บทที่ 2 เหตุเกิดในห้องลองเสื้อ 1
บทที่ 2
เหตุเกิดในห้องลองเสื้อ
“เอ้า…เป็นอะไรไปสกุณา เห็นคุณทำหน้าซีดเซียวเหมือนไก่ต้มน้ำปลา เอ๊ะ…ไม่สิ คุณน่ากินกว่าไก่”
หล่อนไม่นึกขำในคำตลกร้ายของเขา คิ้วขมวดเข้าหากัน ลุกลี้ลุกลนวางสีหน้าไม่ถูก กระชากเสียงพูดกับเขาราวจะกล่าวหา
“เพราะคุณ…เพราะคุณเพียงคนเดียว”
“เพราะผม ? ผมทำไมงั้นหรือ” ถามหน้าซื่อพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง
“คุณทำให้พศินเข้าใจฉันผิด”
“พ่อหนุ่มน้อยหน้ามลนั่นน่ะหรือ ? ทำไมล่ะ กลัวเขาเข้าใจผิดขนาดนี้ หรือว่าคุณมีสัมพันธ์สวาท…” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกห้ามด้วยเสียงใสๆแต่ดุดัน
“หยุดพูดเลยนะ หยุดความคิดอุบาทว์ๆของคุณเดี๋ยวนี้นะ” เผลอตะคอกไปแล้วก็ต้องรีบยกมือขึ้นอุดปากตัวเอง…หล่อนกล้าว่าลูกค้าแบบนั้นได้อย่างไร
“อุบาทว์ ? หมายถึงอะไรน่ะ” ชายหนุ่มกลับทำสีหน้างงราวกับไม่เข้าใจ เล่นเอาสกุณาต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก เคราะห์ดีนะที่เขาเป็นต่างชาติ คำบางคำอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ
“หมายถึงฉลาดน่ะค่ะ” หล่อนโป้ปด และหนุ่มอิตาเลี่ยนก็เชื่อเข้าเต็มเปา เพราะเขาลูบคางตัวเองไปมาแล้วพยักหน้าหงึกหงัก
“อืม…ถ้าผมไม่ฉลาด คงไม่มาถึงขั้นนี้ได้หรอก” พูดพลางถอดกางเกงยีนออกแล้วสวมกางเกงที่หล่อนเตรียมไว้ให้อย่างรวดเร็ว เล่นเอาหญิงสาวต้องรีบหันขวับไปทางอื่นด้วยใบหน้าร้อนผะผ่าว
ฟังๆแล้วนึกอยากอาเจียนอยู่ครามครัน แต่ต้องแสร้งปั้นหน้ายิ้มแย้มเอาไว้ เชื้อเชิญเขาออกมานอกห้องเสื้อ พยายามทำเป็นไม่สนใจพนักงานในร้านที่มองมาทางหล่อนและเทโรนี่เป็นจุดเดียว หึ นี่คงจะสงสัยจนปากคันยิบๆเลยล่ะสิท่าว่าหล่อนเข้าไปทำอะไรกับลูกค้ารูปหล่อคนนี้
“ขอวัดตัวหน่อยนะคะ จะให้พศินมาวัดให้” หันไปกวักมือเรียกหนุ่มวัย35ที่มีหน้าตาอ่อนเยาว์ราวเด็กอายุ18 ซึ่งฝ่ายนั้นก็รีบวิ่งมาด้วยหน้าแป้นแล้นพร้อมด้วยสายวัดในมือ
“หวัดดีฮะ ผมมีหน้าที่คอยวัดตัวให้ลูกค้าชาย ขออนุญาตนะครับ” พูดพลางรัดสายวัดรอบเอวชายหนุ่ม
“เดี๋ยวสิ…ผมอยากให้สกุณาวัดให้” เขายังไม่วายเอาแต่ใจ เล่นเอาสกุณาต้องตีหน้าเคร่ง
“ฉันเป็นผู้หญิง คงไม่เหมาะกับหน้าที่นี้ค่ะ” หล่อนเดินห่างออกไปแล้ว ทิ้งให้เขายืนหน้าซีดอยู่กับพศินตามลำพัง ลางสังหรณ์บอกเขาว่า…เขากำลังเจอเรื่องที่น่ากลัวสุดชีวิต แล้วก็เป็นจริงดังที่คาด เมื่อปลายนิ้วของอีกฝ่ายสะบัดไปโดนบางอย่างที่ระหว่างขาของเขาเข้าเต็มๆ ตาคมเบิกกว้างตะโกนเสียงลั่นจนตกเป็นเป้าสายตา
“มิสสกุณา ! ถ้าคุณไม่มาวัดตัวให้ผม ผมจะไม่อุดหนุนร้านคุณ ผมจะไปตัดที่ร้านอื่น !”
คำประกาศลั่นทำให้พศินตกใจ แต่คนที่มีท่าทางเหวอมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นเจ้าของร้านสาว เพราะหล่อนโมโหจนรูจมูกบานเข้าบานออก อยากซัดหน้าหล่อๆนั่นสักทีให้หายบ้า แต่สิ่งที่ทำได้คือกัดฟันแล้วยิ้มหวานจนดูเลี่ยน
“แหม…แต่คิดว่าคงไม่เหมาะ”
“ลูกค้าคือพระเจ้า ร้านคุณใกล้เจ๊งเต็มทนแล้วไม่ใช่หรือไง มองว่าลูกค้าเพียงคนเดียวไม่มีความหมายเหรอ”
หล่อนฉุนกึก นับหนึ่งถึงสิบในใจ…เพื่อเงิน เพื่องาน เพราะฉะนั้น…ต้องทน จะไปเถียงลูกค้ามากๆก็คงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดภาพพจน์ที่ไม่ดีต่อร้านตัดเสื้อผ้าของหล่อนก็ได้
“ค่ะ…ก็ได้ค่ะ” กัดฟันฉีกยิ้ม ทั้งๆที่ดวงตาแวววาวราวจะแผดเผาลูกค้าหนุ่มให้ไหม้เป็นจุล หล่อนโยนสมุดเล่มเล็กให้อรชรเป็นคนจดหน่วยวัด ส่วนหล่อนถือสายวัดมาทางเขา เขย่งปลายเท้าขึ้นแล้ววัดบริเวณฐานคอติดกับหัวไหล่ จึงดูคล้ายๆแขนเรียวโอบรัดลำคอแกร่ง ลมหายใจร้อนๆปะทะวงหน้าสวย หญิงสาวหน้าร้อนวาบราวถูกนาบด้วยเตารีด รีบชักมือออกแล้วเริ่มวัดส่วนอื่น
ตาคมหรี่ลงมองร่างบาง หล่อนดูเป็นมืออาชีพ แม้จะแค้นเคืองเขามิใช่น้อย แต่ก็ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วัดข้อมือ วัดต้นแขน หัวไหล่ ข้อศอกถึงมือ รอบอก รอบเอว รอบสะโพก รอบเข่า รอบน่อง และส่วนต่างๆ รายละเอียดยิบย่อยแต่หล่อนสามารถวัดได้อย่างชำนาญและรวดเร็ว ส่วนอรชรก็รีบจดหน่วยวัดเป็นเซนติเมตรตามที่เจ้านายบอกอย่างเคร่งครัด
จนกระทั่งมาถึงส่วนสำคัญในการวัด…นั่นคือการวัดด้านหลังจากเอวจนถึงก้นที่โด่งที่สุด จากนั้นก็ถึงจุดไคลแมกซ์ที่หล่อนต้องอาศัยความกล้ามากพอสมควร...ท่องไว้สิสกุณา นี่เป็นงานนะ เพราะฉะนั้นต้องทำให้ได้
“เอ้า…ทำไมนิ่งไปล่ะครับ เร็วๆสิ ผมเมื่อยแล้วนะ” คนที่ยืนค้ำหัวบอกคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้า ครั้นเงยหน้าขึ้นไปมองสบตาสีน้ำเงินเข้มพริบพราว หล่อนก็เริ่มเดือดปุดๆขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจวัดรอบเป้าชายหนุ่มด้วยการวัดจากเอวด้านหน้าผ่านเป้ากางเกงอ้อมไปถึงเอวด้านหลัง…หล่อนใช้เวลาวัดจุดนี้ไม่ถึง10วินาที ก่อนจะผละถอยห่าง หน้าแดงเถือก บ้าชะมัด…ผู้ชายคนนี้อันตรายจริงๆ เพียงเข้าใกล้ในระยะรัศมี1เมตร หล่อนก็รู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เสร็จแล้วใช่มั้ย ผมจะได้ถอดชุดเชยๆนี่ออก”
“ค่ะ สำหรับเจ้าบ่าวน่ะเสร็จแล้ว แล้วคุณไม่ได้พาเจ้าสาวมาด้วยเหรอคะ จะได้วัดตัว” หล่อนถามเมื่อเห็นเขามาเพียงคนเดียว