บทที่ 2
สารวัตรปวรุตม์เห็นน้องเขยตัวแสบทำหน้าจ๋อยก็หัวเราะขบขำพลางเติมฟืนเข้าไปในกองไฟอีกรอบ
“ไอ้สารวัตรพัน...เจอเสียงดุๆ แค่นี้ก็ทำหน้าจ๋อยงอเป็นลูกแมว แบบนี้สมัครเข้าชมรมคนกลัวเมียได้เลยมึง”
สารวัตรพันธวุธลุกเป็นไฟถลึงตามองอีกฝ่ายจนแทบถลนเบ้าตาพร้อมกับทำเสียงเยาะในลำคอ “ฮึ! ทำเป็นว่าคนอื่นไปเถอะ ถึงคราวตัวเองเมื่อไหร่จะรู้สึก! ผมจะคอยดูเสืออย่างคุณรุตงอเป็นแมว ถึงตอนนั้นจะหัวเราะเยาะให้เสียงดังกว่าคุณรุตอีก”
“อีกนานวะไอ้พัน เจ้าสาวกูยังไม่เกิดเลย” สารวัตรปวรุตม์หัวเราะร่วนด้วยความขบขำ
“ตกลงทะเลาะกันเรื่องอะไรคะ” ขวัญชนกอดรนทนไม่ไหวจึงต้องเอ่ยถามอีกรอบ
“ก็ไอ้สารวัตรพันมันเสือกบอกว่ามันเก่งกว่าพี่ พูดมาได้ไงว่าจับคนร้ายได้เป็นร้อย ฮึ!...ทำเป็นอวดเก่ง กูก็จับได้เป็นร้อยเหมือนกันวะ”
ท้ายประโยคสารวัตรปวรุตม์หันไปถลึงตาและพูดโอ้อวดน้องเขย
“98 คน ยังไม่ครบร้อย” พันธวุธบอกจำนวนที่แน่ชัดไม่ยอมพี่ภรรยาง่ายๆ
“เออ...ก็เกือบๆ ร้อยนั่นแหละวะ” ปวรุตม์เถียงหน้าดำหน้าแดงไปหมดแบบข้างๆ คูๆ
ขวัญชนกนั่งฟังแล้วก็ปวดหัวส่ายหน้าอย่างระอา2 สิงห์ที่ห้ำหั่นกันไม่เลิก “เฮ้อ...เรื่องขี้หมูรา ขี้หมาแห้งแท้ๆ”
“เหม็นขี้หน้าไอ้สารวัตรขี้อวด” ปวรุตม์ตวาดน้องเขยเสียงดัง
“เหมือนกัน เหม็นขี้หน้าไอ้สารวัตรขี้โม้”
พันธวุธตอกกลับทันควัน สายตาทั้งคู่จ้องมองกันเขม็งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ต่างก็ไม่ยอมหลบสายตากัน
“เหม็นขี้หน้ากันแบบนี้ ย้ายบ้านหนีเลยดีมั้ยคะ ต่อไปพี่พันก็ไม่ต้องเจอหน้าพี่รุต ส่วนพี่รุตก็ไม่ต้องมีใครมาพูดโอ้อวดให้หงุดหงิดอารมณ์ หลินก็จะได้ไม่ต้องปวดหัวด้วย”
ขวัญชนกเอ่ยแนะนำทางออกที่ดี แล้วก็ต้องแอบยิ้มขำออกมาเมื่อสารวัตรทั้งสองพร้อมใจกันเอ่ยปฏิเสธออกมาเสียงดัง
“ไม่ให้ย้าย!” พันธวุธกับปวรุตม์ตะโกนปฏิเสธพร้อมๆ กันจนขวัญชนกกับท่านนายพลอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ถ้าไม่ให้ย้ายก็อย่าหาเรื่องปวดหัวให้หลินได้มั้ยคะ รู้หรือเปล่าว่าเวลาคุณแม่หงุดหงิดอารมณ์เสียมันมีผลต่อเด็กในครรภ์ด้วย” ขวัญชนกปล่อยหมัดฮุกออกมาจนทำให้สารวัตรทั้งสองทำหน้าจ๋อยอย่างสำนึกผิด
สารวัตรพันธวุธลูบหน้าท้องภรรยาเบาๆ พลางเอ่ยขอโทษเสียงอ่อน “พ่อพันขอโทษครับ อย่าโกรธพ่อนะ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว”
สารวัตรปวรุตม์เอื้อมมือจะไปลูบท้องน้องสาวบ้าง แต่ก็ถูกมือใหญ่ของพันธวุธตีลงมาหนักๆ พร้อมกับถลึงตามอง ปวรุตม์ถลึงตาตอบเหมือนกันก่อนจะลูบที่ท้องนูนของน้องสาวบ้าง
“ลุงรุตก็ขอโทษเหมือนกัน ต่อไปจะไม่ทำให้เจ้าหนูโกรธอีกแล้ว”
ไม่น่าเชื่อว่าคนตัวใหญ่แข็งกร้าวดุดันอย่างนายตำรวจทั้ง 2 นายจะเอ่ยน้ำคำขอโทษได้นุ่นนวลไพเราะเสนาะหู เพื่อเห็นแก่หลานในท้อง มือใหญ่แข็งแกร่งของนายตำรวจทั้งสองนายที่คอยพิทักษ์รักษาอธิปไตยของประเทศชาติ เอื้อมมือมาจับกันแน่นแล้วเขย่าเบาๆ เพื่อเป็นการประกาศสงบศึกชั่วคราว
“สงบศึกชั่วคราวนะไอ้น้องเขย” ปวรุตม์เอ่ยยิ้มๆ นัยน์ตาคมเต้นระริกแพรวพราว
“ได้ๆ สงบศึกชั่วคราว”
พันธวุธเอ่ยตอบรับ นัยน์ตามันระยับเผยแววเจ้าเล่ห์ให้เห็น ขวัญชนกเห็นดวงตาของทั้งคู่แล้วไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ให้สงบศึกสักพักก็ยังดีกว่าทะเลาะกันทั้งวัน
“คุณพ่อ ลุงรุต ฟุตบอลมาแล้ว”
น้องอาร์ตตะโกนบอกสารวัตรทั้งสองเมื่อฟุตบอลลีกต่างประเทศทีมโปรดของทั้งสองคนกำลังจะลงแข่ง พอได้ยินคำว่า ’ฟุตบอล’ ทั้งคู่ถึงกับหูผึ่งหันไปสนใจฟุตบอลทันที
“ไอ้พัน กูว่าวันนี้ทีมเราต้องชนะแน่นอนวะ กุนซือมันวางแผนมาดี” สารวัตรปวรุตม์จ้องเขม็งที่ทีวีจอใหญ่แล้วหันมาเอ่ยวิเคราะห์กับน้องเขย
“ใช่ๆ ชนะชัวร์ กองหน้าฝ่ายตรงข้ามเจ็บไปตั้ง2 แล้วกองหลังที่เอามาลงก็อ่อนๆ ทั้งนั้น งานนี้ชนะใสๆ”
สารวัตรพันธวุธยิ้มให้ปวรุตม์แล้วเอ่ยวิเคราะห์บ้าง ขวัญชนกกับท่านนายพลสบตากันแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ ด้วยความระอา เมื่อสักครู่ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย แต่เมื่อฟุตบอลทีมโปรดกำลังจะลงแข่ง ทั้งสอง2 สิงห์กลับหันมาดีกันเอ่ยวิเคราะห์และเชียร์ฟุตบอลอย่างสนุกสนาน ขวัญชนกถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วลุกขึ้นไปช่วยมารดาทำกับข้าวต่อ
คุณหญิงขวัญฤทัยยิ้มบางๆ ให้ลูกสาวที่กำลังเดินเข้ามาในห้องครัว “เป็นไงลูก มวยคู่เอกจบหรือยัง”
“จบแล้วค่ะ กว่าจะสงบศึกได้หลินแทบแย่ คุณพ่อกับน้องอาร์ตก็ไม่ยอมห้ามทั้งคู่ ปล่อยให้ทะเลาะกันทุกวันเลย” ขวัญชนกบ่นพึมพำค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความระมัดระวัง
“คราวนี้ทะเลาะกันเรื่องอะไรอีก” คุณหญิงเอ่ยถามล้อๆ รู้อยู่แล้วว่าคงไม่พ้นเรื่องไร้สาระเหมือนเดิม
“เหมือนเดิมค่ะคุณแม่ เรื่องความเก่งกาจของแต่ละคน ตะกี้บอกว่าเหม็นขี้หน้ากัน พอหลินบอกว่าจะย้ายบ้านจะได้ไม่ต้องเจอกัน ทั้งสองก็ปฏิเสธคอเป็นเอ็นไม่ให้ย้าย”
คุณหญิงหัวเราะออกมาเบาๆ “ปล่อยๆ ไปเถอะลูก ทะเลาะกันเดี๋ยวเดียวก็ดีกันแล้ว ทั้งพี่รุตกับคุณพันเขารักกันดีออก”
“ค่ะ ข้อนี้หลินทราบค่ะ” ขวัญชนกยิ้มรับคำพูดของมารดา
“แล้วทำยังไงถึงเงียบลงได้”
“ก็ฟุตบอลทีมโปรดกำลังจะลงแข่งค่ะ ก็เลยเงียบไปได้สักพัก” ขวัญชนกเอ่ยยิ้มๆ
“ดีนะที่ชอบฟุตบอลทีมเดียวกัน ถ้าชอบคนละทีมคงจะยุ่งแน่ๆ”
คุณหญิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ การทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆ น้อยๆ พอหอมปากหอมคอของลูกชายกับลูกเขยกลายเป็นเรื่องปกติไปสำหรับท่านเสียแล้ว
“นั่นนะสิ ถ้าชอบคนละทีมสงสัยจะยุ่งกว่านี้อีก”
ขวัญชนกเอ่ยอย่างปลงๆ ดวงตาคู่สวยมองรายการอาหารที่มารดากำลังจะทำพลางเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“ทำไมวันนี้คุณแม่ทำอาหารเยอะจังคะ จะมีแขกมาที่บ้านหรือเปล่า”
คุณหญิงขวัญฤทัยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเอ่ยตอบ “ใช่ลูก วันนี้คุณหญิงนวลพรรณจะมาทานข้าวที่บ้านเรา”
“คุณแม่ยิ้มแบบนี้มีลับลมคมในหรือเปล่าคะ” ขวัญชนกเห็นสายตาและรอยยิ้มของมารดาแล้วก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คุณหญิงนวลพรรณจะมาขอร้องให้พี่ชายหลินไปตามหลานสาวท่านกลับบ้าน ตอนนี้หนีไปเป็นอาสาพัฒนาชุมชนอยู่ที่จังหวัดเลย” คุณหญิงเอ่ยถึงหลานสาวคุณหญิงนวลพรรณด้วยสายตาเป็นประกาย
“ทำไมต้องไปตามกลับมาด้วยคะ”
“คุณหญิงนวลพรรณอยากให้กลับมาแต่งงานกับพี่ชายของหลิน”
“ฮ้า!...คุณแม่จะจับคู่พี่รุตกับหลานคุณหญิงหรือคะ” ขวัญชนกเอ่ยถามเสียงสูงจนคุณหญิงต้องยกมือจุ๊ปากให้เงียบๆ
“เบาๆ สิยายหลิน เดี๋ยวตารุตก็รู้ตัวพอดี” คุณหญิงยิ้มกริ่มต่อว่าลูกสาวเบาๆ
“คุณแม่กับคุณหญิงจะคลุมถุงชนพวกเขาหรือคะ” ขวัญชนกทำสีหน้าไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้
“ใครว่าคลุมถุงชน 2คนนั้นแอบหลงรักกันตั้งนานแล้ว” คุณหญิงหัวเราะคิก นึกสนุกที่ได้แกล้งนายตำรวจผู้เย่อหยิ่ง
“คุณแม่รู้ได้ไงคะว่าเขาทั้ง 2 รักกัน” ขวัญชนกถามด้วยความสงสัย
“เอียงหูมานี้ลูกแม่จะเล่าให้ฟัง” คุณหญิงเข้าไปกระซิบบอกความลับกับลูกสาว จากนั้นทั้งสองแม่ลูกก็หัวเราะออกมาด้วยความขบขำ
“ถ้าพี่รุตรู้ว่าเรารู้ความลับของเขาคงจะโกรธน่าดู” ขวัญชนกเอ่ยยิ้มๆ
“อย่าให้ตารุตรู้เป็นอันขาดนะ พี่ชายหลินแอบรักเขาจะตายแต่ทำเป็นไม่สนใจในเรื่องความรัก แม่จะคอยดูว่าคนที่เย่อหยิ่งอย่างตารุตจะทำยังไงกับความรักครั้งนี้”
“ถ้าพี่พันรู้เรื่องนี้ด้วยคงจะสนุกพิลึก” ขวัญชนกเอ่ยกลั้วหัวเราะนึกสนุกที่จะได้เป็นแม่สื่อแม่ชักให้พี่ชาย
“หลานสาวคุณหญิงนวลพรรณชื่อจริงชื่ออะไรนะคะ นีนนาราหรือปัณฑิตา”
ขวัญชนกเลิกคิ้วถามเพราะ จำได้คร่าวๆ ว่าคุณหญิงนวลพรรณมีหลานสาวอายุไล่ๆ กันอยู่ 2 คน
คุณหญิงขวัญฤทัยยิ้มกริ่มนึกถึงท่าทางแก่นแก้วน่ารักน่าเอ็นดูของว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ชื่อนีนนารา”