บทที่ 9
พอมาถึงบ้านพัก นีนนาราก็วิ่งตัวปลิวเข้าไปในบ้านหยิบโทรศัพท์มือถือมาแล้วกดโทรไปหาคุณย่าด้วยความตื่นเต้น พอคุณย่านวลพรรณรับสาย เธอก็รีบกรอกเสียงลงไปโดยเร็ว
“สวัสดีค่ะ คุณย่า นาราเองค่ะ”
นาราเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวม มีเรื่องตื่นเต้นที่จะเอ่ยบอกคุณย่ามากมายหลายเรื่อง
คุณหญิงนวลพรรณกำลังนั่งรับประทานมื้อค่ำกับคุณหญิงขวัญฤทัยและพลโทธิติอยู่ในร้านอาหารหรูถึงกับหัวเราะเบาๆ ตอนที่ได้ยินเสียงหวานๆ ของหลานสาว
“ว่าไงจ๊ะนารา สบายดีหรือเปล่าลูก”
คุณหญิงนวลพรรณเอ่ยถามยิ้มๆ ทั้งคุณหญิงขวัญฤทัยกับพลโทธิติ ต่างก็นั่งตัวตรงหมดความสนใจอาหารทันทีเมื่อได้ยินชื่อนาราออกมาจากปากคุณหญิงนวลพรรณ
“สบายดีค่ะ คุณย่าคะ คุณย่ารู้หรือเปล่าว่าพี่รุตจะมาประจำการอยู่ที่โคกสำราญ”
“รู้จ้ะ เพราะว่าย่ากับคุณพ่อคุณแม่พี่รุตเป็นคนส่งเขาไปเอง” คุณหญิงนวลพรรณเอ่ยบอกหลานสาวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
นีนนาราได้ยินคำตอบจากคุณย่าถึงกับขมวดคิ้วสงสัย ร่างบางระหงเดินไปเปิดหน้าต่างภายในบ้านเพื่อให้ระบายอากาศ
“ยังไงคะ นาราไม่เข้าใจ”
นาราเอ่ยถามด้วยความสงสัยยืนหันหลังพิงหน้าต่างเลยไม่ได้เห็นคนที่กล่าวถึง กำลังยืนจ้องมองเขม็งมาจากบ้านพักอีกหลังที่อยู่ติดกัน
“ย่าต้องขอโทษหนูด้วยนะ ย่าให้เด็กๆ ไปทำความสะอาดห้องหนู พอดีสมุดบันทึกของหนูตกมาจากตู้เสื้อผ้า ย่าก็เลยเสียมารยาทเปิดอ่าน ทำให้ย่าได้รู้ว่าหนูแอบหลงรักตารุตมานานแล้ว สมัยที่นาราเรียนมหา’ลัย ย่าไม่เคยเห็นหนูรักใครเลยหรือไม่เคยแม้แต่จะพาเพื่อนๆ ผู้ชายมาให้ย่าหรือคุณพ่อคุณแม่รู้จัก พอหนูเรียนจบก็หนีไปอยู่ที่โคกสำราญ ตอนแรกๆ ย่านึกว่าหนูคงจะเบื่อเมืองกรุง อยากจะไปสัมผัสชีวิตแบบชาวบ้านดูบ้าง แต่พอย่าได้อ่านบันทึกของหนูย่าจึงรู้ความจริงทั้งหมด ย่าไม่นึกเลยว่าเวลาผ่านไปนานเกือบจะ 6 ปีแล้ว แต่หนูยังมีใจยึดมั่นอยู่ที่ตารุตคนเดียว”
คุณหญิงนวลพรรณเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพลางยิ้มให้คุณหญิงขวัญฤทัยกับท่านนายพลที่กำลังตั้งใจฟัง
“แต่คุณย่าคะ พี่รุตเขาไม่ได้รักนารานะคะ นาราแอบหลงรักเขาคนเดียวมาตลอด” นาราเอ่ยเสียงเครือน้ำตารื้นขอบตาก่อนจะหยดลงมาเป็นทางยาว
“ย่าเชื่อว่าตารุตก็รักหนูเหมือนกัน”
คุณหญิงนวลพรรณเอ่ยยิ้มๆ พูดปลอบหลานสาวเพราะท่านได้เห็นหลักฐานจากคุณหญิงขวัญฤทัยซึ่งเอามาให้ดูก่อนที่จะช่วยกันวางแผนให้ลูกหลานได้สมปรารถนาในความรัก
“เขาไม่ได้รักนาราหรอกคะ มาถึงโคกสำราญเขาก็จับนาราหวดก้นเหมือนนาราเป็นเด็กๆ แต่นาราไม่เจ็บทำกับน้ำคำที่พี่รุตเอ่ยต่อว่าถากถางนาราหรอกค่ะ”
นาราสะอื้นออกมาเบาๆ เมื่อนึกถึงคำพูดเชือดเฉือนจิตใจที่ออกมาจากปากของปวรุตม์
“นาราใจเย็นนะลูก เชื่อย่าสิ ย่าดูตารุตไม่ผิดหรอก ย่าฝากสมุดบันทึกของหนูไปกับตารุตด้วยนะ”
“คุณย่าคะ ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่พี่รุตรู้ว่านาราแอบรักพี่รุตแบบนี้ท่านทั้ง2 ไม่เกลียดนาราแย่หรือคะ”
นาราเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล คุณหญิงนวลพรรณหัวเราะเบาๆ กระซิบบอกคุณหญิงขวัญฤทัยว่านาราถามว่าอะไร ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้คุณหญิงขวัญฤทัยตอบแทน
“นาราจ๊ะ นี่ป้าเองนะ ป้ากับคุณลุงรักและก็เอ็นดูหนู ไม่เคยนึกรังเกียจเลย ป้าอยากให้หนูมาเป็นลูกสะใภ้ป้า เราจะคอยช่วยเหลือหนูเต็มที่” คุณหญิงขวัญฤทัยยิ้มบางๆ ขณะที่พูดและหันไปสบตากับท่านนายพลที่นั่งยิ้มกริ่มด้วยความถูกใจ
นาราตกใจเล็กน้อยตอนที่ได้ยินเสียงของคุณหญิงขวัญฤทัย แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่เอ่ยออกมาด้วยความเอ็นดูและน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรักที่ผู้ใหญ่มีให้ทำให้เธอคลายความกังวลไปได้มาก
“นาราขอบคุณคุณลุงกับคุณป้าที่ให้ความเอ็นดูนารา แต่นาราไม่รู้ว่าพี่รุตจะรักนาราหรือเปล่า แล้วพี่รุตไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปี นาราเกรงว่าพี่รุตคงจะมีคนรักแล้ว”
“ไม่มีหรอกลูก ป้ายืนยันได้ ตารุตเขาบอกป้าว่าเขายังชอบคนไทยเหมือนเดิม หนูเป็นเด็กน่ารักร่าเริงสดใส ใครอยู่ใกล้ก็พลอยมีความสุขไปด้วย ป้าเชื่อว่าอีกไม่นานตารุตก็จะค้นหาหัวใจตัวเองเจอ”
คุณหญิงขวัญฤทัยเอ่ยบอกเป็นนัยๆ ก่อนจะกดวางสายไปไม่ให้นีนนาราได้โต้ตอบอีก
“ทุกคนดูจะมั่นใจเหลือเกินว่าพี่รุตจะรักเรา แต่ทุกคนไม่รู้หรอกว่าพี่รุตไม่มีหัวใจ เขาเคยทำร้ายจิตใจของเด็กสาวตัวเล็กๆ มาครั้งหนึ่งแล้วและตอนนี้เขาก็กำลังจะทำอีก”
นีนนาราร้องไห้ออกมาเบาๆ เอ่ยพึมพำด้วยน้ำตานองหน้านึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเจ็บช้ำจนไม่อาจลืมเลือนซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอต้องหนีมาอยู่โคกสำราญ
‘คฤหาสน์ธิติการณ์กุลถูกประดับตกแต่งด้วยไฟหลากสี สนามหญ้าหน้าบ้านมีการตั้งเวทีขนาดเล็ก มีวงดนตรีร้องขับกล่อมแขกในงานตลอดเวลา เด็กสาวสวยใสในวัยแรกแย้มเดินเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยอาการตื่นเต้น แขกเหรื่อที่มาร่วมงานมีแต่คนใหญ่คนโตในวงการทหารและตำรวจ เพราะวันนี้พลโทธิติกับคุณหญิงขวัญฤทัยจัดงานเลี้ยงฉลองจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจของ ’ปวรุตม์’ ลูกชายคนเดียวของตระกูลธิติการณ์กุล เจ้าของงานเลี้ยงดูหล่อเหลา สง่างามด้วยชุดปกติสีขาวคอยออกมาต้อนรับแขกพร้อมกับคนในครอบครัว
นีนนาราเข้ามาในงานเลี้ยงพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่และคุณย่านวลพรรณ เมื่อเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยงครอบครัวธิติการณ์กุลก็ยกมือไหว้ขอบคุณคุณหญิงนวลพรรณ คุณภาธิปและคุณจารุพา
‘ขอบคุณคุณหญิงป้ามากนะคะ ที่มาร่วมยินดีกับตารุต” คุณหญิงขวัญฤทัยเอ่ยขอบคุณแขก
‘สวมเครื่องแบบแล้วหล่อจริงๆเลยนะรุต’ คุณภาธิปยิ้มตบบ่าหลานชายเบาๆ
‘ขอบคุณครับเชิญข้างในเลยครับ’
ปวรุตม์ยิ้มหน้าบานมองเลยไปสบตากับสาวน้อยที่ยืนอยู่ด้านหลังคุณภาธิปนิดหนึ่งก่อนจะเชิญผู้ใหญ่ทุกท่านเข้าไปในงานเลี้ยง
‘หนูนาราเข้าไปข้างในงานก่อนลูก’ คุณหญิงขวัญฤทัยยิ้มอย่างเอ็นดูสาวน้อยพลางจับมือบางของ
นีนนารามากุมไว้
‘นาราขออยู่แถวๆ นี้ดีกว่าคะ’ นีนนารายิ้มหวานเอ่ยปฏิเสธเสียงเบา
พอทุกคนเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยงแล้วเธอก็เดินเล่นอยู่รอบๆ งานไม่อยากเข้าไปด้านในเพราะมีแต่ผู้ใหญ่ในวงการทั้งนั้น ร่างบางระหงนั่งรับลมเย็นๆ อยู่ตรงศาลากลางน้ำ ดวงตากลมโตคอยจับจ้องอยู่ที่ร่างสูงใหญ่กำยำของนายตำรวจหนุ่ม ไม่ว่าปวรุตม์จะเดินไปยังบริเวณใด ก็จะมีบรรดาสาวๆ ที่เป็นลูกท่านหลานเธอเดินตามแทบจะทุกฝีก้าว
นารากอดกระเป๋าสะพายใบย่อมไว้แน่นรอจังหวะเวลาที่ปวรุตม์อยู่คนเดียว ร่างบางระหงรีบลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นปวรุตม์เดินเข้าไปในตัวบ้านคนเดียว เธอสอยเท้าเร็วๆ เกือบเป็นวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน หันซ้ายหันขวาเมื่อเข้ามาถึงห้องรับแขกแล้วไม่เห็นปวรุตม์ เธอมองไปที่ห้องทำงานของพลโทธิติเมื่อเห็นประตูเปิดแง้มๆ อยู่และมีแสงไฟลอดออกมา มือบางกระชับของที่อยู่ในกระเป๋าสะพายไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกกำลังให้ตัวเองก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูห้องให้คนข้างในรู้ตัวแล้วเปิดประตูห้องเข้าไป
ปวรุตม์เงยหน้าขึ้นตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง คิ้วเข้มหนาเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นนาราทำหน้าตื่นๆ เดินเข้ามาในห้อง
‘มีอะไรหรือเปล่านารา’ ปวรุตม์ยืดตัวตรงเต็มความสูง180 ซ.ม.แล้วยืนพิงโต๊ะทำงานมองเด็กสาวที่กำลังเดินเข้ามาหา
‘นาราขอคุยกับพี่รุตสักครู่ได้มั้ยคะ’
นาราเอ่ยอย่างหวาดๆ เมื่อเจอสายตาคมดุที่มองมาจนทำให้กำลังใจเธอหดหายไปกว่าครึ่ง
‘เรื่องอะไร ถ้าไม่สำคัญเดี๋ยวออกไปคุยนอกห้อง อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้จะดูไม่เหมาะ’ ปวรุตม์เอ่ยไล่ตรงๆ จนเด็กสาวถึงกับหน้าเสีย นายตำรวจหนุ่มกำลังสร้างเกราะเพื่อมาป้องกันตัวเอง พยายามระงับความต้องการที่กำลังปะทุขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางเหมือนกวางกำลังตื่นนายพราน
‘นาราขอเวลาแค่ 5 นาทีคะ’
นาราเอ่ยเสียงแผ่วเบา น้ำตากำลังจะหยดแหมะเมื่อเจอสายตาและน้ำเสียงที่เอ่ยไล่แบบตรงๆ มือบางหยิบของที่ต้องการให้ปวรุตม์ออกมาจากกระเป๋าสะพาย ขวดโหลรูปหัวใจตรงคอขวดผูกด้วยริบบิ้นผ้าสีชมพู ภายในบรรจุหัวใจดวงเล็กๆ หลากสีจำนวน999 ดวงที่เธอตั้งใจพับเป็นเวลาหลายสัปดาห์
‘นาราพับหัวใจมาให้พี่รุตค่ะ’ นาราเอ่ยบอกเสียงสั่นๆ อายหน้าแดงก่ำขณะที่ยื่นของให้ปวรุตม์
‘เอามาให้ทำไม’ ปวรุตม์เอ่ยถามเสียงเย็นชา นัยน์ตาคมดุจ้องมองแน่นิ่งที่ใบหน้างามเนียนของอีกฝ่ายซึ่งกำลังซีดเผือดลงเรื่อยๆ
‘นารารักพี่รุต นาราอยากเอาหัวใจของนารามาให้พี่รุต’ พูดออกไปแล้วก็ต้องกัดริมฝีปากแน่น มือบางที่ถือขวดโหลหัวใจสั่นเทาจนขวดโหลแทบจะหล่นจากมือ
‘นารา! เธอไม่ควรมาบอกรักผู้ชายก่อน’
ปวรุตม์เอ่ยตำหนิ ร่างสูงใหญ่หล่อเหลานิ่งไม่ไหวติง ไม่ยอมรับสิ่งที่เด็กสาวยื่นมาให้ทั้งๆ ที่อยากรับไว้ใจจะขาด
นาราก้มหน้าลงน้ำตารื้นขอบตาริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น เจ็บและอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เธอเงยหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาก่อนจะเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ
‘นารารักพี่รุต ทำไมต้องให้นาราปิดบังความรู้สึกของตัวเองด้วย’ นาราเดินรุกเข้าไปใกล้ร่างสูงใหญ่
‘สิ่งที่เธอพูดมาเขาไม่ได้เรียกว่า ’ความรัก’ มันเป็นแค่ ‘ความหลง’ เป็นสิ่งที่เด็กสาวๆ อย่างพวกเธอกำลังหลงในสิ่งที่มองเห็น’
ปวรุตม์เอ่ยเสียงราบเรียบแต่ในใจเริ่มสั่นคลอนกับเสียงสะอื้นและน้ำตาใสๆ ที่หยดลงเป็นทางยาวไม่ขาดสาย
‘นาราไม่ได้หลง นาราแยกออกระหว่างความรักกับความหลง สิ่งที่นาราพูดไปมันคือความรัก พี่รุตไม่ต้องตอบรับนาราก็ได้ แต่นาราขอแค่ให้พี่รุตรับหัวใจเหล่านี้ไว้ด้วย พี่รุตจะทิ้งมันลงถังขยะก็ได้ แต่นาราขอแค่ให้นาราเดินพ้นจากห้องนี้ก่อนแล้วพี่รุตค่อยทิ้ง’ นาราสะอื้นร้องไห้ เอื้อมมือไปจับมือปวรุตม์แล้ววางขวดโหลรูปหัวใจบนมือหนา
ปวรุตม์สะดุ้งเฮือกตอนที่มือบางนุ่มเนียมเอื้อมมาจับมือเขาไว้ นายตำรวจหนุ่มสะบัดมือออกเมื่อกระแสร้อนๆ แห่งไฟปรารถนาแล่นเข้ามาปะทะทั่วกาย จังหวะที่ปวรุตม์สะบัดมือหนีนาราก็วางขวดโหลบนฝ่ามือใหญ่พอดี
เพล้ง!...
เสียงขวดโหลตกกระทบพื้นแล้วแตกกระจาย หัวใจทั้ง999 ดวงกระเด็นไปทั่วห้องทำงาน นารามองหัวใจที่หล่นอยู่บนพื้นด้วยน้ำตานองหน้าแล้วเงยหน้ามองปวรุตม์ด้วยสายตาเจ็บช้ำ
‘พี่รุตปฏิเสธนาราดีๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้’ นาราเอ่ยตัดพ้อเสียงปนสะอื้นขณะที่มองปวรุตม์ น้ำตาอุ่นๆ ไหลลงเป็นทางยาว
นัยน์ตาคมดุมองร่างบางระหงที่กำลังก้มลงเก็บหัวใจทีละดวงแล้วหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กับเด็กสาว
‘ไม่ต้องเก็บ’ ปวรุตม์ตวาดเสียงดังจนนาราสะดุ้งตกใจ ชะงักมือที่กำลังเก็บหัวใจและเศษแก้ว
‘หน่อย! หน่อย!’
ปวรุตม์ตะโกนเรียกเด็กรับใช้เสียงดังลั่นห้อง
เด็กหน่อยเปิดประตูห้องทำงาน แล้วเดินเข้ามาอย่างหวาดๆ เมื่อเห็นใบหน้าถมึงทึงของเจ้านาย
‘เก็บของพวกนี้ไปทิ้งให้หมด’ ปวรุตม์ตวาดสั่งเสียงดัง พยายามไม่สนใจร่างบางที่ก้มหน้าสะอื้นร้องไห้
เด็กหน่อยยังละล้าละลังไม่กล้าทำตามคำสั่งของเจ้านาย มองเห็นคุณนีนนาราสะอื้นร้องไห้แล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้
‘บอกให้เก็บของพวกนี้ไปทิ้ง!’
คราวนี้ปวรุตม์ตวาดเสียงดังกว่าเดิมจนเด็กหน่อยและนาราสะดุ้งตกใจ
นีนนาราสะอื้นร้องไห้จนตัวโยนเมื่อได้ยินคำสั่งของปวรุตม์มือบางกำเศษแก้วไว้แน่นไม่นำพาความเจ็บแปลบและเลือดอุ่นๆ ที่กำลังหยดลงจากฝ่ามือ เธอฝืนร่างกายค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ริมฝีปากบางขบเข้าหากันแน่น นัยน์ตาคู่สวยกลมโตจ้องมองปวรุตม์ด้วยสายตาเจ็บช้ำตัดพ้อต่อว่า
‘พี่รุตเป็นผู้ชายที่ใจร้ายที่สุด นาราเกลียดพี่รุต’ นาราตะโกนต่อว่าปวรุตม์ทั้งน้ำตาแล้ววิ่งหนีออกไปจากห้องทำงาน
ปวรุตม์มองตามร่างบางระหงที่วิ่งออกไปแล้วหลับตาลงใบหน้าเจ็บปวดรวดร้าวพอๆ กับเด็กสาว
‘หน่อยออกไปได้แล้ว’ ปวรุตม์เอ่ยสั่งเด็กรับใช้
‘แต่หน่อยเก็บยังไม่หมดเลยค่ะ’ เด็กรับใช้เอ่ยปฏิเสธเสียงเบา
‘บอกให้ออกไป!’
ปวรุตม์ตวาดเสียงดังลั่นจนเด็กหน่อยต้องรีบลนลานวิ่งออกไปจากห้องอีกคน
ปวรุตม์มองหัวใจดวงเล็กๆ ที่ตกกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง ใบหน้าหล่อเหลาต้องซีดเผือดลงทันทีเมื่อเห็นคราบเลือดหยดเป็นทาง นายตำรวจหนุ่มก้มลงเก็บหัวใจทีละดวงมาวางไว้บนโต๊ะทำงานจนครบทั้ง999 ดวง นัยน์ตาคมแดงก่ำมองหัวใจหลากหลายสีที่วางกองรวมกันอยู่
‘พี่รุตขอโทษ นารายังเด็กอยู่ เอาไว้ให้โตกว่านี้นาราจะเข้าใจทุกอย่างเอง’ ปวรุตม์เอ่ยพึมพำกับกองหัวใจหลากสี
นีนนารานั่งร้องไห้อยู่ที่ศาลากลางน้ำคนเดียวด้วยความเสียใจ
‘น่าอายนัก! นอกจากจะถูกปฏิเสธความรักแล้วยังถูกต่อว่าด้วยน้ำคำที่เชือดเฉือนหัวใจจนเกิดบาดแผล’
หญิงสาวยกมือปาดน้ำตาให้เหือดแห้งแล้วเดินไปหาบิดาซึ่งกำลังคุยกับเพื่อนๆ ในวงการอย่างออกรส
‘คุณพ่อคะ นาราปวดหัวอยากกลับบ้านก่อนค่ะ’
นาราเอ่ยเสียงแผ่วเบาก้มหน้าลงไม่อยากให้บิดาเห็นดวงตาที่แดงก่ำและบวมจากการร้องไห้
‘ปวดหัวมากมั้ยลูก’
คุณภาธิปเอามือมาอังหน้าผากลูกสาวดูว่ามีอาการไข้ด้วยหรือเปล่า
‘นาราไปรอที่รถนะคะ’
นาราส่ายหน้าปฏิเสธก้มหน้าลงน้ำตาทำท่าจะหยดแหมะอีกครั้ง เธอเอ่ยบอกแล้วรีบสาวเท้ายาวๆ เดินหนีไปก่อนที่บิดาจะเห็นน้ำตาที่เริ่มไหลลงมาอีกครั้ง ก่อนเดินไปถึงรถ เธอหันไปมองที่ตัวบ้านเห็นปวรุตม์กำลังเดินออกมาและยิ้มทักทายสาวๆ ที่กำลังเดินล้อมหน้าล้อมหลัง
‘พี่รุตคงจะรักสาวๆ ที่สวยเฉิดฉายเหมือนบรรดาผู้หญิงเหล่านั้น ไหนเลยจะมาสนใจเด็กกะโปโลอย่างเรา’
นาราเม้มริมฝีปากจนห้อเลือดมองปวรุตม์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพาร่างที่บอบช้ำเดินโซซัดโซเซไปที่รถ
หลังจากงานเลี้ยงในคืนนั้นเธอไม่เคยไปบ้านของปวรุตม์อีกเลย แต่ความรักที่มีให้ปวรุตม์ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไป กลับเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ถึงแม้จะไม่ได้ไปที่บ้านของปวรุตม์ แต่เธอก็คอยติดตามข่าวคราวของนายตำรวจหนุ่มตลอดเวลา
ทุกคราที่ปวรุตม์ได้เลื่อนยศ ตรงกรอบไฮโซของหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับก็จะมีการลงข่าวของนายตำรวจหนุ่มรูปหล่อไฮโซซึ่งเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งประเทศ เธอจะตัดรูปของปวรุตม์มาแปะติดไว้ในสมุดบันทึกพร้อมกับเขียนบรรยายความรู้สึกต่างๆ ลงไปด้วย
เมื่อปวรุตม์ลาราชการไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เธอก็แอบไปส่งเหมือนกัน ปวรุตม์ไปต่างประเทศได้แค่ครึ่งปี เพื่อนๆ เธอที่อยู่รัฐเดียวกันกับปวรุตม์ก็ส่งข่าวมาบอกว่าปวรุตม์มีคนรักแล้วเป็นชาว
ต่างชาติ ทั้ง2 คนรักกันมากและควงกันให้ชาวไทยที่อยู่ในรัฐนั้นเห็นบ่อยๆ ข่าวที่ได้รับมาเป็นข่าวร้ายที่สุด
เมื่อเรียนจบแล้วเธอก็ตัดสินใจมารักษาแผลหัวใจที่โคกสำราญ ปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้เรื่องของปวรุตม์อีกต่อไป แต่เหมือนกามเทพจะเล่นกลกับเธอ อุตส่าห์หนีมาไกลถึงโคกสำราญ แต่ปวรุตม์ก็ยังตามมาทำร้ายเธอไม่เลิก ต่อไปนี้นาราคนเดิมจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เธอจะเป็นฝ่ายล่า...เป็นฝ่ายที่ทำให้ปวรุตม์เสียใจบ้าง ถ้าหากเป็นจริงดังที่คุณแม่ของปวรุตม์พูด นาราคนนี้จะทำให้คนอย่างสารวัตรปวรุตม์หลงรักให้ได้