๑ เธอเรียกมันว่าพรหมลิขิต (๑)
๑
เธอเรียกมันว่าพรหมลิขิต
ร้านเล็กที่อยู่ในตรอกของซอยถูกซ่อนเอาไว้จนแทบร้างผู้คน กระนั้นหญิงสาวร่างผอมบางก็กำลังขะมักเขม้นในการร่างแบบลงกระดาษอยู่ในร้าน ซึ่งถูกตกแต่งด้วยโทนสีสันน่ารักตามความชอบของหล่อนที่ออกแบบกับเพื่อนสนิท
ผนังถูกทาด้วยสีขาวสลับเหลืองและม่วง มันดูไม่เข้ากันสักนิดในตอนแรกที่มอง แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ ก็เริ่มชินเสียแล้ว หน้าร้านติดป้ายด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ ‘Bestie’ เป็นศัพท์แสลงทางฝั่งอเมริกาที่แปลว่าเพื่อนรัก
นิรดาเลือกทำร้านจิวเวลรี่ตีตลาดคนชนชั้นกลางและกลุ่มนักศึกษา เป็นหุ้นส่วนกับเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่ชั้นประถมปลายจนจบมหาวิทยาลัย เรียนที่เดียวกันมาตลอด เลือกเข้ามหาวิทยาลัยและสาขาวิชาเหมือนกัน ตัวติดยิ่งกว่าปาท่องโก๋ ยกเว้นตอนที่หล่อนมีแฟน
เพียงแค่เปิดประตูเข้ามาก็จะพบตู้กระจกโชว์วางเรียงกันเป็นรูปตัวแอล สามารถเลือกเครื่องประดับอย่างแหวนและสร้อยได้ตามใจชอบ ทั้งยังมีกระจกส่องเพื่อให้เช็คความสวยงามว่าชอบหรือไม่
นอกจากนั้นหล่อนยังรับออกแบบแหวน สามารถนำเพชรพลอยมาขึ้นตัวเรือน หรือจะทำความสะอาดแหวนเก่าก็ย่อมได้อยู่แล้ว
“สวัสดีครับ” หล่อนนั่งร่างแบบที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่มุมซ้ายของร้าน ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาพร้อมการปรากฏกายของชายหนุ่มที่คุ้นหน้าจนต้องขมวดคิ้ว รีบลุกจากเก้าอี้ด้วยความเร็วราวติดสปริง พลางเดินเข้ามาใกล้ร่างหนา โดยมีโต๊ะกระจกกั้นเอาไว้
ตั้งแต่ช่วงเช้าก็ยังไม่มีลูกค้าเข้าร้าน ส่วนมากจะเป็นช่วงเย็นที่เด็กนักเรียนและนักศึกษาเลิกซะมากกว่า ส่วนวัยทำงานนิยมสั่งทำแหวนผ่านทางโซเชียล แหวนที่ทำสำเร็จรูปมีไม่มากนัก ตอนนี้ก็รอให้คนมาจับจองหมดค่อยเริ่มทำใหม่อีกครั้ง
อาชีพนี้ถึงจะไม่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ทำให้เธอสามารถยื่นเรื่องกู้เงินธนาคารเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมได้ แยกออกมาอยู่ตัวคนเดียวสักทีหลังจากอยู่บ้านกับบิดามารดามาหลายปี โดยที่ท่านแทบจะไม่เห็นลูกคนเล็กในสายตาเลย
ทุกอย่างมุ่งไปยังพี่สาวที่เป็นดาราดัง...นรินทิพย์ เลิศลาภยศ
พี่สาวผู้ออกเรือนไปกับลูกชายมหาเศรษฐีอันดับต้นของเมืองไทย มีบริษัทสตาร์ทอัพเป็นของตัวเอง หน้าตาหล่อเหลา คบกันมาเกือบสามปีแล้วเข้าพิธีวิวาห์แสนชื่นมื่น มีคนอวยพรมากมายหวังว่ารักจะยืนยาว
และมันก็เป็นอย่างนั้น...พี่สาวหล่อนใช้ชีวิตราวเจ้าหญิง ส่งเงินให้พ่อแม่ใช้จนท่านเอ่ยชมไม่ขาดปาก ต่างจากลูกสาวคนเล็กที่หาเงินได้เพียงหยิบมือ
“สวัสดีค่ะ ต้องการแหวนหรือสร้อยคะ” หล่อนต้องตั้งสติเมื่อพบลูกค้าที่หล่อเหลาจนตนเองยังมองด้วยความตกตะลึง จำได้ทันทีว่าเขาเป็นใครแต่พยายามเก็บอาการเอาไว้ไม่ให้แสดงออกจนอีกฝ่ายรู้ความในใจ
เลือกจะยืนตรงหน้าพลางฉีกยิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหลือบมองกระจกว่าตอนนี้ดูดีหรือเปล่า โชคดีที่เลือกสวมเดรสสีขาวกับถักผมเปียสองข้าง แต่งหน้าอ่อนทาปากสีชมพูกลีบซากุระ มองอย่างไรก็สวยหวานน่าทะนุถนอม
เขาต้องแอบชื่นชมเธอตั้งแต่พบหน้าบ้างล่ะ...
“ไม่ทราบว่ารับออกแบบแหวนหรือเปล่าครับ” แต่เหมือนชายหนุ่มจะเข้าเรื่องทันที แววตาของเขาก็ว่างเปล่ายามมอง เล่นเอาร่างบางถึงกับลอบถอนหายใจ...เธอไม่มีเสน่ห์จนถูกเขาเมินเหรอ
“รับค่ะ แต่อาจจะต้องรอหน่อยเพราะคิวสัปดาห์นี้เต็มแล้ว” ตอบกลับวาจาฉะฉาน เธอแสร้งทำเหมือนไม่รู้จักเขา ทั้งที่ความจริงปลาบปลื้มมานาน
คนตรงหน้าคือพงพนา พิศาลสกุล หรือพี่ป่าที่เคยเป็นนักแสดงอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ไม่นานเขาก็ออกจากวงการแล้วไม่ได้ข่าวคราวอีกเลย อาจเพราะชายหนุ่มเป็นเพียงพระรองที่ไม่ค่อยเด่นดังเท่าไหร่ จึงไม่มีข่าวให้ติดตาม
อยากรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรที่ไหนก็ไม่รู้จะหาที่ใด ตอนเป็นนักแสดงเขาก็ไม่มีช่องทางการติดตามมากเท่าไหร่นัก หล่อนซึมเป็นเดือนค่อยหาอะไรทำคลายความคิดถึงศิลปินคนโปรดบ้าง
พงพนาเล่นภาพยนตร์หนึ่งเรื่องและละครอีกหนึ่งเรื่อง...ซึ่งหล่อนดูวนซ้ำจนจำบทพูดเขาได้หมดแล้ว
“ผมไม่รีบครับ ผมมีพลอยมาให้...รบกวนออกแบบตัวแหวนได้หรือเปล่า” จ้องหน้าเขาไม่วางสายตา ผ่านไปไม่กี่ปีแต่อีกฝ่ายดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมเสียอีก
ดวงตาคมที่ได้สบ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบ...ทุกอย่างล้วนแต่ทำให้หล่อนนึกถึงวันวานที่คิดอยากใช้เส้นพี่สาวไปหาเขาถึงกองละคร ทว่าไม่กล้าแม้กระทั่งจะเอ่ยปากขอด้วยซ้ำ เขินเขามากเพราะตนเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูคลั่งไคล้ดารา
ไม่รู้เขาจะรังเกียจหรือเปล่า...
“ต้องการให้ทำเป็นแหวนแบบไหนคะ ไม่ทราบว่าพอจะมีตัวอย่างแหวนที่อยากได้หรือเปล่า” ถามเป็นการเป็นงานแววตาเปล่งประกายพราวระยับจนคนตรงข้ามสังเกตได้ว่าหล่อนอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความสุข
“ไม่มีครับ”
“พอจะทราบไหมคะว่าเขาชอบแหวนแบบไหน หรือคุณจะใช้เนื่องในโอกาสอะไร ทางเราจะได้ออกแบบตรงตามการใช้งาน” ประสานมือที่หน้าขาเพื่อเตือนตัวเองไม่ให้กระโตกกระตาก หล่อนพยายามจะทำงานในส่วนของตน แต่เพราะลูกค้าเป็นศิลปินที่ชอบมาตลอดถึงเขาหายหน้าไปก็ยังดูผลงานเก่า
พอได้มาเจอหน้า เห็นเขาตัวจริงก็เก็บอาการเอาไว้แทบไม่ไหว...
และการที่เขามาสั่งแหวนให้ผู้หญิง หรือบางทีอีกฝ่ายกำลังจะแต่งงาน เพียงแค่คิดใบหน้าหวานก็หม่นลง
“ผมจะทำแหวนเป็นของขวัญให้น้องสาวครับ ส่วนเรื่องการออกแบบ...ผมคิดว่าเขาน่าจะชอบความเรียบง่าย” พงพนาตอบอย่างรวดเร็วว่าแหวนที่มาทำเพื่อน้องสาว สร้างรอยยิ้มให้คนตรงข้ามอีกครั้ง
“อ้อ...น้องสาวชอบความเรียบง่าย ถ้าอย่างนั้นลองเลือกแบบดูนะคะว่าชอบแนวไหน พอจะมีรูปของน้องสาวหรือเปล่าคะ” ไม่ปกปิดความดีใจของตัวเองเลยสักนิด ค่อยพรูลมหายใจเสียงเบาอย่างโล่งอกที่เขาไม่ได้มอบแหวนให้หญิงใด
และที่นิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่ายก็ว่างเปล่า ไม่มีการจับจอง...ค่อยยังชั่วหน่อย
“ครับ”
“ฉันไม่ได้อยากละลาบละล้วงนะคะ แต่ถ้าเห็นรูปน้องสาวจะได้ออกแบบแหวนเพื่อให้เข้ากับเขามากที่สุดน่ะค่ะ” ออกตัวทันทีตามหน้าที่ เธออยากเห็นรูปของคนที่ตนต้องออกแบบแหวนให้ เพื่อจะได้ทำถูกว่าแบบไหนถึงจะเหมาะ
“ครับ...นี่ครับน้องสาวผม” เปิดรูปน้องสาวให้เธอดูทันที หล่อนพยักหน้าแล้วเริ่มร่างแบบในหัวว่าผู้หญิงในรูปเหมาะกับแหวนแบบใด
“อ้อ ยังไงรบกวนแอดไลน์ทางร้านเพื่อใช้ในการติดต่อได้ไหมคะ หรือถ้าไม่สะดวกจะเป็นทางเบอร์โทร..” หยิบคิวอาร์โค้ดเพื่อเพิ่มเพื่อนของไลน์ออฟฟิเชียลให้เขา ชายหนุ่มแสกนทันทีโดยไม่ทักท้วงแต่อย่างใด
“ได้ครับ”
“นี่พลอยครับ...กี่วันถึงจะได้เหรอครับ” นำพลอยสีชมพูที่ผ่านการเจียระไนให้เธอ ซึ่งหญิงสาวก็รับมาทันที
“สัปดาห์หน้าค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะอาจช้า..”
“ไม่เป็นไรครับ ผมถามเผื่อไว้ ความจริงก็ไม่รีบหรอก วันเกิดเขาเดือนหน้า” ตอบพลางยกยิ้มมุมปากทรงเสน่ห์ เล่นเอาใจของนิรดาเต้นระส่ำแล้วพยายามจำเม้มปากไว้ไม่ให้เผลอยิ้มตามเขา อย่าแสดงออกมากเกินงาม
ถึงจะชอบอีกฝ่ายเท่าไหร่ก็ตาม...ไว้หน้าตัวเองบ้างสินินิว
“ค่ะ”
“รบกวนด้วยนะครับ” เขาค้อมศีรษะแล้วยิ้มให้หล่อนเป็นการปิดท้าย นิรดาแทบทรงตัวไม่ไหวจนต้องจับขอบโต๊ะกระจกเอาไว้
“ยินดีค่ะ” มองร่างสูงเดินออกจากร้านไปจนลับสายตา จากนั้นก็ยกมือขึ้นปิดปากพลางส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ
“ฮือ หล่อมากๆ หล่อจังเลย ตายๆๆ ฉันยังหายใจอยู่หรือเปล่า เมื่อกี้ขึ้นไปเที่ยวบนสวรรค์ใช่ไหม เจอกับเทพบุตรสุดหล่อ...” จับตามลำตัวของตนเองแล้วเพ้อพกพลางทำตาลอย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอกันด้วยซ้ำ