บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 (ต่อ)

“อ่อว ข้าน้อยช่างเบาปัญญา งั้นเหตุใดคุณชายไม่ประมูลด้วยล่ะเจ้าคะ หรือว่า…” ...ไม่มีเงิน

สามคำหลังจากเอ่ยในใจแต่ใครได้มองสบตานางก็รู้ว่าต้องการจะพูดอะไรทั้งสิ้น ทำให้คนที่ถูกดูถูกถึงกลับเลือดขึ้นหน้า

“เจ้า ๆ ….”

“เหมยฮวา”

หยางเหวินเอ่ยเตือนน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ไม่เหมือนการดุว่าแต่เป็นการช่วยเสียมากกว่า

“เหตุใดเจ้าเข้าข้างนางบ่าวนี่ล่ะ ข้าสหายเจ้านะ!!”

เจียฉวี่ลุกขึ้นหันไปจ้องเขม็งเจ้าของบ่าวที่พูดดูถูกเขาอย่างมิสมเป็นบ่าว

“ข้าน้อยก็เป็นบ่าวของคุณชายเหวินเหมือนกัน นอนเรือนเดียวกันด้วย ชิ”

สิ้นคำของนางทุกคนเบิกตาตกตะลึงประโยคก่อนหน้า ส่วนเจ้าคนเจ้าของคำพูดก็อดกอดอกทำหน้าภูมิใจไม่ได้

…ฮ่า ฮ่า เป็นไงล่ะอึ้งไปเลย

“ฮะเเฮ่ม เอ่อ ใช่น่ะสิ เป็นบ่าวรับใช้ข้าก็ต้องนอนในเรือนบ่าวรับใช้ของเรือนข้าอยู่แล้ว เจ้าอย่าถือสานางเลยนางยังเด็ก”

หยางเหวินใบหน้าขึ้นสีเลือดฝาด แต่ก็รีบปรับสีหน้าก่อนหันมาปรามสหายตน

“เห็นว่าเจ้าเป็นเด็กหรอกนะข้าจะไม่ถือสาคำพูดเจ้า ชิงซาทีหลังหัดสอนสั่งมารยาทนางบ้าง เป็นสตรีไยพูดจาหน้าไม่อาย"

เจียอวี่หันไปโบ้ยขี้ใส่บ่าวอีกคน …อย่างน้อยเขาต้องได้ระบายอารมณ์ใส่ใครสักคน ไม่งั้นไม่ยอมแน่

“หาาา ขอรับ ๆ”

ชิงซาเงยหน้าขึ้นตอบรับด้วยอาการงงงวย เเต่ก็ยอมรับคำ

…เขาเป็นชายจะให้ไปสอนเรื่องแบบนี้ให้หญิงสาวได้ไงเล่า โธ่…คุณชายหลิง มาลงที่เขาเฉย

พอเห็นคู่กรณีเปลี่ยนเป้าหมายไปยังอีกคนที่ไม่เกี่ยวด้วยนางก็ทำท่าไม่ยอมอ้าปากโต้กลับ

“ข้าน้อยไม่ใช่เด็ก ….”

พูดยังไม่ทันจบก็ต้องหุบปากลงเพราะเห็นสายตาดุดันของเจ้านายตน ทำให้นางรู้สึกตัว ลืมตนไปว่าตอนนี้อยู่ในฐานะเพียงบ่าว หาใช้คนธรรมดาหรือคุณหนูตระกูลใหญ่

“เอ่อ ข้าน้อยขออภัยคุณชายเจ้าค่ะ ข้าน้อยยังเด็กนักพูดจาอะไรไปไม่คิดก่อน โปรดอย่าถือสาข้าน้อยเลย”

พร้อมก้มหน้าสำนึกผิด

“ชิ บ่าวที่บ้านข้าเด็กกว่าเจ้ายังทำอะไรรู้ความกว่าเสียอีก”

พูดจบก็หันหน้าไปอีกทางพร้อมนั่งลงอย่างแรงจนเก้าอี้สั่นสะเทือน

“นี่เจ้าก็เกรงใจเจ้าของห้องบ้างเถอะ”

หลางฮุ่ยฟูเอ่ยขึ้นปลอบเพื่อน เขาสังเกตการณ์มานานสตรีตรงหน้านี้เป็นคนเเรกที่ตอบโต้สหายเขาชนะอย่างง่ายดาย

หึ น่าสนใจจริง ๆ

“พวกเจ้ามัวแต่เถียงกัน มีคนประมูลได้ไปแล้วนะ”

ฮุ่ยฟูกล่าวต่อหลังเห็นศึกภายในห้องสงบแล้ว

พอทุกคนหันมองไปยังแท่นหินเบื้องหน้าขวดยาก็หายไปเสียแล้ว ส่วนคนด้านล่างเริ่มทยอยออกจากหอเพราะงานประมูลจบลงเป็นที่เรียบร้อย

“เป็นคหบดีลู่น่ะ เเต่กว่าจะสิ้นสุดก็เเข่งกับคหบดีอื่นแทบตาย ยังมีท่านเจ้าเมืองที่ดูไม่ยินยอมเสียด้วย จบแบบอีกฝ่ายดูท่าจะไม่ยอมกันเลย”

เขาเห็นว่าสหายทั้งหลายอาจพลาดเหตุการณ์การประมูลไปจึงบอกเล่าคร่าว ๆ

“เจ้าก็เตรียมตัวไว้นะ ข้าว่าท่านเจ้าเมืองเราอาจอยากไปซื้อกับเจ้าโดยตรง”

“ขอบใจเจ้ามาก อืม ข้าคงประเมินความต้องการคนต่ำไป ไม่คิดว่าจะแย่งกันเพียงนี้” หยางเหวินยกมือขึ้นลูบคางครุ่นคิด

“อืม งั้นพวกข้าไปก่อนนะ”

พูดจบก็ลากเจี่ยฉวี่ไปด้วยแม้เจ้าตัวจะไม่เต็มใจก็ตาม

“งั้นชิงซา เจ้าไปบอกคนข้างล่างเถอะว่าจะกลับแล้ว”

หลังจากชิงซาจากไปจู่ ๆมีเสียงเคาะประตูขึ้น

“คุณชายเย่ขอรับ นายท่านเจ้าของหอสรรพสิ่งมาขอพบขอรับ”

บ่าวรับใช้ข้างหน้าห้องตะโกนเข้ามา หยางเหวินเดิมที่เหม่อมองไปยังลานเบื้องล่างอันว่างเปล่าครุ่นคิดเรื่องที่สหายเตือนก่อนหน้าก็หลุดจากภวังค์ พอบ่าวรับใช้เฝ้าประตูได้ยินการตอบรับ ประตูจึงค่อย ๆเปิดออก ไป๋ซูเมิ่งยืนอยู่ข้างเก้าอี้ของหยางเหวินแอบเหลือบตามองไปยังประตู นางอยากรู้ว่าเจ้าของหอสรรพสิ่งจะหน้าตาเป็นอย่างไร แก่หรือไม่ เป็นสตรีหรือบุรุษ มีความคิดจากไหนถึงสร้างเครือข่ายที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ได้

ไม่รู้ว่านางเพ่งมากไปหรืออย่างไรพอแขกคนเเรกเดินเข้ามาก็สบตากับนางทันทีนางสบตากับเขาครู่หนึ่งก่อนรีบหลบสายตาก้มหน้าลงต่ำ หัวใจเต้นแรงราวคนหนีความผิด

…แววตาดูมีเลศนัยแล้วใบหน้ายิ้มร้ายนั่นอีกล่ะ ราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ชัด ๆ

รูปร่างสูงโปร่งท่วงท่าผ่อนคลาย เขาสวมใส่อาภรณ์สีดำมีลายปักแดงเป็นดอกไม้ ตรงเอวคาดเข็มขัดหยกน้ำงาม ในมือถือพัดจีบสีดำดังเช่นชุด ส่วนใบหน้านั้นสวมหน้ากากกินพื้นที่บนใบหน้ากว่าเจ็ดส่วน

“สบายดีหรือไม่คุณชายเย่”

ชายสวมหน้ากากพอเข้ามาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ดูนอบน้อมสามส่วนแต่แฝงอำนาจบางอย่างเป็นเสียส่วนใหญ่

“คนของท่านดูเเลดีมากเชียว ว่าแต่ท่านมาด้วยเหตุใดรึ เรื่องการตกลงราคาข้าเขียนสัญญาซื้อขายกับลูกน้องท่านไปแล้วคงเปลี่ยนไม่ได้กระมัง"

หยางเหวินไม่ได้ชวนผู้มาใหม่นั่งแต่อย่างใด ทำเอานางแอบเหลือบไปยังคนมาใหม่อีกครั้ง เขาพาลูกน้องมาด้วยอีกคนซึ่งสวมหน้ากากดำเช่นกันเเต่เป็นแบบเรียบ ๆไม่ดูอู้อ้าฟุ้งเฟ้อแบบผู้เป็นเจ้านาย

นางอยากดูหน้าเจ้าคนหน้าด้านเสียหน่อย ดูก็รู้ว่าหยางเหวินไม่ได้อยากสนทนาด้วย เชิญนั่งก็ไม่ได้เชิญ และยังคำถามนั้นอีก

“ฮ่าฮ่า คุณชายไยพูดตัดรอนกันเยี่ยงนั้น เชิญนั่งก่อน ๆ ลู่หมิงรินน้ำชาที”

พูดจบร่างสูงก็เดินท่วงหน้าสง่างามมือขยับพัดเดินผ่านหน้านางไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ลูกน้องหน้ากากดำที่ชื่อลู่หมิงก็ยกน้ำชาที่นำมาเองจากบ่าวข้างนอกนำมาวางบนโต๊ะ รินชาสองถ้วยก่อนถอยออกมายืนข้างโต๊ะเจ้านาย

ซูเมิ่งที่ยืนอยู่ก่อนหน้าจำต้องเขยิบถอยออกอย่างไม่เต็มใจ เพราะนายกับบ่าวทั้งสองทำราวกับในห้องนี้ไม่มีนาง ส่วนหยางเหวินก็ยืนอยู่ที่เดิมมองสองนายบ่าวอย่างไม่รู้สึกเเปลกใจมากอย่างนาง เเต่แววตาดูลึกขึ้น

“นี่เป็นชาที่ข้าชอบช่วงนี้อย่างยิ่งเชียวนะ” พูดพลางยกชากลิ่นหอมกรุ่นขึ้นดื่ม

ขนาดนางอยู่ไกลพอได้กลิ่นก็รู้สึกกระหาย หยางเหวินที่ใกล้กว่าคงทรมานน่าดู

พอมองไปที่เจ้านายตนก็ต้องแอบยกย่องเขาในใจ ท่าทางยังคงสง่ายืนเหยียดหลังตรงเช่นเดิม เนื่องจากเขาใส่ชุดขาวนวลสีประจำ พอมายืนข้างชายเจ้าของหอสรรพสิ่ง สองหนุ่มดูราวหยินหยาง แตกต่างกันสุดขั้ว

“ขอบคุณคุณชายช่างอิ่น ข้ามีธุระต้องไปทำต่อหากคุณชายไม่มีเรื่องสำคัญไว้เราค่อยคุยคราหน้า…”

ก่อนหยางเหวินพูดจบช่างอิ่นเอ่ยขัดราวกับรู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไร

“อืม สำคัญแน่นอน เชิญคุณชายนั่งก่อน ดื่มชาไปคุยไปพลาง คุณชายเห็นว่าอย่างไร”

ริมฝีปากโค้งขึ้นแต่จากน้ำเสียงกดดัน ขาดก็แต่ใช้กำลังพาหยางเหวินมานั่งแล้ว

“คุณชายพูดธุระมาเถอะข้ายืนได้”

“งั้นแล้วเเต่คุณชายเลย”

เขาขยับขาให้สบายขึ้น “เรื่องโอสถเสริมกำลังภายในน่ะ ข้าต้องการทำสัญญาซื้อขายกับท่านอย่างเป็นทางการ”

“ข้าบอกท่านไปแล้วนะว่าเราทำกันไปเรียบร้อยแล้วกับลูกน้องท่าน ไย…”

“ข้าหมายถึงโอสถที่ท่านยังไม่ได้ผลิตต่างหาก โสมพันปีที่ทางหอโอสถตระกูลเย่ขุดได้คงไม่สามารถทำโอสถได้เพียงเม็ดสองเม็ดหรอกกระมัง”

ชายสวมหน้ากากดำขลิบขอบทองหันมาสบสายตากับหยางเหวิน สองชายหนุ่มจ้องนิ่งอย่างไม่มีใครยอมใคร หยางเหวินเป็นฝ่ายละสายตาออกก่อน

“เหตุใดข้าต้องทำการค้ากับท่านด้วย ในเมื่อมีคนตั้งมากมายอยากได้เช่นเดียวกับท่าน”

บรรยากาศในห้องพลันต่ำลงน่าใจหาย

“หึ คุณชายเย่พูดจาน่าขันเชียว ท่านให้ผู้คนรู้จักโอสถผ่านทางหอสรรพสิ่งพอสมปรารถนาท่านก็รื้อสะพานเสียแล้ว”

เสียงหัวเราะทำเอานางขนลุกชัน เจ้าหน้ากากดำนี่สามารถกดดันคนได้ผ่านคำพูดที่ดูสบายและท่าทางผ่อนคลาย ดูน่ากลัวเชียว หากเป็นนางเลือกได้ก็ไม่อยากทำการค้ากับจิ้งจอกอย่างนี้เช่นกัน

“ข้าได้ตอบแทนคุณชายไปแล้ว งั้นข้าขอนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านพ่อก่อน ท่านเห็นว่าเป็นอย่างไร?”

“ได้สิ ข้ามาวันนี้ไม่คิดกดดันคุณชายเย่อยู่แล้ว หวังว่าข้าจะได้ทำการค้ากับท่าน เดินทางปลอดภัย”

พูดจบช่างอิ่นก็เดินนำลูกน้องหน้ากากดำออกจากห้องไป ฝีเท้าผ่อนคลายราวกับเรื่องเมื่อครู่นี้ไม่สามารถทำให้เขากังวลใจได้

“นายท่านคิดว่าคุณชายเย่จะทำการค้ากับเราหรือขอรับ คำพูดนั่นดูเหมือนผลัดไปก่อนชัด ๆ”

“รอดูเถอะ ข้ามีวิธีให้เขายอมทำการค้ากับเราอย่างเต็มใจแน่นอน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel