บทที่ 4 ตัวร้าย
“ว่าไงวะพงศ์มาที่บริษัทเหรอ”
“เปล่าไปธุระมาก็เลยโทร.เข้าไปหาแก ยายรุ่งบอกว่าแกออกมาข้างนอกก็เลยโทร.เข้ามือถือ ตอนนี้แกอยู่ไหนวะ”
“กินข้าวอยู่กับคุณชไม”
“เหรองั้นดีเลยกินอยู่ไหนฉันไปกินด้วยมีเรื่องจะถามแกนิดหน่อย”
“เรื่องอะไรวะ”
“เออน่ะ บอกชื่อร้านมาสิฉันจะไปหาคุยทางโทรศัพท์ไม่สะดวกหรอกว่ะ”
ภูรีจำต้องบอกชื่อร้านอาหารให้เพื่อนรักและเริ่มไม่อร่อยเสียแล้ว ผะดาชไมก็หน้างอง้ำเพราะหล่อนไม่ต้องการให้ใครมาเป็นคนที่สามในโต๊ะอาหารขณะนี้
“ภูบอกเพื่อนทำไมคะว่าเราอยู่ที่นี่ ชไมไม่อยากให้ใครมานั่งด้วยนะคะ”
“นายพงศ์มันมีเรื่องจะคุยกับผม”
“ก็กลับไปคุยที่บริษัทสิคะ”
“มันใจร้อน เอาเถอะน่ะเดี๋ยวมันก็กลับ”
“แต่ชไมไม่ชอบนี่คะ”
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรและรู้สึกอึดอัดที่ผะดาชไมหน้าบึ้งใส่เขา หล่อนโกรธง่ายและโกรธแบบไม่มีเหตุผลไม่เหมือนรุ่งไพลินที่โกรธโดยมีเหตุผลใหญ่มาอ้างทุกครั้งและเขาเป็นคนผิดทุกครั้งด้วย ภูรีสะดุ้งเล็กน้อยที่เขาคิดถึงรุ่งไพลินและดึงหล่อนมาเปรียบเทียบกับผะดาชไมได้อย่างไรก็ไม่รู้
“คราวหน้านะคะถ้าคุณนัดเพื่อนคุณทั้ง ๆ ที่มีชไมนั่งอยู่ด้วยละก็ ชไมจะไม่มากับคุณอีก”
“ครับ ๆ ผมจะไม่นัดใครอีกแล้วครับ”
ภูรีรับคำผะดาชไมปุ๊บเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นปั๊บ
“ว่าไงวะเนศ”
ธเนศโทรศัพท์เข้ามือถือของภูรีและมีความต้องการอย่างเดียวกับพงศ์ธรคือจะมาทานข้าวด้วยและภูรีก็ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย
“ภู ไหนคุณบอกจะไม่ให้ใครมาอีกไงคะ นี่บอกใครอีกคะ ชไมทนไม่ไหวแล้วนะคะ ชไมขอตัวก่อนค่ะ เย็นนี้ค่อยเจอกัน”
หล่อนลุกขึ้นเดินสะบัดหน้าออกไปทันที ภูรีงงกับการกระทำของหล่อนแล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือก ๆ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขามองโทรศัพท์มือถือที่เป็นสาเหตุให้หญิงสาวเดินหนีเขาไปแล้วถอนหายใจอีกครั้ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกคราวนี้เป็นเบอร์ที่ออฟฟิศเขารู้ทันทีว่ารุ่งไพลินโทร.มาแกล้งเขา
“คุณรุ่ง คุณอีกใช่มั้ยที่ทำให้ชไมเดินหนีผม”
“ฉันเปล่าสักหน่อย ใครเดินหนีคุณ อ๋อ.คุณผะดาผะเดชสุดที่รักคุณน่ะเหรอเดินหนี ทำไมล่ะ เดินหนีเรื่องอะไรเหรอคะผู้จัดการขา”
“คุณไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีนะรุ่ง”
“เปล่าพูดดีนี่คะ ว่าแต่กินข้าวอร่อยมั้ยคะ ไม่เหมือนดิฉันนะคะมีชายหนุ่มมารับค่ะ นี่ก็เพิ่งกลับไปแต่ไม่ใช่แฟนหูเบาหรอกนะนี่คนใหม่ค่ะ เขาบอกว่าเขาจะจีบดิฉัน ดิฉันตั้งใจจะเป็นแฟนเขานะคะเนี่ย”
“จะเป็นแฟนใครทำไมต้องมาบอกผมด้วย จะเป็นแฟนใครจะควงใครก็ตามสบายเลยไม่ต้องมาโพนทนา”
“เปล่าโพนทนาค่ะแต่เล่าให้ฟังแค่นี้นะคะ อ้อ.รีบกลับล่ะมีงานด่วนรออยู่”
“ยายบ้าเอ๊ย ตามก่อกวนอยู่ได้”
เขาปิดโทรศัพท์ด้วยความโมโหแล้วถอนหายใจเฮือก
“ว่าไงวะถอนหายใจเฮือก ๆ อย่างนี้แสดงว่ากำลังกลุ้มหนัก อ้าว.แล้วนี่คุณผะดาผะเดชของแกไปไหนล่ะ”
พงศ์ธรเดินเข้ามานั่งและทักทายด้วยคำพูดที่ทำให้ภูรีต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน
“แกเรียกชไมว่าไงวะพงศ์”
“ก็เรียกคุณผะดาผะเดช ทำไมวะ โกรธแทนแฟนรึไงเพื่อน ไม่เอาน่าฉันล้อเล่น”
“แกเรียกตามยายรุ่งไพลินใช่มั้ย”
“ทำไมเดาถูกวะ”
“ยายบ้านั่นเล่าอะไรให้แกฟังหมดแล้วล่ะสิ นี่ฉันจะทำยังไงกับยายคนนี้ดีวะ”
“ก็ไม่ต้องทำอะไร แค่เฉย ๆ เท่านั้นพอ แล้วนี่คุณชไมไปไหนเข้าห้องน้ำเหรอวะ”
“เปล่า กลับไปแล้ว”
“เฮ้ย..ทำไมวะ อย่าบอกนะว่าเพราะฉันมาขอกินข้าวกับแก”
“ไม่แค่แกหรอกไอ้พงศ์ ไอ้เนศมันก็กำลังมา”
“เหรอ คุณชไมเลยเผ่นเพราะรับพวกฉันไม่ได้ รังเกียจพวกฉัน ถ้าฉันรู้อย่างนี้ฉันไม่เข้ามาให้เมื่อยหรอกว่ะ”
พงศ์ธรพูดคล้ายกับน้อยใจ ภูรีเพิ่งคิดตามคำของเพื่อนแล้วอดที่จะถอนหายใจอีกไม่ได้ ใช่แล้วละผะดาชไมไม่ต้อนรับเพื่อนของเขาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครหล่อนต้องการมีเขาอยู่กับหล่อนเพียงลำพังเท่านั้นซึ่งเขาทำอย่างนั้นไม่ได้ เขาคบกับพงศ์ธร ธเนศมาตั้งแต่สมัยเรียนเรียกว่า สามคนเป็นเพื่อนตายกันก็ว่าได้แล้วจู่ ๆเขาต้องเลือกผู้หญิงมาก่อนเพื่อนรักอย่างนั้นหรือ คงไม่ไหวเช่นกัน ถ้าผู้หญิงยอมรับเพื่อนเขาได้เขาจะยอมแต่งงานกับหล่อน ถ้าอย่างนั้นผะดาชไมก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาเลือกอย่างนั้นสิ
“แล้วนี่ไอ้เนศมันมาหรือยังวะ”
พงศ์ธรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ภูรีมองตามแล้วมองเลยไปที่หน้าร้านเห็นธเนศเดินเข้ามาพอดี
“มาโน่นแล้วว่ะ”
พงศ์ธรมองตามพร้อมกับยิ้มทักทาย
“พวกแกมีอะไรจะคุยกับฉันก็ว่ามา ฉันต้องรีบเข้าออฟฟิศมีประชุม”
ภูรีเอ่ยขึ้นเมื่อเพื่อนมากันครบ พงศ์ธรเอ่ยขึ้นก่อนตามด้วยธเนศซึ่งเรื่องที่ทั้งคู่พูดนั้นไม่พ้นเรื่องผู้หญิงของภูรีและผู้หญิงคนที่ให้ข้อมูลคือรุ่งไพลิน
“ยายผะดาชไมเข้าไปด่ายายรุ่งถึงโต๊ะทำงานจริงหรือเปล่าวะภู”
“ยายตัวร้ายนั่นเล่าให้ฟังหมดแล้วนี่แกจะมาถามหาอะไรล่ะ”
ภูรีหน้าบึ้งเพราะโกรธเลขาฯตัวดีที่เล่าเรื่องชู้สาวของเขาให้เพื่อนฟังแต่เขาก็ยอมรับว่าผะดาชไมเข้าไปต่อว่ารุ่งไพลินถึงที่ทำงานด้วยเหตุเข้าใจผิดแต่รุ่งไพลินก็โต้ตอบผะดาชไมกลับมาอย่างเผ็ดร้อนที่สุดและผะดาชไมก็ไม่ยอมเขาต้องดึงตัวหล่อนออกมาไม่เช่นนั้นบริษัทพังแน่