ยอมจำนน
ข่าวการสมรสพระราชทานระหว่างองค์หญิงสามกับแม่ทัพเกาเฟยฉีสร้างความตื่นตระหนกและหวาดกลัวให้เจ้าตัวอย่างที่สุด โจวฟางเซียนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มลงมาทับร่างกายบอบบางของนาง
ในทันทีที่ได้ยินข่าว โจวฟางเซียนรีบรุดไปยังห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้ด้วยใจที่ร้อนรน นางไม่สนใจพิธีรีตองใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อมาถึงหน้าห้องทรงพระอักษร นางก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าพระพักตร์ของเสด็จพ่อด้วยความร้อนรน
"เสด็จพ่อ" โจวฟางเซียนเปล่งเสียงออกมาด้วยความยากลำบาก น้ำเสียงของนางสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว "หม่อมฉันขอให้พระองค์ทรงถอนราชโองการเรื่องการสมรสพระราชทานด้วยเถิดเพคะ"
คำพูดของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความหวาดกลัว นางไม่ต้องการแต่งงานกับแม่ทัพเกาเฟยฉี ชายผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมและไร้หัวใจ
ในขณะนั้นเอง ฮองเฮาเสิ่นอวี้ที่เพิ่งออกจากการเก็บตัวก็เสด็จเข้ามาในห้องทรงอักษรพอดี โจวฟางเซียนเห็นมารดาของตนก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา นางคิดว่าฮองเฮาจะต้องช่วยพูดกับฮ่องเต้ให้ถอนราชโองการแน่นอน
แต่ความหวังของโจวฟางเซียนก็พังทลายลง เมื่อฮองเฮากลับเอ่ยถึงเรื่องสินเดิมของเจ้าสาวแทน "ฝ่าบาท หม่อมฉันคิดว่าโจวฟางเซียนเป็นลูกสาวคนเล็กของหม่อมฉัน สินเดิมของนางจะต้องไม่น้อยหน้ากว่าองค์หญิงคนอื่น ๆเพคะ"
โจวฟางเซียนถึงกับพูดไม่ออก นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามารดาของตนจะสนใจเรื่องสินเดิมมากกว่าความสุขของลูกสาว
ฮ่องเต้ทรงพยักหน้าเห็นด้วยกับฮองเฮา "เจ้าต้องการอะไรบ้างล่ะ"
ฮองเฮาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยปาก "หม่อมฉันขอให้พระองค์ทรงแต่งตั้งแม่ทัพเกาเฟยฉีเป็นแม่ทัพใหญ่พิชิตแผ่นดิน และยกที่ดินบริเวณชายแดนทั้งหมดให้เขาปกครองเพคะ"
ฮ่องเต้ทรงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ "แล้วสินเดิมของฟางเซียนล่ะ"
"หม่อมฉันขอยกสินเดิมทั้งหมดของหม่อมฉันให้กับนางเพคะ" ฮองเฮาตอบอย่างหนักแน่น
ฮ่องเต้ทรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสว่า "ก็ได้ เราจะยกสินเดิมทั้งหมดของฮองเฮาให้เจ้า โจวฟางเซียน"
หลังจากที่ก้าวพ้นประตูห้องทรงอักษรออกมา โจวฟางเซียนก็หันไปถามมารดาของตนด้วยความน้อยใจ "เสด็จแม่ เหตุใดพระองค์จึงไม่ช่วยหม่อมฉันปฏิเสธการแต่งงานนี้เล่าเพคะ"
ฮองเฮาเสิ่นอวี้มองลูกสาวด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "ลูกแม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าแม่ของเกาเฟยฉีคือฮูหยินเกา เพื่อนรักของแม่เอง"
โจวฟางเซียนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ "หมายความว่าอย่างไรหรือเพคะ"
"เมื่อก่อน ตอนที่เจ้ายังเล็ก แม่กับฮูหยินเกาเคยพูดคุยกันเรื่องที่จะให้เจ้ากับเกาเฟยฉีหมั้นหมายกัน แต่ตอนนั้นมันเป็นเพียงแค่ความคิดของพวกเราเท่านั้น" ฮองเฮาอธิบาย
โจวฟางเซียนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตนเองเคยถูกหมั้นหมายกับเกาเฟยฉี
"แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว" ฮองเฮาพูดต่อ "เจ้ามีข่าวเสียหายมากมาย การแต่งงานกับเกาเฟยฉีจะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเจ้าได้"
โจวฟางเซียนได้แต่ยืนนิ่งเงียบ นางไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ความรู้สึกของนางสับสนวุ่นวายไปหมด
"แม่รู้ว่าเจ้าไม่ได้รักเกาเฟยฉี" ฮองเฮากล่าว "แต่เชื่อแม่เถอะ การแต่งงานครั้งนี้จะเป็นผลดีต่อเจ้าและราชวงศ์"
โจวฟางเซียนมองหน้ามารดาของตน นางเห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความหวังดี นางรู้ว่าฮองเฮาทำทุกอย่างเพื่อความสุขของนาง
"หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ เสด็จแม่" โจวฟางเซียนตอบรับในที่สุด แม้ในใจจะยังคงรู้สึกขมขื่น แต่ก็ยอมรับชะตากรรมที่รออยู่ข้างหน้า
ขณะที่โจวฟางเซียนเดินกลับตำหนักของตน เส้นทางที่คุ้นเคยกลับทำให้ความทรงจำเก่า ๆ หวนคืนมา นางนึกถึงวันที่เคยนางหกล้มด้วยความซุกซนในวัยแรกแย้ม แต่โชคดีที่เย่ซีเฉินมาช่วยนางไว้ ความรู้สึกอบอุ่นในวันนั้นจุดประกายความหวังในใจเล็กๆ ว่าสักวันหนึ่งนางจะได้เป็นภรรยาของเขา
แต่ความฝันนั้นกลับพังทลายลงไม่เป็นท่า เย่ซีเฉินไม่ได้เพียงแค่มีคนรักอยู่แล้ว แต่เขายังผลักไสนางออกจากชีวิตอย่างไม่ใยดี โจวฟางเซียนรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดด้วยความเจ็บปวด นางเดินกลับไปยังทางเดินที่เคยล้มไปในวันนั้น หวังจะหวนระลึกถึงความทรงจำดี ๆ ที่เคยมีร่วมกัน
ทว่าเมื่อมาถึง นางกลับต้องประหลาดใจเมื่อพบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำในชุดเกราะของแท่ทัพหลวง ใบหน้าหล่อเหลาจนทำให้นางใจเต้นแรง เขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นนั้น เงยหน้ามองขึ้นไปยังยอดไม้เหมือนกับที่นางเคยทำ
"ท่านเป็นใคร" โจวฟางเซียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
แต่ชายหนุ่มกลับไม่ตอบคำถามของนาง เขาเพียงแค่หันมามองนางแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้องค์หญิงสามยืนงุนงงอยู่เพียงลำพัง
ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัวของโจวฟางเซียน เหตุใดชายแปลกหน้าผู้นั้นจึงไม่ยอมพูดคุยกับนาง หรือว่าข่าวลือเสียหายของนางจะทำให้เขาหวาดกลัวและรังเกียจนางเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ
ความรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างถาโถมเข้ามาในใจของโจวฟางเซียนอีกครั้ง นางรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งจากทุกคน แม้แต่ชายแปลกหน้าที่บังเอิญพบเจอก็ยังทำเมินเฉยต่อนาง