้มนั้นอย่างต้องมนต์ วาริสาไม่สนใจพาร่างของตัวเองเข้าประชิดประตูหนาใหญ่ สองมือเอื้อมไปผลักออกอย่างง่ายดาย ทว่ากระแสไฟร้อนระอุที่พุ่งตรงเข้ามา ร่างเพรียวถึงกับหยุดชะงักไปรีบเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจทันทีที่เห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร!
สวรรค์กำลังเล่นตลกกับเธออยู่ใช่ไหม ทำไมเจ้าของบริษัทถึงกลายเป็นผู้ชายคนนั้นไปได้ล่ะ?!