บทที่เก้า ...งานเข้า (๑)
บทที่เก้า
...งานเข้า
กลับมาจากฮันนีมูนสองสามีภรรยาต่างก็แยกกันไปทำงานตามหน้าที่และดูเหมือนจะหนักเสียด้วย พสุธาไปทำงานแต่เช้ากลับดึกดื่นจนเธอต้องบอกให้แยกไปไม่อยากเป็นภาระ แม้ตอนแรกพสุธาจะอิดออดแต่ก็ต้องยอมตามใจ ช่วงนี้เขารับงานเยอะจนเพื่อนพากันแซวว่าร้อนเงินหรือเปล่า ตนเองก็แค่หัวเราะตอบกวนกลับไม่ได้ต่อความอะไรอีก
“ไปทำงานก่อนนะ จุ๊บ” ลืมตาขึ้นก็เห็นแค่แผ่นหลังกว้างเดินออกไปจากห้องและสัมผัสที่หน้าผากจากเขา ร่างบางลุกขึ้นนั่งมองนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียงพบว่าเพิ่งหกโมงเช้าทั้งวันนี้ก็เป็นวันเสาร์ พสุธาไม่ได้หยุดงานหรอกหรือตั้งแต่ผ่านช่วงฮันนีมูนมาหนึ่งเดือนแล้วพสุธาทำงานหนักแบบนี้ตลอด
“รับงานอะไรเยอะแยะ” ส่ายหน้าเป็นห่วงสุขภาพของอีกฝ่าย ตื่นแล้วคงนอนไม่หลับจึงตัดสินใจลุกไปอาบน้ำแต่งตัวออกมาทำอาหารเช้ากินแค่ตนเอง วันนี้คงนั่งทำงานที่บ้านอยากรีบเคลียร์ให้เสร็จไปจะได้ไม่มีงานทับถม
หลังทานข้าวเสร็จก็เดินมานั่งหน้าทีวีพิมพ์งานโดยไม่ได้รับรู้เวลาจนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจึงกดรับ
“ว่าไง” เป็นสามีที่โทรมาหาตอนเที่ยงตรง เขาทำแบบนี้สม่ำเสมอราวกับเป็นนาฬิกาชั้นเยี่ยมคงเพราะรู้ว่าหากได้ทำงานเธอคงจะลืมเวลาแล้วไม่ค่อยกินข้าวจนต้องโทรมาเตือน
“เที่ยงแล้วนะ อย่าลืมกินข้าว”แม้จะเป็นวันหยุดก็ไม่เว้น
“กินแล้ว” โกหกไปคำโตแล้วเอานิ้วชี้นิ้วกลางไขว้กันไว้ ไม่รู้ทำไมแต่ติดทำแบบนี้ตั้งแต่เด็กหากจะโกหกจนถูกจับได้ตลอด
“กินตอนไหน ไม่ใช่ว่ากินแต่เช้านะ”รู้ทันทุกที เธอถอนหายใจออกมา
“เดี๋ยวจะไปทำข้าวเที่ยงกินตอนนี้แหละ บ่นจริง” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปห้องครัวเปิดตู้เย็นหาอาหารทำ
หลังจากแต่งงานเธอก็บอกคุณนิทราว่าจะจัดการซื้ออาหารและดูแลเรื่องงานบ้านให้ไม่ต้องเป็นห่วงท่านก็เบาใจปล่อยเป็นหน้าที่ของลูกสะใภ้จัดการงานบ้าน
“ก็ห่วงเดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาลำบากอีก”
“รู้แล้วว่าแต่ฉัน นายเถอะกินข้าวหรือยัง” คำถามของเธอทำเอาปลายสายยิ้มอย่างมีความสุขแต่ดาริกาคงไม่รู้เพราะง่วนกับการคิดเมนูตอนเที่ยง
“ยังเลย หิวมาก”
“โหมงานหนัก ไปหาอะไรกินบ้างเข้าใจไหม” สั่งเสียงเขียว ว่าแต่เธอไม่ชอบกินข้าวตอนทำงานเขาเองก็เช่นเดียวกันหากไม่ถูกปากก็ไม่กินเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่ฝีมือของคุณนิทราที่พสุธาชอบมากรองลงมาคงเป็นฝีมือของภรรยาที่ทำให้กินเกลี้ยงหมดจาน
“หรือว่าจะทำของกินไปให้ที่กองถ่าย” คิดออกขณะที่กำลังลงมือทำอาหาร ร่างบางยิ้มออกมาวาดแผนไว้ในใจจะทำข้าวเที่ยงไปให้สามีและอยากดูการทำงานของเขาด้วยว่าเป็นอย่างไร อาหารมื้อนั้นจึงดูเยอะเป็นพิเศษเพราะเธอทำเผื่อคนในกองถ่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นต้มยำทะเลน้ำข้น แกงเขียวหวานไก่ ปลาราดพริกที่สับเป็นชิ้นแล้ว แยกใส่ปิ่นโตไว้ให้พสุธาและใส่กล่องทัพเพอร์แวร์ให้ทีมงานบางส่วนด้วย เสร็จเรียบร้อยหมดแล้วจึงนำใส่ถุงผ้าก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุดแต่งหน้า
รถยนต์เคลื่อนออกไปยังสตูดิโอถ่ายภาพที่สามีบอกว่าจะไปทำงาน รถไม่ติดมากจึงใช้เวลาไม่นานเพราะคอนโดของตนอยู่ใกล้สถานที่ทำงานทั้งของเธอและเขาอยู่แล้ว หาที่จอดรถได้ก็เดินถือถุงลงมาดูพะรุงพะรังจนทีมงานเห็นต้องเข้ามาช่วย
“ไม่ทราบมาหาใครหรือคะ” หญิงหน้าตาสะอาดสะอ้านคาดว่าเป็นทีมงานเพราะใส่เสื้อทีมเข้ามาช่วยแล้วเอ่ยถามเธอ
“มาหาคุณดินค่ะ ไม่ทราบว่าทำงานสตูไหนคะ”
“อ๋อ สตูถ่ายภาพชั้นสองห้องขวาเลยค่ะ เดี๋ยวหนูพาไปต้องไปดูเรื่องชุดพอดี” เอ่ยชวนอย่างคนมีน้ำใจเดินนำดาริกาไปยังห้องที่ว่า
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ดินมีคนมาหาบ่อยอยู่แล้ว หนูเห็นคุณตอนแรกก็คิดว่าต้องมาหาพี่ดินแน่ๆ” คำบอกเล่าที่ทำให้ดาริกาชะงักไปเพียงครู่รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มหดหายไป
“ดินมีคนมาหาบ่อยหรือคะ” พยักหน้าอย่างแข็งขันแววตาของหล่อนเป็นประกายราวกับอยากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
“บ่อยมากค่ะ แต่ละวันไม่ซ้ำคนเลยสวยๆ ทั้งนั้น แต่พอแต่งงานไปแล้วไม่มีเลยค่ะ ส่วนมากถ้ามาพี่ดินก็จะบอกว่าแต่งงานแล้ว รักเมียค่ะ มีแต่คนบอกพี่ดินหลงเมีย” ได้ยินอย่างนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ใบหน้าหวานแดงซ่านด้วยความเขินอายที่ถูกกล่าวถึงแบบไม่รู้ตัว
“ถึงแล้วค่ะ” ประตูถูกเปิดออกพบกับห้องสตูดิโอขนาดใหญ่ที่ผู้คนต่างวุ่นวายกับการเซตฉากใหม่ ดวงตากลมโตมองหาพสุธาก็พบเขากำลังนั่งหน้าจอไอแมคเครื่องใหญ่เช็กภาพที่ถ่ายด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ถือเป็นครั้งแรกที่เห็นสามีทำงานในอาชีพของตนเองรู้สึกแปลกตาจนต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเอาไว้
“คุณจะให้หนูเอาของไปไว้ไหนคะ” ได้ยินเสียงคนที่พามาเธอก็หันไปหาแยกถุงของพสุธาออกมาที่เหลือก็ยกให้สาวหน้าใสหมด
“ที่เหลือเอาไปวางไว้โต๊ะกินข้าวเลยค่ะ พอดีเอามาฝาก” มองของที่เอามาฝากก็ตาโตมีแต่อาหารน่ารับประทานทั้งนั้น
“คุณใจดีจังเลย” นอกจากหน้าตาสวยแล้วยังมีน้ำใจต่างจากผู้หญิงคนอื่นของพสุธาที่มองพวกเธอราวกับต่ำชั้นนักหนา หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นเมียพี่ดิน
“ขอตัวก่อนนะคะ” แววตากลมมีท่าทางเลื่อมใสผู้หญิงที่เพิ่งได้เจอ หน้าตาดีรูปร่างดีท่าทางดูมีฐานะเสียด้วย สมกับพี่ดินอย่างกับกิ่งทองใบหยก มองตามอมยิ้มแล้วเดินถือถุงอาหารไปวางไว้โต๊ะกินข้าวของทีมงาน
ร่างบางเดินเข้าไปหาพสุธาที่นั่งหน้าเครียดข้างกันคือคิรากรผู้ช่วยช่างภาพคุ้นหน้าอย่างดีเพราะไปถ่ายภาพวันงานแต่งให้กับเธอ ใบหน้าหวานอมยิ้มหวังว่าเขาคงจะเซอร์ไพรส์ที่เห็นเธอ แต่ใครจะคิดว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งตัดหน้าเดินไปกอดคอตากล้องอย่างสนิทสนมเสียก่อน ขาเรียวราวกับถูกตรึงไว้กับที่ไม่สามารถก้าวต่อไปได้
“ทำหน้าเครียดจังเลย” เธอกับเขาอยู่ห่างกันไม่มากแต่ในความรู้สึกของดาริการาวกับอยู่คนละโลก แผ่นหลังบางที่ถูกทาบทับด้วยผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ภายในใจของเธอเจ็บช้ำ
“ปล่อย ณดา ผมไม่ชอบ” พสุธาลุกขึ้นจากเก้าอี้จับแขนเรียวออกด้วยใบหน้าที่เกรี้ยวกราดพอให้ดาริกาใจชื้นว่าอีกคนไม่ชอบการกระทำนั้น
“อะไรกัน เมื่อก่อนตอนพี่ดินเครียดณดาก็ทำบ่อยจะตาย” เพราะเสียงรอบข้างที่ดังกับระยะทางที่ไกลเธอจึงไม่สามารถได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกัน
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมมีเมียแล้วและก็ซื่อสัตย์กับเขามากด้วย เพราะฉะนั้นเลิกทำบ้าๆ แบบนี้สักที” เจอหนุ่มอารมณ์ดีในโหมดหัวเสียแบบนี้ก็ถือเป็นการเปิดมุมมองใหม่เหมือนกัน ดาริกาอมยิ้มจากหน้าสลดเมื่อครู่กลายเป็นแจ่มใสยิ่งเห็นท่าทีปั้นปึ่งที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มก่อนจะหุบยิ้มแล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาในหัวมีแผนแกล้งสามีจอมกวน
“รีบมีทำไมก็ไม่รู้ เสียของแย่เลย” ยังไม่หยุดที่จะเข้าไปเกาะแกะช่างภาพ เธอควงแขนหนาเอาตัวเข้าไปใกล้ชิดหวังคืนวันเก่าๆ จะหวนคืนแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะพสุธาแกะแขนออก
“ดิน” น้ำเสียงคุ้นเคยพร้อมการปรากฏตัวอย่างคาดไม่ถึงของภรรยาทำเอาตากล้องหนุ่มหน้าซีดมือหนารีบจับแขนณดาออกอย่างรวดเร็วพร้อมก้าวไม่ถึงสามก้าวก็ประชิดตัวภรรยาคนสวย
“ดาว มาได้ยังไงทำไมไม่โทรบอกก่อน” ถามเสียงลนลานสายตาเขาสบดวงตากลมก็เริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เสียแล้วเหตุการณ์เมื่อกี้เธอจะเห็นหรือเปล่านะ
“ขับรถมาว่าจะเอาอาหารเที่ยงมาให้ แต่ดูแล้วคงไม่ต้องหรอกมั้ง” สายตาชำเลืองไปทางนางแบบสาวที่ยืนกอดอกมองมาที่เธอด้วยแววตาไม่ชอบใจ
“ต้องสิ ต้องการเลย คิดถึงอาหารเธอที่สุด” พูดรัวเร็วจนลิ้นแทบพันกันอยู่แล้ว เขาโอบไหล่บางเอาไว้พาเดินมานั่งเก้าอี้ว่างข้างตนเอง
“สวัสดีค่ะ ชื่อณดานะคะ” นางแบบสาวเข้ามาแนะนำตนเองพร้อมแจกยิ้มหวานที่ชายใดเห็นเป็นต้องหลงแต่ใช้ไม่ได้กับดาริกาเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่มองออกว่าอีกฝ่ายดูไม่จริงใจ
“ค่ะ ดาวนะคะ” ยังไม่ทันจะได้นั่งณดาก็ลากเก้าอี้ไปนั่งลงเสียก่อนพร้อมยกขาขึ้นไขว้หันมายิ้มหวานให้ผู้มาใหม่ ดาริกาเองก็พยายามระงับอารมณ์ตนเองกำมือแน่นด้วยรู้ว่าโดนประกาศศึกอย่างชัดเจน ตากล้องหนุ่มหล่อลอบกลืนน้ำลายหันไปมองผู้ช่วยตนเองที่เดินหนีไปไกลไม่อยากยุ่งเรื่องผัวเมีย
“ทิ้งกูซะงั้นไอ้เวร” พึมพำเสียงเบาคิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ตอนนี้ดี ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดเหตุรถไฟชนกัน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะคนที่เขาโอบไว้คือภรรยาที่แสนเคารพ ไม่อาจเดาใจได้เลยว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป
“ณดาเหนื่อยค่ะ ถ่ายแบบมาครึ่งวันแล้ว” ทำท่าเอามือพัดแต่แววตากลับเยาะเย้ยเต็มที่
“อ๋อ เข้าใจค่ะ ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณนั่งไปเลยเดี๋ยวฉันนั่งกับสามีก็ได้” เอาแล้วสิ พสุธายิ้มกริ่มทันทีเมื่อเมียเปิดช่องทางให้
“ใช่ๆ มานั่งด้วยกันดีกว่านะ ไหนเอาอะไรมาให้กินบ้าง” รับสมอ้างอย่างที่ภรรยาว่าดึงเธอไปโต๊ะเล็กสำหรับกินข้าวของตนเองทันทีพร้อมเอาปิ่นโตออกจากถุงผ้าสีสวย เปิดทีละชั้นด้วยความตื่นเต้นมีทั้งต้มยำทะเลน้ำข้น แกงเขียวหวานไก่ ปลาราดพริกน่ากินทั้งนั้นชั้นสุดท้ายเป็นข้าวสวยร้อนๆ
“น่ากินจังเลย ขอบคุณนะครับ” เห็นเขายิ้มก็ดีใจที่ชอบ เธอพยักหน้าและไม่ทันตั้งตัวพสุธาก็ดึงเอวบางมาอย่างรวดเร็วให้นั่งบนตักตามที่บอกเอาไว้
“ดิน!” หันไปเอ็ดเสียงเบาเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน
“อะไร” ถามเสียงเรียบ
“ปล่อยเลย” ไม่กล้าดิ้นมาเพราะมีสายตาหลายคู่มองอยู่ ร่างสูงยิ้มพลางส่ายหัวก่อนจะหอมแก้มภรรยาโชว์ทุกคน
“ไม่ปล่อย อยากให้เมียนั่งตัก อยากให้เมียป้อนข้าวด้วย เหนื่อยจนไม่มีแรงเลย” ออดอ้อนไม่อายใครเพราะต้องการป่าวประกาศไปว่าตอนนี้เจ้าของเขาคือผู้หญิงที่กำลังนั่งตักอยู่ ใบหน้าหวานขึ้นสีด้วยความเขินอายทั้งที่คราแรกตั้งใจจะยั่วโมโหณดาเฉยๆ แต่ไหงกลับเป็นเธอต้องมานั่งหน้าร้อนบนตักเขาเสียได้
“เป็นง่อยหรือไง” ประชดใส่แต่กลับมีรอยยิ้มจนพสุธาต้องหัวเราะออกมา
“แค่อยากอ้อน ผิดหรือ” เห็นสองคนนั่งหวานใส่กันมานานนางแบบสาวก็เกิดอาการหมั่นไส้มือกำเข้าหากันแน่นทั้งที่เมื่อก่อนที่ตรงนั้นต้องเป็นของเธอ แต่ตอนนี้กลับถูกแย่งไปจากผู้หญิงหน้าตาจืดชืดคนหนึ่งไม่มีอะไรมาเทียบเธอ ได้เลย
“อาหารน่ากินจังเลยนะคะ ณดาขอร่วมโต๊ะด้วยแล้วกัน” ไม่รอให้ใครอนุญาตเธอก็ลุกลากเก้าอี้ที่ตนนั่งมาที่โต๊ะเล็กสำหรับรับประทานอาหารด้วยความใจกล้า ผู้คนโดยรอบต่างเมียงมองด้วยอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
“พี่คิน ผู้หญิงที่นั่งตักพี่ดินคือเมียพี่เขาใช่ไหม” คิรากรที่มองห่างๆ อย่างห่วงๆ หันไปหารุ่นน้องที่ทำงานฝ่ายเสื้อผ้า
“ใช่ นั่นแหละคุณดาริกา เมียสุดรักสุดหวงของเฮียแก” จะไม่ให้รักอย่างไรไหวถึงขนาดลางานถึงหนึ่งสัปดาห์ทิ้งรายได้เป็นกอบเป็นกำไปฮันนีมูน พอกลับมาก็เร่งหาเงินบอกจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์จนเขาพลอยไม่ได้หลับได้นอนไปด้วย
“สวยมากเลยพี่ แถมยังใจดีอีกหนูไปช่วยถือของพี่เขาให้กับข้าวมาตั้งเยอะ” มองดาริกาตาประกายด้วยความเทิดทูน
“เหมาะสมกันสุดๆ แต่ตอนนี้เสียวแทนเฮียแกเลย ทั้งเก่าทั้งใหม่มาเจอกัน ขอให้รอดเถอะ” ได้แต่พนมมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะณดาเองก็แรงใช่เล่นไม่รู้ว่าดาริกาเจอจะเป็นอย่างไร ไหนจะงานบ่ายที่ต้องถ่ายถ้านางแบบเกิดยกเลิกกลางคันไม่แย่หรือ มองไปทางไหนก็มีเพียงความยุ่งยาก แล้วก็สงสัยว่าจะไปคิดเรื่องของคนอื่นทำไมตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอด