๒ เหตุการณ์ชวนใกล้ชิด (๓)
“ตอนฝันใครบ้างมีสติ แค่เขาให้เรียกพี่แกยังเพ้อจนตัวจะลอย ถ้าอกหักไม่ดิ่งลงพื้นหรือไง” แย้งอย่างคนมีสติ ถึงเธอจะชอบตามใจเพื่อนแต่เรื่องความรักก็อยากให้อีกฝ่ายใช้สมองในการตัดสินใจบ้าง ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึกลุ่มหลง
“อกหักอะไรกัน ฉันว่าเขาก็มีใจนะ ไม่อย่างนั้นจะตั้งรูปโปรไฟล์คล้ายฉันทำไม แล้วเวลาฉันลงสตอรี่ก็ชอบเข้ามาดู มองจากดาวอังคารก็รู้ว่ามีใจ” ยื่นให้ดูว่าโปรไฟล์ของพวกเขามีพื้นหลังเป็นพุ่มไม้สีเขียวเหมือนกันราวนัดไว้ เล่นเอานาถฤดูถอนหายใจเสียงหนัก
“มองจากดาวเนปจูนก็รู้ว่ามีเลศนัย”
“แกขัดฉันอีกแล้วนะ” โวยวายพลางคว้าโทรศัพท์ของตนมาถือไว้เมื่อเพื่อนไม่เห็นด้วย
“ฉันแค่เตือนให้แกดูดีๆ แต่ถ้าแกมีความสุขฉันก็สนับสนุนหมดนั่นแหละ...อ้อ ฉันลางานสองวันนะ จะไปบ้านยายกับแม่ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” นัดกับมารดาเอาไว้แล้วจึงไม่อาจขัดได้ ถึงใจจะเป็นห่วงคนที่ต้องอยู่ร้านคนเดียว
“แน่นอน แค่นี้สบายมาก” นิรดาพูดเพื่อให้อีกฝ่ายเบาใจ ถึงปกติเธอจะอยู่หน้าร้านคนเดียวแต่ก็อุ่นใจเพราะหากเกิดอะไรขึ้นก็รู้ว่ามีนาถฤดีอยู่หลังร้าน แต่ถ้าอยู่คนเดียวคิดว่าคงเหงาน่าดู...
วันที่ต้องทำงานโดยไม่มีเพื่อนคุยตอนเที่ยงมันช่างเปล่าเปลี่ยวเสียเหลือเกิน ยังดีที่เธอหยิบโทรศัพท์ทักทายพงพนาผ่านไลน์ในช่วงพัก เขาตอบเร็วแต่ก็หายเงียบไปจนเธอจำต้องวางเครื่องมือสื่อสารเอาไว้บนโต๊ะ
กลับมากินข้าวคนเดียวแล้วเปิดเพลงฟังไปด้วย สร้างบรรยากาศให้มันไม่เหงาสักหน่อย เมื่อรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อย จึงได้นั่งร่างแบบแหวนที่ลูกค้าสั่งผ่านช่องทางออนไลน์
ทว่าเสียงประตูที่ถูกผลักเข้ามา ทำให้หล่อนรีบเดินไปยืนหน้าเคาน์เตอร์โต๊ะกระจก กำลังจะยิ้มให้ลูกค้าแล้วเอ่ยทักทาย แต่พอเห็นอีกฝ่ายกลับตัวแข็งทื่อพูดไม่ออก
“สวัสดี...” หากเป็นลูกค้าปกติหล่อนคงไม่ตกใจขนาดนี้ แต่เพราะคนที่เข้ามาคือชายร่างสันทัด ผิวสีแดงดำ ตัดผมทรงสกินเฮดโดยในมือถือปืนเอาไว้ จ่อมายังหล่อนแววตามุ่งมั่นจนคนตัวเล็กที่อยู่เพียงลำพังกลัวขาสั่น แทบไม่มีแรงจะยืนด้วยซ้ำ
ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ลุ้นระทึกเช่นนี้มาก่อน อีกฝ่ายหยุดยืนตรงข้าม พลางมองซ้ายขวาแววตาเริ่มลอกแลก คิดว่าน่าจะเกิดจากความกังวล
“เอาเงินมา! เอาเงินมาเดี๋ยวนี้ มีเท่าไหร่เอามาให้หมด! เร็วสิวะ!” ตะโกนเสียงดังลั่น เล่นเอาร่างบางสะดุ้งตัวโยน เกิดมาไม่เคยถูกปล้นมาก่อน ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เพื่อนสนิทก็ไม่อยู่ ทั้งร้านมีหล่อนเพียงคนเดียว
ในใจหวังเพียงให้มีลูกค้าสักคนเข้ามาช่วย เพราะตอนนี้หล่อนก็คิดไม่ออกว่าควรจะช่วยเหลือตัวเองอย่างไร
“จะ ใจเย็นก่อนนะคะ ร้านของเราเป็นร้านเล็ก ไม่มีเงิน..อึก” สูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วเลือกจะกล่อมให้อีกฝ่ายใจเย็น แต่คำพูดของหล่อนกลับสร้างความโมโหจนปืนจ่อใกล้กว่าเดิม จึงรีบปิดปากเงียบกลัวว่ามันจะลั่น
หัวใจเต้นเร็วขณะที่มือไม้สั่นไปหมด เหตุการณ์ตอนนี้น่ากลัวจนหล่อนบอกลาทุกคนในใจไปแล้ว มือบางกำเข้าหากันแน่นแล้วหลับตาพลางเหลียวมองทางอื่น ดวงตากลมมีน้ำใสคลอเบ้าจวนจะไหลเปื้อนใบหน้า
“อย่าพูดมาก กูให้มึงพูดหรือไง กูบอกว่าเอาเงินมาไม่อยากรู้ว่าร้านใหญ่หรือเล็ก ไปเอาเงินมาให้กูถ้าไม่อยากถูกยิงไส้ไหล” จังหวะที่มันกำลังตะโกน ประตูหน้าร้านก็ถูกเปิดออกพอดี เธอเบิกตากว้างอยากจะเรียกเขาแต่ชายหนุ่มกลับส่ายศีรษะเพื่อบอกให้เงียบ
นิรดาเข้าใจทันทีว่าเขาต้องการจะทำอะไร ความอบอุ่นค่อยแผ่นซ่านในใจ เมื่อเห็นว่าตนไม่ได้เผชิญกับมันเพียงลำพัง
เขามาช่วยแล้ว...พี่ป่าของเธอ
“ดะ เดี๋ยวจะไป เอาให้..ตอนนี้” ค่อยก้าวถอยหลังเพื่อเดินไปยังโต๊ะทำงาน เธอจ้องปืนกระบอกสั้นไม่วางตา พยายามไม่ทำตัวให้มีพิรุธกลัวว่าพงพนาอาจจะถูกทำร้าย ขณะที่ร่างสูงก็ค่อยก้าวเข้าไปด้านหลังของผู้ร้ายเสียงเบา
“อัก ไอ้เหี้ย! ปล่อย ปล่อยกู ไม่งั้นกูยิงไส้แตกแน่” เขาเลือกจะสับแขนของมันเพื่อให้กระบอกปืนตกลงบนพื้น จากนั้นจึงเตะไปให้พ้นรัศมี แล้วจับโจรเอามือไขว้หลังพลางเหยียบลงที่ขาของมันอย่างแรง เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายวิ่งหนีได้
“มาดูกันว่าใครจะยิงใคร นิวโทรเรียกตำรวจ!” สั่งเสียงเข้มแล้วกดร่างสันทัดลงไปที่พื้น จับแขนอีกฝ่ายไว้แน่นพลางดัดเพื่อให้ผิดรูปเป็นการขู่กรายๆ ไม่ให้คิดดิ้นหนี
“อ้าก!” โจรร้องโอดโอยจะดิ้นให้หลุดแต่ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ขณะที่ร่างบางรีบโทรแจ้งผู้พิทักษ์สันติราชแล้วอธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญ ทั้งที่ตนก็กังวลว่าอีกฝ่ายจะมาเร็วหรือเปล่า เกรงว่าแรงของพงพนาที่จับคนร้ายเอาไว้จะอ่อนลงเสียก่อน
หล่อนรีบไปหลังร้านเพื่อนำเชือกไนล่อนมายื่นแก่ร่างสูง...
“มัดไว้ก่อนค่ะพี่ป่า นิวกลัวเขาหนี” ชายหนุ่มจึงได้คลายจากการจับ ผละห่างเล็กน้อยเพื่อนำเชือกมัดที่มือ แต่ไม่คิดว่ามันจะไหวตัวอย่างรวดเร็ว ผลักเขาออกแล้ววิ่งไปข้างนอกอย่างไม่คิดชีวิต
พงพนาสบถด้วยความหัวเสียไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังมีแรงเยอะ รีบตามโดยเร็วขณะที่ร่างบางทำได้แค่ยกมือปิดปากขณะมองภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าโจรจะหลุดออกไปได้ ยังดีที่ปืนของมันอยู่ร้านหล่อนและคงมอบให้ตำรวจ ไม่อย่างนั้นเกรงจะมีผู้ได้รับลูกหลง
นิรดาเดินวนไปมาในร้าน เมื่อตำรวจมาถึงก็รีบบอกว่าโจรหนีไปแล้ว ตำรวจทั้งสามนายจึงได้ถามรายละเอียดกับเธอ แล้วได้รับโทรศัพท์ว่ามีคนจับโจรได้จึงรีบรุดกลับโรงพัก ปล่อยร่างบางชะเง้อคอเพื่อรอคอยใครบางคน
“พี่ป่า! เป็นยังไงบ้างคะ” กระทั่งเขาเดินเข้ามาในร้านอีกครั้ง หล่อนรีบวิ่งเข้าไปกอดแขนหนาเอาไว้แน่น พลางประเมินด้วยสายตาว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
พอเห็นชายหนุ่มปลอดภัยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก...
“พี่จับโจรส่งตำรวจแล้ว แล้วเรื่องปืน...” เอ่ยถามขณะจับมือหญิงสาวมากุมเอาไว้แทน มองใบหน้ามนที่ที่คราบน้ำตาเปรอะเปื้อนก็แต้มยิ้มมุมปากอย่างนึกเอ็นดู หล่อนคงจะเสียขวัญมาก ปกติมักจะมีรอยยิ้มให้กันเสมอ
แต่วันนี้กลับต่างออกไปจนเขานึกสงสารเธอ
“นิวให้ตำรวจไปแล้วค่ะ...พี่ป่าไม่เป็นอะไรใช่ไหม บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ทำไมไปนานนักล่ะคะนิวใจคอไม่ดีเลย” ผละห่างแล้วสำรวจตามร่างกาย เกรงว่าอีกฝ่ายจะมีบาดแผลหลังไปตามจับโจรคนเดียว แต่เมื่อไม่เห็นร่องรอยได้รับบาดเจ็บก็ค่อยโล่งใจ
“พี่ไปจัดการให้ปากความที่สถานีตำรวจด้วยเลยนาน นิวไม่เป็นไรนะ”
“ไม่ค่ะ แค่ตกใจ...” ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ แต่ร่างกายกลับทรุดลงพื้นจนเขาต้องรีบรับเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“นิว!”
“ฮือ พี่ป่า ตอนนั้น ตอนที่เขาขู่นิว..กลัวไปหมดเลย นิวคิดว่าจะไม่ได้เจอพี่ป่าแล้วซะอีก พี่ป่า ฮือ” อุ้มเธอด้วยท่าเจ้าสาวแล้วเดินไปยังโซฟาเล็ก วางหล่อนเอาไว้ด้วยความอ่อนโยน ค่อยหยิบกระดาษมาพับแล้วพัดตรงหน้า
เธอเองก็คงตกใจกับเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวน ไม่รู้จะเป็นแผลใจหรือเปล่า ใบหน้าคมค่อนข้างเป็นกังวลขณะที่จับมือเล็กไว้แน่นเพื่อให้กำลังใจ
“พี่อยู่นี่แล้ว พี่อยู่นี่แล้วนะ ไม่ต้องกลัว พี่ตรงนี้..” ลูบหลังมือหล่อนแล้วขยับเข้าไปใกล้อีกเพื่อให้หญิงสาววางใจ
“พี่ป่าห้ามไปไหนนะ อยู่เป็นเพื่อนนิวก่อน” เบะปากเหมือนเด็ก อยากเข้าไปกอดเขาแต่กลัวไม่เหมาะสมเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่กล้าเรียกเขาว่าพี่ต่อหน้าก็นับว่าเก่งแล้ว
“ไม่ไป พี่ไม่ไปไหน...จะอยู่เป็นเพื่อนนิว” ทว่าพงพนากลับหยัดกายลุกแล้วค่อยโน้มตัวมากอดร่างบางเอาไว้ สร้างความตกใจแก่นิรดาเป็นอย่างมาก พร้อมพึมพำเสียงหนักแน่นให้หล่อนหายกังวล แล้วรู้สึกเคอะเขินแทน
ดูท่าแล้ว...อีกไม่นานเราคงตกล่องปล่องชิ้นกันแน่