เพราะข้ารักท่าน
หลังจากควบม้ามาหลายชั่วยาม เกาเฟยฉีเริ่มสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของโจวฟางเซียน เขาเป็นห่วงว่าการเดินทางที่ยาวนานบนหลังม้าอาจจะทำให้นางอ่อนเพลียเกินไป จึงตัดสินใจหยุดพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งริมทาง
เกาเฟยฉีเดินเข้าไปในโรงเตี้ยมและพบกับเสี่ยวเอ้อร์ เขาจองห้องพักหนึ่งห้องและสั่งอาหารง่ายๆ มา
เมื่อเดินกลับมาที่ม้า เขาพบว่าโจวฟางเซียนยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า ไม่ยอมลงมาสักที เกาเฟยฉีจึงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง "องค์หญิง ท่านเป็นอะไรหรือไม่"
โจวฟางเซียนเบ้ปากเล็กน้อย "ตอนท่านพาข้ามา ท่านอุ้มข้าขึ้นม้า ตอนนี้ใยไม่อุ้มข้าลง! ข้าเป็นองค์หญิง เกิดมาไม่เคยแม้แต่จะสัมผัสม้า.."
โจวฟางเซียนได้แต่บ่นพึมพำในใจ ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนคนพิการ ขาของนางแทบไม่มีแรงจะก้าวเดิน
เกาเฟยฉีหัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของโจวฟางเซียนที่ทำทีเป็นไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา แต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้เขาอุ้มไปยังห้องพัก
เขาค่อยๆ วางร่างบางของนางลงบนตั่งไม้ตัวยาวภายในห้อง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ นาง โจวฟางเซียนยังคงทำหน้าบึ้งตึง แต่แววตาของนางกลับมีความขบขันซ่อนอยู่
ไม่นานนัก เสี่ยวเอ้อร์ก็ยกสำรับอาหารมาให้ โจวฟางเซียนมองอาหารตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เมื่อเห็นผักสีเขียวสดวางเรียงรายอยู่บนจาน นางก็ถึงกับหน้าถอดสี
"เหตุใดท่านจึงไม่ทาน" เกาเฟยฉีถามด้วยความสงสัย
"ขะ...ข้าไม่หิว" โจวฟางเซียนตอบเสียงอ่อย แต่ทันใดนั้นท้องของนางก็ส่งเสียงร้องประท้วงดังลั่น ทำให้เกาเฟยฉีหลุดขำออกมา
"ท่านไม่กินผักหรือ" เกาเฟยฉีถามต่อ "ลองชิมดูสิ มันไม่ได้ขมอย่างที่ท่านคิดหรอก"
เขาคีบผักกาดขาวชิ้นหนึ่งขึ้นมาจ่อปากโจวฟางเซียน ในใจขององค์หญิงสามกำลังกรีดร้อง นางเกลียดผักทุกชนิด แต่คนผู้นี้กลับยัดเยียดมันให้กับนาง!
โจวฟางเซียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจอ้าปากงับผักกาดขาวไปเพียงเล็กน้อยด้วยความหวาดระแวง แต่เมื่อรสชาติของผักแตะลิ้น นางก็ต้องประหลาดใจ รสชาติของมันไม่ได้ขมอย่างที่นางคิดไว้ มันกลับมีความหวานและกรุบกรอบอยู่ในที
นางเงยหน้าขึ้นมองเกาเฟยฉีด้วยสายตาแปลกใจ "มันอร่อยดีนี่"
เกาเฟยฉียิ้มกว้าง "ข้าบอกแล้วว่ามันไม่ได้แย่อย่างที่ท่านคิด"
เขาคีบผักอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมาป้อนโจวฟางเซียน คราวนี้นางอ้าปากรับอย่างเต็มใจ
"อร่อยจริงๆ ด้วย" โจวฟางเซียนพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตักผักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
เกาเฟยฉีมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการป้อนผักให้ใครสักคนจะทำให้เขามีความสุขได้ถึงเพียงนี้
หลังจากที่โจวฟางเซียนทานผักจนหมดจานแล้ว นางก็เริ่มรู้สึกอิ่ม เกาเฟยฉีเห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นไปรินน้ำชาให้
"ขอบใจ" โจวฟางเซียนพูดเสียงเบา
เกาเฟยฉียิ้มรับ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ นางอีกครั้ง
"เคยมีครั้งหนึ่ง ตอนที่ข้าถูกทหารแคว้นเป่ยลอบโจมตี ข้าและทหารอีกหลายร้อยนายถูกปิดล้อมจนหมดทางออก ในสถานการณ์สิ้นหวังเช่นนั้น เพื่อประทังชีวิตให้มีแรงสู้รบต่อไป พวกเราต้องขุดหัวมันมากิน หัวมันดิบทั้งขมทั้งฝาด แต่ในอากาศที่หนาวเหน็บเช่นนั้น รสชาติของมันกลับกลายเป็นเลิศรส"
เขาหยุดเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ต่อไปในอนาคต ถึงแม้ท่านจะไม่ต้องอดอยาก แต่ก็ใช่ว่าทุกมื้อท่านจะได้เสวยแต่อาหารเลิศรสเหมือนกับตอนที่อยู่ในวังหลวง"
คำพูดของเกาเฟยฉีทำให้โจวฟางเซียนตระหนักถึงความยากลำบากที่เขาเคยเผชิญ นางมองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่มองเขาเป็นเพียงแม่ทัพหนุ่มผู้บ้าบิ่น บัดนี้นางเห็นถึงความอดทนและความเสียสละที่ซ่อนอยู่ภายใน
โจวฟางเซียนเข้าใจแล้วว่าเกาเฟยฉีไม่ได้ต้องการบังคับนาง แต่เขาเพียงต้องการให้นางรู้จักคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ และเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตที่อาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
ในใจของโจวฟางเซียนเริ่มมีความรู้สึกอบอุ่นก่อตัวขึ้น นางมองเกาเฟยฉีด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง
ใต้แสงจันทร์สลัวที่สาดส่องเข้ามาในห้องพัก โจวฟางเซียนและเกาเฟยฉีนั่งมองดวงจันทร์เคียงข้างกัน แต่ในใจขององค์หญิงสามยังคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากความรักที่ไม่สมหวังกับเย่ซีเฉิน นางเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจถามคำถามที่ติดอยู่ในใจออกมา "ท่านแม่ทัพ เหตุใดท่านจึงแต่งงานกับข้า"
เกาเฟยฉีมองลึกเข้าไปในดวงตาของโจวฟางเซียน ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "เพราะข้ารักท่าน"
คำตอบของเขาทำให้โจวฟางเซียนถึงกับผงะ นางหันไปมองเขาด้วยความงุนงง ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้
"แต่..." นางพยายามจะพูดต่อ แต่ถูกเกาเฟยฉีขัดขึ้น
"สักวันข้าจะบอกท่านเอง" เขายิ้มให้โจวฟางเซียนอย่างอ่อนโยน "เรายังมีชีวิตด้วยกันอีกนาน ท่านและข้าค่อยๆ พูดคุยกันไป"
โจวฟางเซียนพยักหน้ารับอย่างเงียบงัน นางรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาดเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
เมื่อดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า ทั้งสองก็พากันเข้านอน โจวฟางเซียนนอนหันหลังให้เกาเฟยฉีด้วยความประหม่า
"ท่านจะทำอะไรข้า" นางถามด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
เกาเฟยฉีหัวเราะเบาๆ "ข้ากับเจ้าเป็นสามีภรรยากันแล้ว เหตุใดจึงต้องกังวลเรื่องนอนร่วมเตียงกัน"
เขาค่อยๆ โอบกอดโจวฟางเซียนจากด้านหลัง นางตัวแข็งทื่อด้วยความประหม่า แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน
เกาเฟยฉีซุกหน้าลงที่ซอกคอของโจวฟางเซียน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของนางทำให้เขาใจเต้นแรง
"หลับเถอะ" เขาพูดเสียงเบา "ข้าจะไม่ทำอะไรท่าน"
โจวฟางเซียนค่อยๆ ผ่อนคลายลง นางหลับตาลงและซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดของเกาเฟยฉี ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยทำให้ความกังวลในใจของนางค่อยๆ จางหายไป
ตลอดทั้งคืนนั้น เกาเฟยฉีไม่ได้ล่วงเกินโจวฟางเซียนแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่นอนกอดนางไว้แนบอก จนกระทั่งแสงแรกของวันใหม่สาดส่องเข้ามาในห้อง