ตอนที่ 4
หลังจากมาถึงบ้าน คีตยาก็ได้รับคำสั่งจากย่าเพ็ญให้จัดห้องหับให้กับผู้ชายปากร้ายอย่างอัครา หล่อนไม่อยากอยู่ใกล้ชิดกับเขาเลย แต่ก็ไม่มีทางเลี่ยง
ร่างบอบบางของคีตยาเดินมาหยุดที่หน้าห้องรับแขกห้องหนึ่ง มือเล็กดันบานประตูไม้ให้เปิดกว้างออก ก่อนที่หล่อนจะเอี้ยวตัวไปมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่สูงกว่าหล่อนมากมาย ศีรษะของหล่อนแตะแค่บริเวณบ่ากว้างของเขาเท่านั้นเอง
นี่หล่อนเกิดมาเตี้ยเกินไป หรือว่าเพราะเขามีเชื้อยีราฟอยู่ในสายเลือดกันนะ
“หน้าฉันเหมือนพระเอกหนังที่เธอชอบหรือไง จ้องอยู่ได้”
คีตยาได้สติจากคำพูดเหน็บแนมของเขา ทำให้หล่อนต้องรีบละสายตาจากใบหน้าหล่อจัดของเขาอย่างรวดเร็ว และละล่ำละลักพูดขึ้น
“ฉัน... ก็แค่จะเชิญคุณเข้าห้องน่ะค่ะ”
หล่อนเสหลบสายตาของเขา ก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้องกว้างนั้นก่อน มือเล็กแตะลงบนสวิตซ์ไฟจนห้องสว่างไสวขึ้น
“ขาดเหลืออะไรก็บอกนะคะ ฉันขอตัวค่ะ”
เพราะไม่ต้องการเผชิญหน้ากับผู้ชายที่มองหล่อนเลวร้ายจึงจะรีบปลีกตัวจากไป แต่แขนเรียวก็ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน
“ยังไปไม่ได้”
หล่อนตกใจหันไปมองเจ้าของมือกระด้าง ก่อนจะเม้มปากแน่น
“กรุณาปล่อยแขนฉันเถอะค่ะ”
หล่อนเห็นเขายิ้มหยัน ไหวไหล่อย่างไม่แยแส ก่อนจะปล่อยมือจากแขนเรียวของหล่อน
คีตยารีบถอยออกห่าง และเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักจนน่าอับอาย
“คุณ... ต้องการอะไรเพิ่มเหรอคะ”
เขายิ้มหยัน นัยน์ตากระด้างและลึกลับน่าหวาดกลัว
คีตยาตัวสั่นเทา และก็พยายามที่จะหนีไปจากการเผชิญหน้ากับเขาให้เร็วที่สุด
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ อุ๊ย...”
คราวนี้เขาไม่ได้ทำแค่จับแขนของหล่อนเท่านั้น แต่เขากลับกระชากแขนเรียวแรงๆ จนหล่อนเสียหลักเซถลาเข้าไปในอ้อมแขนกำยำของเขาเลยทีเดียว
คีตยาหน้าตาตื่นตระหนก แก้มนวลทั้งซีดและแดงสลับกัน
“ปล่อย... ปล่อยนะคะ”
แทนที่เขาจะปล่อย กลับยิ้มเยาะ และมองหล่อนด้วยสายตาดูแคลน
“ฉันไม่เคยนอนคนเดียว”
“คุณ... หมายความว่ายังไงคะ”
หล่อนที่ดิ้นรนอยู่หยุดเคลื่อนไหวทันที และมองเขาอย่างตื่นตกใจ
“ฉันก็หมายความว่า ฉันจะต้องมีเซ็กซ์ทุกคืน”
หล่อนหน้าร้อนจัด และก็แดงก่ำจนแทบจะเป็นญาติโกโหติกากับมะเขือเทศสุกอยู่แล้ว
“มันก็เรื่อง... ของคุณนี่คะ มาบอกฉันทำไม”
ทำไมเขาจะต้องทำให้หัวใจของหล่อนเต้นโครมครามแบบนี้นะ
“ก็เธอบอกเองไม่ใช่หรือ...”
เขายิ้มหยัน แต่ทำไมนะ ทำไมหล่อนยังมองเขามีเสน่ห์มากมายเช่นเดิม นี่หล่อนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
“ว่าหากขาดเหลืออะไรให้บอกเธอ”
มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ แต่... มันต้องไม่ใช่เรื่องอย่างว่าสิ
“ก็ใช่ค่ะ แต่เรื่องนี้...”
หล่อนละล่ำละลักตะกุกตะกักจนน่าเวทนาอย่างที่สุด
“ฉัน... คงช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก”
หล่อนกัดฟันพูดจนจบประโยค
“ขอ... ตัวนะคะ”
หล่อนพยายามดิ้นรนอีกครั้ง แต่เขาไม่ยอมปล่อยเช่นเดิม และก็รวบร่างของหล่อนแน่นขึ้น แน่นจนหล่อนสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งกำยำของเรือนกายบุรุษเพศที่แตกต่างจากเรือนร่างนุ่มนิ่มของอิสตรีอย่างสิ้นเชิง
ความรู้สึกบางอย่างภายในกายตื่นเร้าขึ้นมา หล่อนไม่อาจจะตอบได้อย่างชัดเจนว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร แต่... แต่หล่อนรู้สึกร้อน... ไม่สิ... ไม่ได้ร้อน แต่มันปั่นป่วนมากกว่า โอ๊ย... นี่หล่อนกำลังเป็นบ้าอะไรไปนะ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงทำให้หล่อนสับสนไปทั้งจิตวิญญาณแบบนี้
“ได้โปรดปล่อยฉันเถอะค่ะ”
หล่อนกัดฟันพูดขอร้องอีกครั้ง และหวังว่าเขาจะฟังภาษาคนรู้เรื่อง แต่เขาก็ยังคงกอดแน่นเหมือนเดิม และที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือการก้มลงมากระซิบถ้อยคำร้ายกาจที่ข้างหูของหล่อน
“ต้องการเท่าไหร่ล่ะ สำหรับคืนนี้”
หล่อนช็อก เบิกตากว้าง เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากของอัครา ผู้ชายที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตรลงมาจุติ
“คุณพูดบ้าอะไรคะเนี่ย”
หล่อนโกรธจัด ช้อนตามองเขาอย่างขุ่นเคือง นี่เขามีสิทธิ์อะไรมาพูดจาหยาบคายแบบนี้กับหล่อน หล่อนโมโหจนน้ำตาซึม