๔ ใจเราตรงกัน (๑)
๔
ใจเราตรงกัน
ใกล้เที่ยงแล้วแต่คนส่งอาหารหน้าหล่อยังไม่โผล่มาให้เห็นเลย เจ้าของร้านจึงทำตัวเหมือนยีราฟคอยื่นคอยาวชะเง้อเพื่อหาชายหนุ่มที่ตรงต่อเวลา หล่อนถอนหายใจเกือบสิบครั้งพลางมองนาฬิกาที่ติดอยู่ข้างฝาผนัง
ทุกวันนี้มีกำลังใจทำงานเพราะรอคอยช่วงเที่ยงที่จะได้เจอหน้าพงพนา การคุยในโทรศัพท์มันไม่เพียงพอต่อความรู้สึกที่มีต่อเขา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ร่างสูงคือศิลปินที่ตนปลาบปลื้มหรือเปล่า พอได้ใกล้ชิดก็มีความสุข หัวใจพลันเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกของหล่อนที่มีต่อพงพนาไม่ใช่แค่แฟนคลับคนหนึ่ง แต่มันพัฒนาไปไกลมากกว่านั้นจนตนยังไม่อยากเชื่อ
ว่ามันจะเร็วและรุนแรงเช่นนี้...
‘วันนี้พี่คงไม่ได้ไปส่งข้าวเที่ยงแล้วนะ แค่กๆ เมื่อวานพี่ตากฝนแล้วไม่ได้กินยา ดูท่าแล้วน่าจะไม่สบาย...’ เสียงโทรศัพท์ดังไม่ถึงสองวินาที เธอก็คว้ามากดรับด้วยความว่องไว ไม่มีการรอเวลาให้ผ่านไปสักพักอย่างไว้เชิง
วินาทีนี้ต้องรีบเท่านั้น เธอไม่อยากให้ปลายสายรอนาน...แต่พอได้รับสายก็ทำให้ดวงตากลมเบิกกว้างพลางเด้งตัวลุกจากเก้าอี้ด้วยอารมณ์ตกใจ
“ไม่สบาย! พี่ป่าอยู่ไหนคะ ให้นิวไปหาหรือเปล่า ตอนนี้นิวว่างค่ะไม่รบกวนเลยสักนิด พี่ป่าอยู่ไหน คอนโดหรือว่าบ้านคะ สะดวกให้นิวไปไหม” แทบจะหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งออกนอกร้าน เป็นห่วงคนที่เสียงแหบแห้งทั้งยังไออีกต่างหาก
ดวงหน้าหวานแสดงออกถึงความกังวลที่มีต่อชายซึ่งตนหมายปอง อยากไปหาเขาแต่ก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่สะดวกใจ
‘พี่เกรงใจ...ตอนนี้พี่พักอยู่คอนโดคนเดียว’ เขาไม่ได้เอ่ยปัดนั่นหมายความว่าเป็นการอนุญาตให้เธอไปหาหรือเปล่า คิดเข้าข้างตัวเองแล้วก็แอบยกยิ้มมุมปาก แต่เมื่อรู้ว่าไม่ควรก็รีบเหยียดปากตรง เธอควรห่วงอาการของเขาก่อนสิ
“เดี๋ยวนิวไปหาค่ะ พี่ป่าส่งโลเคชั่นมาได้เลยนะ แล้วกินข้าหรือยังคะ กินยาหรือเปล่า” บอกด้วยเสียงกังวลแล้วหยิบของสำคัญใส่กระเป๋า สงสัยวันนี้หล่อนคงต้องลางานกับเพื่อนสนิทแล้วล่ะ ถึงอยู่ไปก็ไม่มีกระจิตกระใจจะทำงาน
‘ยังเลย พี่ไม่มีแรงจะลุก’
“พี่ป่ารอนิวก่อนนะคะ จะรีบไปให้เร็วที่สุดค่ะ” เสียงข้อความเข้าเมื่อหล่อนวางสาย เขาส่งโลเคชั่นมาให้แล้ว...
นี่คือครั้งแรกที่ตนจะได้เข้าห้องของผู้ชายที่ชื่นชอบ ขนาดแฟนคนก่อนเธอยังไม่ไปห้องของอีกฝ่ายเลย จนนึกสงสัยว่าครั้งนั้นมันคือความรักจริงหรือเปล่า อาจเพียงแค่ความสงสารที่อีกฝ่ายมุ่งมั่นในการจีบ แต่เมื่อคบไปแล้วไม่ใช่ก็เลือกถอยห่าง...
“นาถ! พี่ป่าไม่สบายฉันเลยว่าจะไปดูแลพี่ป่า ฝากแกเฝ้าร้านด้วย...ฉันจะพยายามไปไม่นาน แต่คิดว่าอาจอยู่กับพี่เขาทั้งวัน” เปิดประตูหลังร้านแล้วบอกเพื่อนที่เคร่งเครียดในการขึ้นตัวเรือนแหวน เสียงของนิรดาค่อนข้างเครียดแต่ฟังจากคำพูดแล้วอดไม่ได้จะถอนหายใจหนัก
ดูเหมือนพงพนาจะขุดหลุมลึกให้เพื่อนหล่อนตกลงไปด้วยความเต็มใจ...
“ให้ฉันปิดร้านเลยไหมล่ะ”
“ได้เหรอ!” ตะโกนถามอย่างดีใจพลางฉีกยิ้มกว้าง คราวนี้นาถฤดีถึงกับส่ายศีรษะ พอเจอคนที่รักจริงก็ทุ่มทุกอย่างให้อีกฝ่าย จะว่าดีก็ดี แต่อีกใจก็กังวลว่าเรื่องมันราบรื่นแบบนี้ จะมีมรสุมตามมาทีหลังหรือเปล่า
“ฉันล้อเล่น แกไปดูแลว่าที่แฟนในอนาคตเถอะ เผื่อจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้มันชัดเจน ไม่ใช่อยู่แบบคาราคาซังอย่างนี้”
“รับทราบค่ะแม่ ไปแล้ว” ทำท่าตะเบะเหมือนอย่างเคยแล้วรีบออกจากร้านทันที
โบกแท็กซี่แล้วบอกโลเคชั่นกับคนขับ จากนั้นหล่อนจึงนั่งกุมมือแน่นเพื่อให้ถึงปลายทางโดยเร็ว คิดว่าควรทำอย่างไรหากเจอหน้ากัน อย่างน้อยก็ต้องมีของฝากไปเยี่ยมคนป่วยหรือเปล่า พอคิดได้ดังนั้นจึงค้นหาว่าใกล้คอนโดของเขามีห้างสรรพสินค้าหรือตลาดไหม
จ่ายเงินเรียบร้อยก็เดินไปยังมินิมาร์ทขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่หน้าคอนโด เลือกซื้อข้าวต้มและยาลดไข้เพราะเกรงว่าห้องของเขาอาจจะไม่มี
ซื้อของเรียบร้อยถึงได้เข้ามาในคอนโดมิเนียมสุดหรูที่ตนไม่คิดฝันว่าจะได้มาเยือน มองดูความโอ่โถงอันแสนหรูหรา ร่างบางเดินเข้าไปหารีเซฟชั่น ดวงตามองเคาน์เตอร์ที่ทำด้วยหินราคาแพง พยายามอย่างยิ่งจะไม่แสดงความตื่นตาตื่นใจมากเกินไป
“มาหาคุณพงพนาค่ะ” บอกเสียงหวานไม่ลืมยิ้มให้ชายตรงหน้าที่ท่าทางในการยืนค่อนข้างสุภาพ
“คุณนิรดาใช่ไหมครับ ขออนุญาตตรวจบัตรประชาชนหน่อยนะครับ” มือที่สวมถุงมือสีขาวยื่นมาตรงหน้าหล่อน
“ค่ะ” หญิงสาวหยิบบัตรประจำตัวประชาชนให้อีกฝ่ายทันที ระหว่างรอก็มองไปยังเลาจ์สำหรับลูกบ้านที่จะมาทำกิจกรรม กรุผนังด้วยกระจกหล่อนจึงมองเห็นข้างในชัดเจนว่าถูกตกแต่งทั้งยังแบ่งเป็นสัดส่วน
คนเดินเข้าออกตลอดเวลา ส่วนมากแต่งตัวดีทั้งนั้น หรือไม่ก็สวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ราคาแพงจนนิรดาไม่อาจเอื้อม บนร่างกายของเธอชิ้นไหนซื้อเองก็ราคาหลักพัน แต่ถ้าหมื่นขึ้นก็ได้อานิสงค์มาจากพี่สาว
รายนั้นเป็นถึงดาราดัง เสื้อผ้าทั้งซื้อเองและได้จากสปอนเซอร์ที่มอบให้ ไม่รวมบริษัทเสื้อผ้าที่นรินทิพย์เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้อีกต่างหาก เป็นนักแสดงดังช่างดีเหลือเกิน...
ถึงกระนั้นหล่อนก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาพี่สาว เพราะรู้ดีว่าการจะมาถึงขั้นนี้มันไม่ง่ายเลยสักนิด ชีวิตที่เป็นบุคคลสาธารณะไม่เคยได้ความเป็นส่วนตัวเลยสักครั้ง
ชีวิตอย่างนั้น...เธอไม่ต้องการหรอก
“เชิญทางนี้เลยครับ” พยักหน้าแล้วเดินตามรีเซฟชั่นไปยังลิฟต์ เขากดชั้นที่อยู่เกือบบนสุดให้หล่อน พลางผายมือเชื้อเชิญ
หญิงสาวเข้ามายืนข้างในด้วยอาการเกร็ง ถึงตนไม่กลัวความสูงแต่ก็รู้สึกว่าที่แห่งนี้มันช่างแตกต่างจากที่ของตนเหลือเกิน เพิ่งรู้ว่าเขาร่ำรวยจนสามารถพักในตึกสูงที่มีมูลค่าแพงขนาดนี้ แล้วอย่างนั้นเหตุใดจึงเข้ามาทำแหวนที่ร้านของตนล่ะ
ทั้งที่ดูจากฐานะทางการเงินแล้ว พงพนาสามารถเลือกไปทำร้านหรูก็ได้...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
สูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อถึงหน้าห้องของเขา ร่างสูงบอกเลขที่ห้องเอาไว้หล่อนจึงได้ทราบและไม่เคาะห้องผิด รอไม่นานประตูบานหนาก็เปิดออก พร้อมการปรากฏกายของชายที่มีใบหน้าซีดเผือดต่างจากวันก่อนจนหล่อนตกใจ
“พี่ป่า ตัวร้อนจี๋เลย...เข้าไปข้างในดีกว่าค่ะ” ประคองแขนหนาพาเข้ามาข้างในด้วยความเป็นห่วง หล่อนถอดรองเท้าไว้ข้างหน้าแล้วเดินเคียงข้างเขาจนถึงห้องโถงใหญ่ซึ่งผนังกรุด้วยกระจกเห็นวิวเมืองหลวงที่มีตึกรามบ้านช่อง คั่นกลางด้วยแม่น้ำสายยาวที่หล่อเลี้ยงหลายชีวิต
ถึงจะอยากชื่นชมความงดงามของห้อง แต่หล่อนก็เลือกพาเขาเดินไปห้องนอน แต่คนเพิ่งมาก็ไม่รู้ว่าเขาพักห้องไหนเพราะมีประตูด้วยกันสามบาน
“พี่ไม่เป็นไรแล้ว ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนมากเลย...นิวไม่ต้องห่วงพี่หรอก” เขาเห็นว่าอีกฝ่ายชะงัก จึงได้เดินนำไปห้องของตัวเอง เปิดประตูแล้วค่อยก้าวช้าๆ เพื่อหล่อนจะได้ตามทัน เกรงว่าช่วงขาที่ต่างกันของเราหากอยู่ในช่วงเวลาปกติ เธอคงเดินตามเขาไม่ทันหรอก
แต่เพราะพงพนาจงใจให้เดินข้างกัน ทุกครั้งที่เจอหญิงสาวจึงได้เคียงกายตลอด...