ตอนที่4 [ธรรมชาติของไร่เทวัญ]
ตอนที่ 4
เสียงนกกระจิบพากันร้องจิบ ๆ ร้องเรียกคู่มันอยู่บนกิ่งไม้ใกล้หน้าต่างห้องของพิมพ์ชนก เพื่อจะบอกว่าเวลานี้เป็นรุ่งอรุณของวันใหม่แล้ว
หญิงสาวลืมตาด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อมองไปนอกหน้าต่างผ่านกระจกใส เห็นนกเล็ก ๆ มาเกาะกิ่งไม้หยอกเย้ากันช่างน่ามองเพลินตา
ก่อนลุกไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัว เดินออกจากบ้านหลังเล็ก มาเข้าประตูหลังบ้านใหญ่
"อ้าว! หนูพิมพ์อาบน้ำแล้วเหรอ มากินข้าวเลยจะได้เข้างาน"
"ขอบคุณค่ะป้าอุ่น แล้วเอกมากินที่นี่ด้วยรึเปล่าคะ"
"เอกกับลุงเติมกินที่บ้านโน้นป้าเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เช้าแล้ว"
กินข้าวเสร็จพิมพ์ชนกลุกเดินเข้าออฟฟิศเพื่อสะสางงานที่ค้างไว้ ขณะเดียวกันพ่อเลี้ยงได้ก้าวลงมาถึงชั้นล่างพอดี
"เอ้า…พิมพ์มาแต่เช้าเลย กินข้าวรึยัง"
"พิมพ์กินแล้วค่ะ"
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็นั่งกินข้าวคนเดียวเหมือนเช่นเคย ก่อนเตรียมตัวไปเข้าไร่
กินข้าวเสร็จกำลังออกไปขึ้นรถนึกได้ว่าจะมีรถมาส่งของ
"พิมพ์ วันนี้จะมีรถมาส่งของเช็ครับของให้ฉันด้วย" พ่อเลี้ยงสั่งหญิงสาวก่อนไปเข้าไร่
"ได้ค่ะพ่อเลี้ยง"
หญิงสาวนั่งทำงานเพลินจนลืมดูเวลา นี่จะบ่ายแล้วก็ยังไม่เห็นพ่อเลี้ยงเข้ามา หญิงสาวจึงลุกขึ้น เดินออกจากออฟฟิศจะไปกินข้าวเสียงรถพ่อเลี้ยงเข้ามาจอดพอดี ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้าบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนเหงื่อ
"ร้อนมาก พิมพ์ฉันขอน้ำเย็นแก้วหนึ่งสิ"
"นี่น้ำเย็นค่ะพ่อเลี้ยง ทำไมเพิ่งเข้ามาคะ"
"แม่ญาญ่ากำลังออกลูกพอดีน่ะ"
หญิงสาวทำหน้างงพ่อเลี้ยงเลยอธิบาย
"ญาญ่าเป็นชื่อแม่วัวพันธุ์ มันท้องแก่ กำลังออกลูกฉันกับเอกมัวแต่เฝ้าจนเลยข้าวเที่ยงนี่แหละ"
"ค่ะ พิมพ์ขอตัวไปกินข้าวก่อนนะค่ะ"
"อ้าว…!ยังไม่กินข้าวเหรอ งั้นมานั่งกินเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ"
"คือพิมพ์…" หญิงสาวยังอ้ำอึ้ง เสียงพ่อเลี้ยงก็สวนขึ้น
"ทำไม…!กลัวฉันเหรอ"
"เปล่าค่ะ พิมพ์แค่เป็นลูกจ้างไม่กล้าตีเสมอต่างหากค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้น ฉันเป็นายจ้างเธอ ก็มีสิทธิ์สั่งเธอให้มานั่งกินข้าวด้วยได้สิ"
หลังจากต้อนให้หญิงสาวมานั่งร่วมโต๊ะอาหารได้ พ่อเลี้ยงธนดลก็ยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนออกไปเข้าไร่ก็ไม่ลืมที่จะกำชับหญิงสาวให้รอรถมาส่งของและเช็ครับให้ด้วย
พิมพ์ชนกเพิ่งจะรับรู้เรื่องราวส่วนตัว ของเจ้านายหนุ่มวันนี้จากปากป้าอุ่น คนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยบิดายังอยู่ และป้าอุ่นเป็นคนเลี้ยงดูพ่อเลี้ยงตั้งแต่ชายหนุ่มมีอายุได้ห้าขวบเพราะแม่เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลว หลังจากเรียนจบจากอังกฤษมาใช้ชีวิตอยู่บ้านที่กรุงเทพฯได้ไม่ถึงปีบิดาก็เสียชีวิตลง ตั้งแต่นั้นมาชายหนุ่มก็มาใช้ชีวิตอยู่ในไร่เทวัญ ตามลำพังจนกระทั้งวันนี้ ส่วนพี่สาวมีครอบครัวและใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ
ตอนบ่ายรถมาส่งของมีปุ๋ยและอาหารสัตว์ หญิงสาวออกไปเช็ครับของครบจำนวน จึงให้เข้าไปลงในโกดังเก็บของ
ทำงานเอกสารเสร็จเรียบร้อย ไม่มีงานทำต่อจึงเดินออกมาหลังบ้าน เจอรถจักยานจอดอยู่หญิงสาวจึงเข็ญออกมา แล้วขึ้นปั่นไปตามทางเข้าไร่ ปั่นมาสักพักมองเห็นคนงานกลุ่มหนึ่ง กำลังก้ม ๆ เงย ๆ กันอยู่ ด้วยความอยากรู้จึงปั่นเข้าไปใกล้ คนงานชายหันมาเจอจึงส่งเสียงตะโกนออกมา
"นางฟ้า…!นางฟ้าจำแลง" สิ้นเสียงคนงานพ่อเลี้ยงกับเอกภพก็หันมาพอดี
"เธอมาทำอะไรที่ไร่ งานไม่มีทำก็อยู่บ้านกับป้าอุ่นสิ" พ่อเลี้ยงส่งเสียงดุออกไป ทำให้หญิงสาวถึงกับหน้าถอนสี
"พิมพ์อยู่บ้านคงจะเบื่อน่ะครับพ่อเลี้ยง" เอกภพจึงออกแก้ตัวแทนให้
"เฮ้ย…!ออกมาแล้วครับพ่อเลี้ยง" คนงานชายร้องออกมาเมื่อแม่วัวพันธุ์ ที่กำลังรอลุ้นออกลูกมาได้แล้ว
"ช่วยกันทำความสะอาดดี ๆ " พ่อเลี้ยงหันมาสั่งคนงาน แล้วหันมาสนใจสมาชิกใหม่ของฟาร์ม จนลืมหญิงสาวไปชั่วขณะ
เอกภพมองนาฬิกาข้อมือใกล้จะห้าโมงเย็น จึงขออนุญาตพ่อเลี้ยงพาหญิงสาวเดินชมไร่เทวัญ
"พ่อเลี้ยงครับ ผมขอนุญาตพาพิมพ์ เดินชมไร่ของเราน่ะครับ"
"ตามใจ ก็ดีจะได้รู้ว่าไร่เทวัญเรามีอะไรบ้าง"
"พิมพ์ไปเถอะ เดี๋ยวเอกจะเป็นไกด์พาพิมพ์ทัวร์ไร่เทวัญเอง"
หลังจากเพื่อนหนุ่มพาทัวร์ ทำให้รู้ว่าไร่เทวัญมีเนื้อที่เป็นพันไร่ มีทั้งผลไม้ และฟาร์มไก่ไข่ ฟาร์มเห็ด ฟาร์มวัวพันธุ์ที่เธอเห็น มีคนงานแยกสองส่วน ส่วนแรกจะดูแลผลไม้ อีกส่วนมีหน้าที่เฝ้าดูแลฟาร์ม พ่อเลี้ยงบริหารอย่างเป็นระบบ และไร่มีลำธารไหลผ่านตลอดแนว ทำให้ไร่เทวัญมีความอุดมสมบูรณ์ และมีรายได้เข้าตลอดปี
เวลาเลิกงานทุกคนต่างเดินเข้าบ้านพักตัวเอง
ส่วนเอกภพกับหญิงสาวก็กลับเข้าบ้าน แล้วแยกย้ายไปพักผ่อนที่บ้านพักส่วนตัว
เอกภพเป็นหลานชายของป้าอุ่นลุงเติม พ่อเลี้ยงให้ความเอ็นดูเหมือนน้องชายคนหนึ่ง เพราะเอกภพเป็นเด็กหนุ่มที่ร่าเริงนิสัยดีมีมนุษย์สัมพันธ์ดี แถมท้ายยังมีหน้าตาที่โดดเด่นคนหนึ่งอีกด้วย
พ่อเลี้ยงกลับมาถึงบ้านเดินไปหาไข่ตุนไข่ต้มที่ขังไว้ในกรง เพราะหน้านี้เป็นหน้าฝนสองแสบชอบพากันแอบหนี ไปเล่นน้ำในลำธารหลังบ้าน
ป้าอุ่นเห็นพ่อเลี้ยงจึงเดินเข้ามาหา
"ป้าให้อาหารแล้วค่ะ พ่อเลี้ยงป้าจัดเตรียมสำหรับเรียบร้อยแล้วน่ะ"
"ครับ ผมยังไม่อาบน้ำเลย ป้าอุ่นไปพักผ่อนเถอะ"
เล่นกับสองแสบสักพักร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้าบ้านขึ้นชั้นบนเพื่ออาบน้ำ แต่งกายด้วยชุดนอนบางเบา ก็ไม่ลืมที่จะไปยืนตรงระเบียง กระจกใสบานใหญ่ เพื่อแอบมองใครบางคน ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียง ข้างห้องนอน ของเรือนหลังเล็กตรงข้ามกัน ชายหนุ่มมองเพลินให้มีความรู้สึกกระตุกวูบไหวที่หัวใจด้านซ้าย 'นี่เราเป็นอะไรไปไม่ใช่หลงเด็กใ่ช่มั้ย' แล้วคลี่ยิ้มออกมาให้กับตัวเองก่อนเดินลงมาชั้นล่างเพื่อจัดการกับมื้อค่ำ ก่อนขึ้นมาพักผ่อนอยู่ในห้องนอนส่วนตัว อยู่ ๆ ก็มีสายเรียกเข้า จึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นเป็นเพื่อนชายคนสนิทจึงกดรับ
"เออว่าไงอคิน มีไรถึงโทรหากูปานนี้ ไม่ได้อยู่กับเด็กมึงเหรอ"
["ช่วงนี้กูเบื่อ ๆ วะ กูจะเลิกหมดแล้ว จะหาแม่ของลูกเสียทีแก่แล้วเว้ย พวกเราจะสามห้าแล้วนะ เดียวมีลูกไม่ทันใช้"]
"มึงน่าจะคิดแบบนี้ได้ตั้งนานแล้วมั้ยวะ รึว่ามึงเจอคนที่ใช่แล้วเหรอไง"
["เออ…กูเจอแล้วแต่เพิ่งรู้แค่ชื่อ ยากชะมัดเลยมึง"]
"เออ…ผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูกก็ต้องได้มายากหน่อยละมึง"
["แล้วมึงละไอ้ดล เมื่อไหร่มึงจะหาสักทีวะ มึงแก่แล้วนะโว้ยกูเป็นห่วง ไม่อยากให้มึงนอนเหี่ยวแห้งเฉาตายอยู่คนเดียว"]
"ถึงเวลามันมาเองแหละ"
["หมายความว่าไงวะ รึว่ามึงเจอคนที่ใช่แล้วใช่มั้ยเพื่อน"]
"แค่นี้แหละ กูจะนอนแล้วพรุ่งนี้มีงานแต่เช้า"
กดวางสายจากเพื่อนชายที่ชื่ออคิน พ่อเลี้ยงธนดลก็เผยยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงใครบางคนที่ทำให้หัวใจที่แกร่งของเขา กลับมีความวาบหวามหวั่นไหวไปได้เช่นนี้