งานมงคล
ท้องพระโรงใหญ่แห่งแคว้นโจวถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีแดงสดและทองอร่าม เหล่าขุนนางและแขกผู้มีเกียรติต่างแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีอภิเษกสมรสระหว่างแม่ทัพเกาเฟยฉีและองค์หญิงสามโจวฟางเซียน
ภายในห้องแต่งตัวที่หรูหรา โจวฟางเซียนนั่งสงบนิ่ง ปล่อยให้สาวใช้ประจำตัวแต่งองค์ทรงเครื่องให้อย่างประณีตบรรจง ชุดเจ้าสาวสีแดงสดปักดิ้นทองอร่ามขับให้ผิวพรรณของนางดูผุดผ่องราวกับหยก
ทว่า บรรยากาศอันเงียบสงบกลับถูกทำลายลงเมื่อองค์หญิงเจ็ด โจวฟางหรู และไป๋หลี่เมิ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มเย็นยะเยือก
"พี่สาม ดูเจ้าสิ วันนี้เจ้าช่างงดงามเสียจริง" โจวฟางหรูเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดสี "น่าเสียดายที่เจ้าต้องแต่งงานกับคนเถื่อนไร้อารยธรรมเช่นเกาเฟยฉี"
โจวฟางเซียนเม้มริมฝีปากแน่น นางพยายามสงบสติอารมณ์และไม่ตอบโต้
ไป๋หลี่เมิ่งแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย "องค์หญิงสาม ท่านคงไม่ลืมเรื่องราวในอดีตใช่ไหม" นางพูดพร้อมกับชี้ไปที่ปิ่นปักผมอันงดงามบนศีรษะของตัวเอง "ปิ่นปักผมอันนี้ช่างคุ้นตาจริงๆ ใช่ไหม"
โจวฟางเซียนรู้สึกใจหายวาบ นางจำได้ดีว่าปิ่นปักผมอันนี้เป็นของที่เย่ซีเฉินเคยมอบให้กับนางเป็นของขวัญมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว และนางไม่เข้าใจว่าภายหลังนั้นเขาขอทวงคืนปิ่นปักผมอันนี้กลับคืนไปเพื่ออะไร?
"นี่เป็นของขวัญที่เสนาบดีเย่มอบให้หม่อมฉันเอง" ไป๋หลี่เมิ่งพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความภาคภูมิใจ "ข้าแค่บอกเขาว่าข้าอยากได้ของแทนใจที่เป็นของท่านแม่ของเขา เขาเลยเอาปิ่นอันนี้ที่ท่านเคยมอบให้องค์หญิงใหญ่คืนมา แล้วก็ยกให้หม่อมฉัน"
โจวฟางเซียนกำมือแน่นจนรู้สึกได้ถึงเล็บที่จิกเข้าไปในเนื้อ ความโกรธ ความเสียใจ และความผิดหวังถาโถมเข้ามาในใจของนางราวกับคลื่นที่ซัดสาดเข้าหาชายฝั่ง นางพยายามอย่างสุดกำลังที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้
"พี่สาม ท่านคงไม่โกรธเสนาบดีเย่หรอกนะเจ้าคะ" โจวฟางหรูพูดเสริม "ท่านก็รู้ว่าเขารักใคร่ไป๋หลี่เมิ่งมากแค่ไหน"
โจวฟางเซียนไม่ตอบ นางเพียงแค่มองไป๋หลี่เมิ่งด้วยสายตาเย็นชา
ไป๋หลี่เมิ่งยิ้มเยาะ "องค์หญิงสาม ท่านคงไม่คิดว่าแม่ทัพเกาจะรักท่านจริงหรอกนะเพคะ เขาคงแต่งงานกับท่านก็เพราะคำสั่งของฮ่องเต้เท่านั้น"
"พอได้แล้ว!" โจวฟางเซียนตวาดเสียงดัง นางไม่สามารถทนฟังคำพูดดูถูกเหยียดหยามเหล่านี้ได้อีกต่อไป
"พวกเจ้าออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้!" นางชี้นิ้วไปที่ประตู
โจวฟางหรูและไป๋หลี่เมิ่งมองหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
"พี่สาม ท่านอย่าโมโหไปเลย" โจวฟางหรูพูด "พวกข้าก็แค่หวังดี อยากเตือนสติท่านเท่านั้น"
"ใช่เพคะ องค์หญิงสาม" ไป๋หลี่เมิ่งเสริม "ท่านควรจะยอมรับความจริงเสียทีว่าท่านไม่มีทางได้ครอบครองหัวใจของใครได้ ทั้งเสนาบดีเย่และแม่ทัพเกา ไม่มีใครยอมมอบใจให้ท่านหรอก"
"ออกไป!" โจวฟางเซียนตะโกนเสียงดัง
โจวฟางหรูและไป๋หลี่เมิ่งยิ้มเยาะอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
โจวฟางเซียนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ รู้สึกเสียใจและผิดหวังอย่างมาก นางไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงต้องทำร้ายจิตใจของนางขนาดนี้
ในขณะที่นางกำลังร้องไห้อยู่นั้น สาวใช้ประจำตัวก็เดินเข้ามาหา
"องค์หญิง ท่านไม่เป็นไรนะเพคะ" สาวใช้ถามด้วยความเป็นห่วง
โจวฟางเซียนส่ายหน้า "ข้าไม่เป็นไร" นางตอบเสียงแผ่ว
สาวใช้ประจำตัวเช็ดน้ำตาให้นาง "องค์หญิง ท่านอย่าร้องไห้เลยเพคะ วันนี้เป็นวันมงคลของท่าน"
โจวฟางเซียนพยักหน้า นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลุกขึ้นยืน
"เจ้าช่วยข้าแต่งตัวต่อเถอะ" นางพูด
สาวใช้ประจำตัวยิ้มออกมา "เพคะ องค์หญิง"
นางเงยหน้าขึ้นมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกบานใหญ่ตรงหน้า ดวงตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้ บัดนี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว
"ข้าจะไม่ยอมแพ้" นางพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว "ข้าจะต้องเข้มแข็งและมีความสุขให้จงได้"
ไม่นานนัก เสียงพูดของคนดังขึ้นจากด้านนอก ประกาศให้รู้ว่าถึงเวลาที่เจ้าบ่าวจะมารับเจ้าสาวแล้ว โจวฟางเซียนสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง เตรียมพร้อมสำหรับก้าวต่อไปในชีวิตของนาง
เกาเฟยฉีสง่างามในชุดแต่งงานสีแดงสดที่ตัดเย็บอย่างประณีตด้วยดิ้นทองอร่าม ใบหน้าคมคายของเขาแสดงถึงความเคร่งขรึม ข้างกายเขา องค์หญิงโจวฟางเซียนงดงามราวกับเทพธิดาในชุดเจ้าสาวสีแดงที่ปักลวดลายด้วยดิ้นทองอย่างวิจิตรบรรจง แม้ผ้าคลุมหน้าสีแดงจะปิดบังใบหน้างดงามของนางไว้ แต่ก็ไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นและประหม่าที่เปล่งประกายออกมาจากดวงตาของนางได้
ฮองเฮาเสิ่นอวี้ในชุดสีทองอร่าม เดินเข้ามาหาลูกสาวสุดที่รักด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข นางโอบกอดโจวฟางเซียนไว้แนบอก ก่อนจะหันไปกล่าวกับเกาเฟยฉีด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "อาฉี น้าฝากน้องด้วยนะ เซียนเอ๋อร์อาจจะดื้อไปบ้าง แต่นางเป็นคนมีเหตุผล"
เกาเฟยฉียิ้มรับคำของฮองเฮา "กระหม่อมจะดูแลองค์หญิงเป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ"
เจ้ากรมพิธีการก้าวออกมาประกาศเริ่มพิธี เสียงกลองและฆ้องดังขึ้นพร้อมกัน เหล่าขุนนางและแขกผู้มีเกียรติต่างยืนขึ้นแสดงความเคารพ บ่าวสาวคุกเข่าลงคำนับฮ่องเต้ ฮองเฮา และพระบรมวงศานุวงศ์ ก่อนจะหันมาคำนับกันเอง
จากนั้น เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนก็เดินไปขึ้นเกี้ยวที่จอดรออยู่ด้านนอกท้องพระโรง เกี้ยวถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยดอกไม้หลากสีสัน
ขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นเกี้ยว เย่ซีเฉินเดินเข้ามาหาเกาเฟยฉีด้วยรอยยิ้มอบอุ่น "ขอให้พวกท่านรักกันนาน ๆ ได้เห็นองค์หญิงพบคนที่จริงใจ ข้าล้วนยินดี"
โจวฟางเซียนกำลังจะเอ่ยปากตอบชายหนุ่ม แต่เกาเฟยฉีกลับบีบมือของนางไว้แน่น สายตาของเขามองตรงไปยังเย่ซีเฉินอย่างไม่เกรงกลัว "ซีเฉิน เจ้าไม่ต้องห่วง พวกข้าย่อมมีความสุขอยู่แล้ว ขอบคุณสำหรับคำอวยพร นางเป็นภรรยาของข้า ชาตินี้ทั้งชาติข้าจะมีนางเพียงหนึ่ง ไม่มีสอง"
เมื่อกล่าวจบแม่ทัพหนุ่มก็ช้อนร่างบางขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวเดินตรงไปยังเกี้ยวสีแดงหลังใหญ่
ขบวนเกี้ยวเคลื่อนตัวไปตามถนนหลวงอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของชาวเมืองที่มาร่วมอวยพรให้กับคู่บ่าวสาว ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
ทว่า ความสุขนั้นกลับต้องสะดุดลงกลางคัน เมื่อเกี้ยวหยุดลงอย่างกะทันหัน ราวกับมีบางสิ่งขวางทางอยู่ โจวฟางเซียนที่นั่งอยู่ภายในขมวดคิ้วด้วยความสงสัย นางพยายามเงี่ยหูฟังเสียงจากภายนอก
"องค์หญิง โปรดลงจากเกี้ยวด้วย"
โจวฟางเซียนทำตามอย่างว่าง่าย แต่ยังไม่ทันที่เท้าของนางจะแตะพื้น เกาเฟยฉีก็ช้อนตัวนางขึ้นอุ้มไปวางบนหลังม้าคู่ใจของเขาอย่างรวดเร็ว
"ตัวข้าเป็นแม่ทัพหนุ่มเลือดร้อน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ขออภัยองค์หญิง หากเรานั่งเกี้ยวไปเช่นนี้ คงต้องใช้เวลาอีกเกือบเดือน ตัวข้ายังมีมารดาและชายแดนที่ต้องปกป้อง ขอให้องค์หญิงทรงอดทนควบม้าไปกับข้าเถิด"
โจวฟางเซียนหน้าแดงก่ำด้วยความตกใจ "ไม่ใช่ว่าท่านกำลังพาข้าขี่ม้าอยู่แล้วหรือ ยังจะขออะไรอีก"
ทันใดนั้น สายลมแรงก็พัดผ่านมา ทำให้ผ้าคลุมหน้าสีแดงของโจวฟางเซียนปลิวขึ้นเผยให้เห็นใบหน้างดงามของนาง เกาเฟยฉีที่เห็นใบหน้านั้นเต็มตาก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
"องค์หญิง..." เขาพึมพำออกมาเบาๆ
โจวฟางเซียนเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน นางจ้องมองใบหน้าของเกาเฟยฉีอย่างไม่เชื่อสายตา ชายหนุ่มตรงหน้าก็คือบุรุษที่นางพบใต้ต้นไม้ในวันนั้น!
"ท่าน..." โจวฟางเซียนเอ่ยเสียงแผ่ว
เกาเฟยฉียิ้มออกมาอย่างอบอุ่น "ในที่สุดเราก็ได้พบกันอีกครั้ง องค์หญิง"
โจวฟางเซียนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน.. นี่มันอะไรกัน?
เกาเฟยฉีกระชับอ้อมแขนรอบเอวของโจวฟางเซียนให้แน่นขึ้น "เกาะข้าให้แน่นนะองค์หญิง"
จากนั้นเขาก็ควบม้าออกไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าสู่ชายแดนอันไกลโพ้น สายลมเย็นปะทะใบหน้าของโจวฟางเซียน นางหลับตาลง ซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างของสามี
ท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนจากการควบม้า นางรู้สึกถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรง ไม่ใช่เพียงเพราะความเร็วของม้า แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่หลากหลายที่กำลังเอ่อล้นในใจ
มีทั้งความตื่นเต้นกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ความหวาดหวั่นกับอนาคตที่ไม่แน่นอน และความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้บ้าบิ่นเช่นเกาเฟยฉี ไม่รู้ว่าชีวิตแต่งงานกับคนเช่นเขาจะเป็นอย่างไร จะราบรื่นหรือต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ตอนนี้คงได้แต่ภาวนาขอให้ผ่านพ้นทุกสิ่งไปได้ด้วยดี