2. ความลับไม่มีในโลก
ด้านภัคพลและชลธิชาก็สั่งอาหารไปอย่างไม่ได้สนใจว่าใครมานั่งด้านหลังของพวกเขา พอสั่งเสร็จแล้วพนักงานเดินออกไปก็ถึงเวลาที่ทั้งสองนั้นจะพูดคุยกันสักที
“ผมดีใจนะไหมที่คุณยอมออกมาเจอผมวันนี้…ผมอยากจะขอบคุณคุณที่ช่วยให้ผมชนะการประมูลเมื่อหลายวันก่อน…ถ้าไม่ได้คุณ บริษัทของผมคงแย่…” ภัคพลพูดบอกไปแล้วเขาก็จับมือแพรไหมอย่างขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ อะไรที่ฉันช่วยคุณได้ฉันก็พร้อมที่จะช่วย เพราะคุณคือคนที่ฉันรักนิคะ…ส่วนเรื่องการประมูลครั้งต่อไป ฉันจะพยายามดูราคาที่คุณคีรินเขาจะส่งประมูลมาให้คุณนะคะ…แต่ว่าฉันคงช่วยคุณได้ไม่กี่งาน เพราะเดี๋ยวฉันก็จะคลอดลูกแล้ว….” แพรไหมพูดบอกไป เพราะบริษัทของครอบครัวภัคพละกำลังแย่และเข้าก็ได้เข้ามาบริหาร เธอในฐานะคนรักก็ต้องช่วยเขาอย่างสุดความสามารถ
ชลธิชาได้ยินการสนทนาของทั้งสองก็ถึงกับเอามือมาปิดปากของตัวเองทันที เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่สาวของเธอจะหักหลังสามีตัวเองเพื่อเอาข้อมูลของบริษัทคีรินมาให้อดีตคนรักอย่างนี้ ก่อนจะนิ่งเงียบอย่างตั้งใจฟังว่าทั้งสองนั้นพูดคุยอะไรกัน
“อืม…ผมเข้าใจ แล้วนี่คุณตั้งชื่อลูกหรือยัง…เขาจะตั้งให้เองหรือว่าคุณจะตั้งชื่อให้ลูก…” ภัคพลพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยถามเรื่องชื่อลูกอย่างอยากรู้
“คุณคีรินเขาจะตั้งชื่อเล่นให้ลูกค่ะ ชื่อน้องเคนโซ่ ส่วนชื่อจริงของลูกฉันขอเขาเป็นคนตั้งน่ะค่ะ” แพรไหมพูดบอกไปแล้วก็มองหน้าเขาที่เศร้าลง เธอก็เข้าใจความรู้สึกของเขาดีเพราะเธอเองก็ลำบากใจเช่นกัน
“อืม…ชื่อเพราะคล้องจองกับเขาดีนะ…แล้วคุณล่ะตั้งชื่อจริงลูกว่าอะไร…” ภัคพลเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“ฉันยังไม่ได้ตั้งค่ะ ฉันอยากจะให้คุณตั้งชื่อจริงลูกของเราน่ะค่ะ คุณอยากให้ลูกของเราชื่ออะไรคะภาม” แพรไหมพูดออกไปแล้วเธอก็จับมือของเขาด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาคือพ่อของเด็กในท้องของเธอ เขาก็ควรจะได้ตั้งชื่อลูกของตัวเอง นี่คงเป็นสิ่งที่เธอพอจะทำให้เขาได้
“คุณพระ…นี่เด็กในท้องไม่ใช่ลูกของพี่คีริน แต่เป็นลูกของพี่ภามเหรอเนี่ย…” ชลธิชาได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับอุทานในใจด้วยสีหน้าอึ้งๆกับการที่ได้ยินพี่สาวพูดออกมาแบบนั้น นี่พี่สาวของเธอเป็นชู้กับภัคพลจนมีลูกด้วยกันเลยเหรอ นี่พี่สาวของเธอทำแบบนี้ได้ยังไง ชลธิชาคิดในใจอย่างไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าพี่สาวที่แสนดีของเธอจะทำเรื่องไร้ยางอายอย่างนี้ได้ลงคอ ถ้าพี่คีรินรู้ต้องไม่ปล่อยพี่สาวของเธอไปง่ายๆแน่
“จริงเหรอไหม คุณจะให้ผมตั้งชื่อให้ลูกของเราจริงๆเหรอ” ภัคพลพูดออกไปอย่างดีใจแล้วเขาก็มองเธอด้วยรอยยิ้มสดใสขึ้นมาทันที
“ค่ะ ก็คุณเป็นพ่อของเขานิคะ คุณก็ควรจะได้ตั้งชื่อเขาสิคะ…คุณจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรดีคะ…คุณได้คิดเอาไว้บ้างหรือเปล่าคะ” แพรไหมเอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้ม
“อืม คิดสิ ทำไมผมจะไม่คิดล่ะว่าผมอยากจะให้ลูกของเราชื่ออะไรน่ะ ผมดูวันที่คุณจะคลอดแล้วผมก็หาชื่อมงคลมาให้ลูกของเราแล้ว ผมจะให้เขาชื่อว่า ภาคินัย คุณคิดว่าไงเพราะไหม” ภัคพลพูดบอกไปด้วยสีหน้าอิ่มเอิบใจ เพราะถ้าลูกของเขาชื่อนี้ เขาจะดีใจที่สุดเลย
“ฉันชอบค่ะ งั้นให้ลูกของเราชื่อจริงว่าภาคินัยนะคะ…ชื่อเขาจะได้คล้องจองกับชื่อของคุณ…ถ้าฉันคลอดแล้วฉันจะพยายามหาเวลาพาลูกมาเจอคุณนะคะภาม…เพราะหลังจากวันนี้ฉันคงไม่ได้ออกมาเจอคุณบ่อยๆแล้ว เพราะคุณคีรินเขาห้ามไม่ให้ฉันออกไปไหนแล้วค่ะ เขากลัวว่าฉันจะเป็นอันตรายน่ะค่ะ” แพรไหมพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มให้เขาไปอย่างมีความสุข
“อืม…ผมเข้าใจว่าเขาห่วงคุณกับลูก ผมเองก็เป็นห่วงคุณกับลูกเหมือนกัน ผมไม่อยากให้คุณต้องอุ้มท้องโตๆของคุณออกไปไหนมาไหนเหมือนกัน ผมอดทนมาได้นานขนาดนี้ก็เพราะว่าผมรักคุณ ทนต่อไปอีกหน่อยจะเป็นอะไรล่ะ ผมจะรอเจอหน้าคุณกับลูกนะไหม…” ภัคพลพูดบอกไปอย่างเข้าใจ เพราะถึงเขาและเธอจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เขาและเธอก็เจอกันตลอด ถึงเธอจะแต่งงานไปแล้วแต่เขาก็ไม่รังเกียจที่เธอมีสามี เขาก็ยังเลือกที่จะอยู่ในความลับเพื่อที่จะมีเธออยู่ในชีวิตของเขา
“ค่ะ ฉันเองก็จะอดทนเหมือนกัน….” แพรไหมพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มให้ภัคพลอย่างรักใคร่ เพราะเขาคือรักแรกและรักเดียวของเธอ
ส่วนกับคีรินถึงเขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่เธอรัก แต่เขาก็เป็นผู้ชายที่ดีกับเธอมากๆจนเธอไม่สามารถที่จะทิ้งเขาเพื่อกลับมาหาภัคพลได้ แบบนั้นมันใจร้ายกับคนดีๆอย่างเขาเกินไป
ด้านชลธิชาพอได้ยินทุกอย่างอย่างกระจ่างแจ้งแล้วก็นั่งนิ่งๆอย่างผิดหวังกับการกระทำของพี่สาวของเธอ เธอไม่คิดเลยว่าพี่สาวของเธอจะกล้ามีชู้ แถมยังเอาลูกของชู้ไปยัดเหยียดให้เป็นลูกของสามีตัวเองอีก แค่คิดชลธิชาก็รับไม่ได้แล้ว เธอจึงค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมไปแบบระวังในตอนที่อาหารมาเสิร์ฟให้กับพี่สาวของเธอและภัคพล เธอก็ไปหาพวกเพื่อนๆที่โต๊ะทันที
“มาแล้วเหรอธิชา ฉันก็นึกว่าแกจะนอนในห้องน้ำซะแล้ว เข้าห้องน้ำอะไรนานขนาดนั้นยะ” ชวพรพูดใส่เพื่อนสาวไปหลังจากที่เพื่อนสาวหายไปนานสองนาน จนอาหารจะเย็นหมดแล้ว
“ส้มโอ..เนย…ฉันรู้สึกไม่สบายอ่ะ พวกแกช่วยขับรถไปส่งฉันที่คอนโดหน่อยได้ไหม” ชลธิชาเอ่ยพูดออกไปเพราะเธอไม่อยากจะอยู่ในร้านนี้แล้ว และเธอก็กลัวว่าเพื่อนสาวทั้งสองจะเห็นพี่สาวของเธอและภัคพลด้วย เธอจึงหาข้ออ้างให้ทั้งสองออกไปกับเธอ
“ท้องเสียล่ะสิ ฉันไม่ได้เอารถมา งั้นเดี๋ยวฉันขับรถไปส่งแกละกัน” อังคนาพูดบอกไปเพราะเธอมากับชวพร
“โอเค งั้นฉันจะขับรถตามแกไปก็แล้วกัน แต่แกแน่ใจนะว่าแกจะไม่ไปหาหมอน่ะ” ชวพรเอ่ยถามเพื่อนสาวออกไป เพราะสีหน้าของเพื่อนสาวดูไม่ดีเอาซะเลย
“อืม..แค่กลับไปนอนพักก็คงจะดีแล้วล่ะ เราไปกันเถอะป่ะ…มาทางประตูนี้ดีกว่า ป่ะ…” ชลธิชาพูดบอกไปก็รีบชวนเพื่อนสาวออกไปทางประตูอีกฝั่งของร้านทันที เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเจอกับพี่สาวของเธอ เธอก็เอาเงินจ่ายทิ้งไว้ที่โต๊ะ แล้วก็ดึงแขนของเพื่อนสาวทั้งสองให้เดินตามเธอออกมา
“แกจะรีบกลับไปไหนเนี่ยยัยธิชา ฉันยังไม่ได้สั่งอาหารกลับบ้านเลยเนี่ย…” อังคนาพูดออกไปแล้วหันไปมองอาหารที่เธอนั้นยังทานไม่อิ่มอย่างเสียดาย
“เดี๋ยวค่อยสั่งอาหารไปกินที่คอนโดฉันก็ได้ แต่ตอนนี้ออกมากับฉันก่อน..” ชลธิชาพูดบอกไปก็ลากเพื่อนทั้งสองออกไปจากร้านได้สำเร็จ จากนั้นอังคนก็ขับรถไปส่งชลธิชาที่คอนโดโดยมีชวพรนั้นขับตามมาด้วย
ชลธิชาก็นั่งเงียบมาตลอดทางเลยเพราะเธอนั้นคิดเรื่องของพี่สาวของเธอไม่หยุดเลย เพราะสิ่งที่พี่สาวของเธอทำนั้นมันผิดศีลธรรมและเป็นเรื่องหน้าอายมากๆ หากพ่อแม่รู้ก็คงจะเสียใจไม่ต่างจากเธอตอนนี้เลยที่รู้สึกเสียใจและผิดหวังในตัวพี่สาวอย่างนี้ หากคนอื่นรู้ก็คงไม่ใช่ผลดีต่อครอบครัวของเธอแน่ๆ เธอจึงกดโทรศัพท์ไปหาพี่สาวของเธอทันที
“ฮัลโหลน้องสาวคนสวยของพี่ ว่าไงเอ่ย….” ด้านแพรไหมพอเห็นว่าน้องสาวโทรเข้ามาเธอก็บอกภัคพลทันที ก่อนจะกดรับสายของน้องสาวของเธอแล้วเอ่ยพูดออกไปด้วยเสียงสดใส
“พี่ไหมอยู่ไหนคะ…ธิชามีเรื่องอยากจะพูดกับพี่ไหมค่ะ เรื่องสำคัญ…” ชลธิชาได้ยินพี่สาวเรียกเธอด้วยความสดใสแบบนั้นก็เอ่ยพูดเสียงอ่อนทันที
“ตอนนี้พี่ออกมาทานข้าวกับเพื่อนข้างนอกน่ะ เราอยู่ที่ไหนล่ะ ทานข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่จะไปหา…” แพรไหมตอบไปอย่างไม่ได้เอะใจอะไร เพราะเธอนั้นก็เจอกับน้องสาวบ่อยๆอยู่แล้ว เวลามีปัญหาอะไรชลธิชาก็มักจะมาปรึกษาเธออยู่เสมอ
“พี่ไหมมาหาธิชาที่คอนโดก็ได้ค่ะ ธิชาจะรอนะคะ…” ชลธิชาพูดบอกไป เพราะเธอคิดว่าเธอจะต้องคุยกับพี่สาวเรื่องนี้ให้ได้ เพราะตอนนี้พี่สาวของเธอกำลังทำเรื่องที่ผิดอย่างร้ายแรงเลย
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวสักชั่วโมงกว่าๆ พี่จะไปหาละกันนะ งั้นแค่นี้ก่อนนะธิชา แล้วเจอกันน้องรัก…” แพรไหมพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนจนภัคพลมองเธอแล้วก็ยิ้มออกไป
“ค่ะพี่ไหม…แล้วเจอกันนะคะ” ชลธิชาพูดไปก็กดวางสายของพี่สาวไปด้วยสีหน้ากังวลอย่างชัดเจน จนอังคนาที่ขับรถอยู่นั้นเอ่ยถามออกไป
“แกจะให้พี่ไหมเขามาหาแกทำไมอ่ะธิชา นี่แกมีเรื่องกังวลใจอะไรหรือเปล่า” อังคนาเอ่ยถามออกไปอย่างเป็นห่วงเพื่อนสาว
“เรื่องงานน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอกแก เดี๋ยวแกส่งฉันที่คอนโดแล้วแกก็กลับกับส้มโอเลยก็ได้ ไว้วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวขอโทษพวกแกละกันนะที่ทำให้มื้อนี้หมดสนุกไปน่ะ เดี๋ยวฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพี่ไหมเขาน่ะ..” ชลธิชาพูดบอกไปแล้วก็หันมาขอโทษเพื่อนสาวแล้วก็ทำหน้าฝืนยิ้มออกมา
“อืม ไม่เป็นไร…ฉันกับส้มโอเข้าใจแกอยู่แล้วน่า ไว้เราค่อยเจอกันวันหลังก็ได้ แกจัดการธุระของแกให้เรียบร้อยก็แล้วกัน ถ้ามีอะไรให้ฉันกับส้มโอช่วยก็บอกได้ตลอดเลยนะธิชา…” อังคนาพูดบอกไปเพราะบางทีเพื่อนสาวอาจมีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ก็ได้ เธอก็เสนอตัวไปเผื่อเธอจะช่วยอะไรเพื่อนสาวได้บ้าง
“ขอบใจนะแก รักแกกับยัยส้มโอที่สุดเลย…” ชลธิชาพูดไปก็พูดออกไปด้วยรอยยิ้มที่เพื่อนสาวนั้นเป็นห่วงเธอ ทั้งที่เธอน่ะไม่มีเรื่องอะไรให้ห่วงเลย ที่น่าห่วงตอนนี้ก็เรื่องของพี่สาวเธอนี่แหละ ที่ทำให้เธอนั้นคิดไม่ตกอยู่ในขณะนี้
จากนั้นอังคนาก็ไปส่งชลธิชาที่คอนโดแล้วเธอก็กลับมากับชวพร เพราะชลธิชานั้นต้องการความเป็นส่วนตัวทำให้สองสาวนั้นต้องกลับก่อน ส่วนชลธิชาก็รอพี่สาวของเธอมาหาที่คอนโด
สองชั่วโมงผ่านไป
แพรไหมก็มาหาน้องสาวที่คอนโดตามที่น้องสาวของเธอนั้นโทรไปหา พอเธอกดกริ่งเรียกแล้วน้องสาวก็มาเปิดประตูให้ เธอก็พูดทักทายน้องสาวไปก่อนจะพาร่างที่อุ้ยอ้ายของเธอนั้นเข้ามานั่งในห้องรับแขกของน้องสาว
“เฮ้อ…ถึงสักที…พรึบ…” แพรไหมค่อยนั่งลงที่โซฟาของน้องสาวแบบเหนื่อยๆเพราะเดินไปมาทั้งวันทำให้เธอนั้นปวดเอวไปหมดแล้ว
“น้ำเย็นๆพี่ไหม…ขอโทษนะคะที่ธิชาให้พี่ไหมลำบากมาถึงที่นี่ แต่เรื่องที่ธิชาจะพูดมันสำคัญน่ะค่ะ ธิชาไม่อยากให้ใครรู้” ชลธิชาพูดบอกไปก็เอาน้ำวางให้พี่สาวของเธอ แล้วเธอก็นั่งลงข้างๆด้วยท่าทีจริงจัง
“เรื่องสำคัญอะไรกันเราถึงพูดที่อื่นไม่ได้น่ะ…ไหนบอกพี่มาสิ….กริ้งๆ….กริ้งๆ….อ่อ คุณคีรินเขาโทรมาน่ะ เดี๋ยวพี่ขอคุยกับเขาแปปนะ” แพรไหมเอ่ยถามน้องสาวไป แล้วอยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของเธอที่เธอถืออยู่นั้นก็ดังขึ้น เธอก็หงายหน้าจอมาดูเห็นว่าเป็นคีรินวีดิโอคลอมา เธอก็ขอน้องสาวรับสายสามีของเธอทันที
“ค่ะ…” ชลธิชาตอบไปสั้นๆ แล้วเธอก็นั่งนิ่งๆแล้วรอให้พี่สาวคุยกับคีรินให้เสร็จก่อน
“ว่าไงคะคุณพ่อสุดหล่อ ทำไมถึงโทรมาตอนนี้ได้ล่ะคะ…เสร็จประชุมแล้วเหรอคะ” แพรไหมเอ่ยพูดไปเสียงน่ารัก
จนชลธิชามองพี่สาวของเธอทันที เพราะเมื่อกี้พี่สาวของเธอพึ่งไปเจอภัคพลมา พี่สาวของเธอยังบอกรักภัคพลอย่างนั้นอย่างนี้อยู่เลย แล้วตอนนี้ก็มาพูดคุยกับคีรินเหมือนคนรักกัน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก เธอไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วพี่สาวของเธอนั้นเป็นคนยังไงกันแน่
“ผมพึ่งประชุมเสร็จเมื่อกี้น่ะ ก็คิดถึงคุณกับลูกเลย แล้วนี่คุณอยู่ที่ไหนเนี่ย คุณไม่ได้อยู่บ้านเหรอไหม…ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าช่วงนี้คุณไม่ต้องออกไปไหน คุณใกล้คลอดแล้วนะไหม…” คีรินเอ่ยตอบเธอไปแบบอ้อนๆ แล้วเขาก็รู้สึกว่าสถานที่ที่อยู่ตอนนี้มันไม่ใช่บ้านของเขา
“ไหมรู้ค่ะ ไหมแค่ออกมาหาธิชาน่ะค่ะ อยู่ที่บ้านมันน่าเบื่อนิคะ ทักทายน้องสาวไหมหน่อยสิคะ…” แพรไหมพูดตอบไปก็แพลนกล้องมาทางน้องสาวให้คีรินดู
“สวัสดีค่ะพี่คีริน…ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวธิชาไปส่งพี่ไหมที่บ้านเองค่ะ…” ชลธิชาก็เอ่ยทักทายแล้วยิ้มให้พี่เขยของเธอไป แล้วเธอก็รู้สึกสงสารคีรินอย่างบอกไม่ถูกเลย เพราะเขาดูรักพี่สาวของเธอมาก ถ้าเขารู้ว่าพี่สาวของเธอมีชู้แล้วเด็กในท้องยังเป็นลูกชู้อีก เขาจะเสียใจขนาดไหนนะ
คีรินก็มองน้องเมียของเขาด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเธอ เพราะเธอนั้นหน้าตาสวยไม่แพ้พี่สาวของเธอเลย แต่เสียดายที่เธอนั้นไม่ได้เรียบร้อยและอ่อนโยนแบบแพรไหม เพราะเธอจะออกแนวเซ็กซี่แซ่บๆดูเป็นสาวที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมากๆ
“โอเค งั้นพี่ฝากดูแลไหมด้วยนะ แล้วก็อย่าพาไหมเขากลับดึกล่ะ…” คีรินพูดบอกไป เพราะเขาก็ไม่อยากจะขัดจังหวะของพี่น้องคุยกัน
“ได้ค่ะพี่คีริน…” ชลธิชาตอบไปแล้วก็ยิ้มให้ จากนั้นแพรไหมก็เอาโทรศัพท์หันมาคุยกับคีรินต่อทันที เพราะเธอคุยกับน้องสาวยังไม่จบ
“งั้นแค่นี้ก่อนนะคุณคีริน แล้วเดี๋ยวไหมถึงบ้านแล้วจะโทรไปหานะคะ…ตั้งใจทำงานนะคะ บ้ายบาย..จุ๊บ…”แพรไหมพูดไปก็ทำมือบ้ายบายใส่เขาแล้วก็ทำปากจู๋จุ๊บใส่เขาไป จนชลธิชานั้นมองพี่สาวของเธอแบบจดจ้องเลยทีเดียว
“โอเค แล้วเจอกันที่บ้านนะครับ…จุ๊บ จุ๊บ…จุ๊บ…ม๊วฟ…” คีรินพูดไปก็เอาหน้ามาใกล้กล้องแล้วจุ๊บใส่เธอรัวๆเลย จากนั้นเขาก็วางสายไป แพรไหมก็มองสายของเขาที่ตัดไปแล้วเธอก็เอาโทรศัพท์วางไว้ที่โต๊ะรับแขก แล้วก็หันมาหาน้องสาวของเธอ
“มา…ตอนนี้เรามาคุยกันต่อดีกว่า เมื่อกี้ธิชามีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่นะ เล่ามาเลยจ้ะ พี่พร้อมจะฟังแล้ว…” แพรไหมพูดไปก็มองน้องสาวของเธอแล้วก็ยิ้ม เพราะตอนนี้คงไม่มีใครมาขัดจังหวะของเธออีกและน้องสาวอีกแล้ว
ธิชาก็ทำหน้าอึกอักขึ้นมาทันทีเพราะพอถึงเวลาที่จะพูดกับพี่สาวของเธอจริงๆแล้วเธอก็รู้สึกกระดากปากที่จะพูด แต่ถ้าเธอไม่ห้ามปรามพี่สาวให้หยุดทำเรื่องนี้มันก็จะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
“ก่อนหน้านี้ธิชาไปเจอพี่ไหมกับพี่ภามที่ร้านอาหารมาค่ะ ธิชาถึงอยากจะให้พี่ไหมมาคุยกับธิชาที่นี่…” ชลธิชาพูดออกไปแล้วเธอก็มองหน้าพี่สาวอย่างดูปฎิกิริยาของพี่สาวว่าจะว่าอย่างไร
“มันไม่มีอะไรหรอกธิชา พี่ก็แค่เจอกับภามเขาตามประสาเพื่อนเก่าเท่านั้น มันไม่ได้มีอะไรเลย…” แพรไหมได้ยินน้องสาวพูดว่าเจอเอและภัคพลที่ร้านอาหารแล้วใจเธอก็กระตุกวาบเลย ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปว่าเธอแค่เจอตามประสาเพื่อนเท่านั้น
“พี่ไหมยังจะโกหกธิชาอีกเหรอ ธิชาได้ยินที่พี่ไหมพูดกับพี่ภามหมดแล้วค่ะ ทั้งเรื่องการประมูล แล้วก็เรื่องเด็กในท้องว่าเป็นลูกของใครด้วยค่ะ…พี่ไหมทำแบบนี้ได้ยังไงคะ พี่ไหมมีสามีแล้วนะคะ พี่จะไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่นจนท้องแบบนี้…” ธิชาพูดออกไปแล้วมองพี่สาวอย่างผิดหวัง…
“พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้เลยนะธิชา…ตอนนั้นภามเขากลับมาขอคืนดีกับพี่แต่พี่รู้ตัวว่าพี่แต่งงานกับคุณคีรินเขาแล้ว พี่ก็ปฎิเขาแล้วนะธิชาแล้วภามเขาก็ยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับพี่ แต่ตอนที่คุณคีรินเขาไปดูงานที่ต่างประเทศ พี่ออกไปดื่มกับภามจนเราสองคนมีความสัมพันธ์กัน แล้วมันก็เกินเลยกันมาเรื่อยๆจนพี่ท้อง…แล้วพี่ก็รู้ตัวว่าพี่ยังรักภามเขาอยู่…” แพรไหมพูดอธิบายให้น้องสาวเธอฟังถึงต้นสายปลายเหตุทันที
“พี่ไหม…พี่พูดรักผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่สามีตัวเองได้ยังไงคะ ตอนนี้ธิชาเหมือนไม่รู้จักพี่ไหมเลย พี่ไม่สงสารพี่คีรินเขาบ้างเหรอคะ เขารักพี่ไหมมากนะคะ..” ธิชาพูดออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าพี่สาวของเธอจะพูดออกมาแบบนี้ เธอจึงพูดต่อว่าพี่สาวไปอย่างอดไม่ได้