บทที่ 2 เหตุเกิดในห้องลองเสื้อ 2
“เจ้าสาวไม่สะดวกครับ”
“อ้าว แล้วแบบนี้จะตัดชุดได้ยังไงคะ”
“เอาไซส์คุณนั่นแหละ” เขาพูดหน้าตาเฉย ชวนให้หล่อนนึกโมโหขึ้นมาอีกรอบ
“แต่ละคนสรีระมันไม่เหมือนกัน…”
“ตัดๆไปเถอะ เอาเท่าไซส์คุณเป๊ะเลยนะ”
“เอ๊ะ ! นี่คุณ ฉันไม่ใช่เจ้าสาวของคุณนะ จะมาวัดตัวจากรูปร่างของฉันได้ไง” หล่อนเริ่มเสียงดัง นัยน์ตาวาวโรจน์ราวแม่เสือสาว แต่มีหรือที่สิงห์หนุ่มเช่นเขาจะกลัว เขากลับยิ้มเยือกเย็น จับคางหล่อนเชยขึ้น ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องลึกเข้าไปในดวงตาดำขลับ
“ผมเป็นลูกค้าของคุณ ลูกค้าต้องการยังไง คุณไม่มีสิทธิ์ขัดใจ” พูดจบก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ทิ้งให้หญิงสาวยืนอ้าปากค้างอยู่ที่เดิม
ให้ตายเถอะ…เพิ่งเคยเจอลูกค้าจอมเผด็จการและนิสัยเสียที่สุดก็คราวนี้นี่แหละ
ไม่ถึงห้านาที เทโรนี่ก็เดินกลับออกมาด้วยชุดเดิมที่เขาใส่เข้ามาในร้าน มือใหญ่จับแว่นตาสวมปกปิดดวงตาสีน้ำเงิน ริมฝีปากสีกุหลาบขยับขึ้นลงออกคำสั่ง
“ผมให้เวลาเพียง3อาทิตย์เท่านั้น แล้วจะมารับชุด”
“3อาทิตย์ !”
“ใช่ 3อาทิตย์ ทำไมรึ เวลามันมากเกินไปเหรอไง”
“อย่ามาพูดจาตลกๆกับฉันนะ เวลาแค่นั้นจะไปพอได้ไง”
“ไหนคุยว่าเป็นมืออาชีพ”
“แต่ถ้าอยากได้งานประณีตมันก็ต้องอาศัยเวลา”
“แต่ผมมีเงิน”
ใช่…ข้อนี้หล่อนจะไปเถียงออกได้ยังไง คนที่เกิดมาร่ำรวยแบบเขาย่อมใช้เงินเป็นเบี้ยเพื่อซื้อความสะดวกสบายของตัวเอง และหล่อนเอง…ช่วงนี้ก็กำลังต้องการเงินเป็นอย่างมากเพื่อพยุงร้านนี้ไว้ไม่ให้ล้ม มิหนำซ้ำบิดายังถูกไล่ออกจากงาน ทั้งๆที่เมื่อก่อนเคยรุ่งโรจน์ได้เป็นถึงรองCEOของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสาขาย่อยมาจากประเทศอิตาลี่ แต่ได้เสวยสุขได้ไม่นานก็ถูกไล่ออกในข้อหาอะไร ซึ่งหล่อนก็ไม่รู้รายละเอียด คิดเพียงแค่ว่า…บิดาเป็นคนไม่เอาไหน ชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และเป็นคนคด บางทีการที่ถูกให้ออกอาจจะมาจากสาเหตุเหล่านี้
และผลจากการที่พ่อว่างงาน หล่อนจึงต้องรับผิดชอบค่าเหล้า ค่าการพนันของพ่อด้วย สภาพหล่อนตอนนี้จึงเต็มไปด้วยภาระมากมายที่ถูกแบกไว้บนไหล่เล็กๆสองข้าง
“ค่ะ… ถูก คุณมีเงิน”
“ผมจะเปลี่ยนร้านก็ได้ แต่ผมรู้ว่าคุณลำบาก”
“ขอบคุณในความเมตตาค่ะ” สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ “ฉันจะทำให้ทันตามกำหนดเวลาของคุณ เพราะฉะนั้นฉันขอพบเจ้าสาวคนนั้นด้วย”
“ผมบอกแล้วว่าเจ้าสาวของผมไม่พร้อมจะเจอคุณ”
“แต่จำเป็นต้องเจอค่ะ”
“บอกแล้วไงว่าให้เอาไซส์ขนาดเหมือนคุณ” เสียงเขาเริ่มหงุดหงิด
“แต่ฉันต้องการทราบความคิดของเจ้าสาวว่าต้องการชุดแต่งงานแบบไหน ให้ออกมายังไง ฉันกลัวตัดออกมาไม่ถูกใจค่ะ”
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะลูบคางไปมา “ผมรู้ว่าคุณอยากมีอิสระทางความคิด การที่ต้องทำตามที่ลูกค้าต้องการเสมอๆ คุณอาจจะอึดอัด ในเรื่องนี้ผมยกให้เป็นการตัดสินใจของคุณ คุณสามารถตัดชุดวิวาห์ได้ตามที่คุณต้องการ เอาตามใจคุณเลย”
ดวงตากลมโตเริ่มเป็นประกายพราวระยับ เคยมีบางครั้งที่หล่อนนึกฝันอยากตัดชุดเจ้าสาวที่สวยงามตามใจของหล่อนเอง แต่ทุกครั้งลูกค้ามักเป็นคนเลือกและตัดสินใจว่าต้องการแบบไหน
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิ ผมขอตัวกลับก่อนล่ะ ช่วงนี้งานยุ่งๆ” เขายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ไม่มัวอำลาให้มากความก็สาวเท้ายาวๆออกจากร้านเล็กๆไปทันที โดยไม่ลืมที่จะหันมาชมหล่อนว่า
“ผมรู้ว่าคุณเป็นคนอุบาทว์นะคนสวย”
“เอ๊ะ นี่ !” หญิงสาวถลึงตา ยังไม่ทันจะต่อว่าอะไร เสียงกรุ๋งกริ๋งก็ดังขึ้นอีกครั้งเป็นสัญญาณว่าเขาเปิดประตูออกจากร้านไปแล้วเรียบร้อย…สงสัยจะยังคิดว่าอุบาทว์หมายถึงคำชมอยู่สินะ เรื่องอื่นๆล่ะดูเหมือนฉลาด ทีเรื่องนี้ทำไมถึงซื่อบื้อนักนะ
สกุณาถอนหายใจเฮือก หลับตาลงแล้วลืมขึ้นมาใหม่ ทำแบบนี้ซ้ำๆกันนับสิบครั้ง ลูกค้าคราวนี้ของหล่อนดูจะไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เขาได้เป็นCEOทั้งๆที่ยังหนุ่มแน่น แน่ล่ะ…เขาคงฉลาดและเก่งมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มีอำนาจในการจัดการและตัดสินใจสูงสุดในบริษัทแน่ๆ
เขาเป็นผู้ชายที่น่าสนใจเลยทีเดียว หากตัดความปากเสียและนิสัยจอมเผด็จการทิ้งไป หน้าตาก็นับว่าหล่อเหลา คิ้วเข้มคมยาวจรดหางตา ดวงตาสีน้ำเงินราวทะเลน้ำลึก จมูกโด่งเป็นสันดุจเทพบุตรกรีก ริมฝีปากสีชมพูกุหลาบ เขาเป็นผู้ชายน่าพิศมัย แต่แน่อยู่แล้วที่คนหน้าตาดีและฐานะร่ำรวยเช่นเขาจะต้องมีคู่หมาย และหล่อนก็คือคนที่ต้องตัดชุดวิวาห์ให้แก่เขาและผู้หญิงคนนั้น
คิดๆไปแล้วก็อดนึกถึงตัวเองบ้างไม่ได้…นานเท่าไหร่แล้วนะที่หล่อนไม่ได้นึกถึงการใช้ชีวิตคู่ ไม่สิ…ทำไมต้องมาคิดอะไรแบบนี้ด้วย ผู้ชายคือเพศที่อันตรายและเห็นแก่ตัวที่สุด หล่อนไม่อยากเป็นเหมือนแม่ ยังไงเสียก็จะไม่มีวันยอมแต่งงานเด็ดขาด
“ผู้ชายคนนั้นหล่อมากนะคะ มิสเตอร์มอนดาโดรี่ น่ารักน่าจุ๊บจริงๆ น่าอิจฉาเจ้าสาวของเขานะคะ” อรชรที่กำลังแขวนเสื้อบนราวพูดออกมาราวกับเคลิ้มฝัน ในขณะที่พศินนิ่งเงียบ ทว่าสายตากลับเต็มไปด้วยนัยความอะไรบางอย่าง
“ผู้ชายต่อให้หล่อแค่ไหนก็ปิดเนื้อแท้ของตัวเองไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะใครก็เลวเหมือนกันหมด” สกุณาพูดอย่างแค้นเคือง ในขณะที่พศินหัวเราะแล้วเดินมาตบไหล่หล่อน
“ผู้ชายก็ไม่ได้เลวไปหมดเสียทุกคนหรอกนะ ดูอย่างผมสิ นิสัยอย่างดี”
“คุณไม่ใช่ผู้ชายแท้นี่พศิน” สกุณาพูดขัด เล่นเอาอีกฝ่ายค้อนขวับ เผยธาตุแท้ความเป็นหญิงออกมาทันที
“เกย์ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันแหละย่ะ”
“ไม่อยากเถียงด้วยแล้ว”
“แหม แต่เมื่อกี้กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเชียวนะ มอนดาโดรี่ไม่น่าไหวตัวทันเลยจริงๆ”
สกุณาส่ายหน้าไปมา…สงสัยที่เทโรนี่เรียกใช้หล่อนไปวัดตัวคงเป็นเพราะรู้แน่ๆว่าตัวเองกำลังถูกกะเทยลวนลาม
“แย่จริงๆ ผมเห็นหน้าหล่อๆของมอนดาโดรี่แล้วก็อดนึกถึงวันแต่งงานของสองเราไม่ได้”
“งานแต่งของสองเรา ? หมายความว่าไงน่ะ” อรชรถามอย่างสงสัย
สองมือของเกย์หนุ่มประสานกันไว้ใต้คางอย่างเคลิ้มฝัน ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ “แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นงานแต่งงานของผมกับมิสเตอร์มอนดาโดรี่ แค่นึกก็ฟินเสียแล้ว ต้องเป็นคู่บ่าวสาวที่เหมาะสมกันที่สุดมากกว่าคู่ไหนๆในโลกแน่ๆ”
สกุณาถึงกับอึ้ง ฉุดมืออรชรให้ถอยห่าง พร้อมกระซิบบอกพนักงานสาวว่า “ปล่อยให้พศินอยู่ในโลกความฝันต่อไปเถอะ ส่วนเรามาเร่งทำงานกันดีกว่า !”