บทที่ 3 นินทา
ภูรีหัวเราะเมื่อฟังรุ่งไพลินพูดจบ เขาแกล้งหล่อนจริง ๆ และต้องการให้หล่อนโกรธเหมือนที่หล่อนทำให้เขาโกรธหลายครั้ง
“ใช่ผมแกล้งคุณ ก็คุณอยากแกล้งผมก่อนทำไม ผมก็เลยแกล้งบ้าง แต่ถ้าแฟนคุณรักคุณจริง หนักแน่นสักหน่อยเขาไม่เชื่อคำพูดของผมหรอกน่ะ”
“แต่เผอิญว่าแฟนฉันเป็นผู้ชายหูเบาเสียด้วยสิ คุณรู้มั้ยเมื่อเช้าเขาโทร.มาต่อว่าฉัน และขอเลิกกับฉันไปแล้ว เขาไม่สนใจฉันแล้ว สะใจคุณมั้ยคะผู้จัดการ”
ภูรีถึงกับนิ่งอึ้งที่ได้เห็นรุ่งไพลินโกรธมากขนาดนี้และรู้สึกเสียใจที่เขาทำให้หล่อนต้องเลิกกับคนรัก เขาแกล้งหล่อนมากไปหรือเปล่านะ แต่ไม่หรอกน่ะเพราะหล่อนก็ทำให้เขาเลิกกับผู้หญิงมาถึงสองคนแล้วนี่ หล่อนเป็นตัวการที่เขาต้องแก้แค้นเอาคืน เพราะฉะนั้นเขาแกล้งหล่อนไม่มากหรอกแค่ปานกลางเท่านั้นเอง
“ไม่ต้องมาทำหน้ารู้สึกผิดแบบนั้นหรอก ค่ะคุณภูรี รีบตรวจงานให้ฉัน”
หล่อนเลื่อนแฟ้มเข้าไปใกล้เขาอีกแล้วถอยมายืนมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง เขามองหล่อนนิดหนึ่งแล้วก้มลงมองงานในแฟ้ม เขาอ่านคร่าว ๆ แล้วเซ็นชื่อลงไป
“ใช้ได้ คุณส่งตามนี้เลย อ้อ.พิมพ์ให้ผมอีกฉบับด้วยนะ”
หล่อนรับแฟ้มไปไม่ตอบรับคำสั่งของเขาเพราะความโมโห
“ได้ยินที่ผมพูดรึเปล่าคุณรุ่ง หรือว่าแฟนบอกเลิกเลยเบลอ”
“เปล่า แค่แฟนบอกเลิกไม่ทำให้ประสาทฉันเสียหรอกค่ะ ฉันได้ยินที่คุณสั่งทุกอย่าง เดี๋ยวจะพิมพ์ให้ แค่นี้ใช่มั้ยคะฉันจะกลับไปทำงาน”
“เร็ว ๆ หน่อยนะเพราะผมต้องรีบไปทำธุระ”
“ไปทำธุระหรือว่าไปรับสาวกันแน่”
“รู้มากเกินไปรึเปล่าคุณรุ่ง”
“ฉันไม่รู้มากหรอกคุณภู แต่ฉันรู้ทันคุณ ถ้าคุณออกก่อนเวลาเพื่อไปรับสาว ๆ กินข้าวอีกละก็งานนี้ถึงผู้อำนวยการแน่คุณภูรี”
ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินอ้อมโต๊ะมาที่หล่อนพร้อมกับคำถามเสียงดัง
“ทำไม คุณจะฟ้องอะไรผอ. คุณคิดว่าท่านจะเชื่อคุณงั้นเหรอ”
“เชื่อหรือไม่คุณก็ลองออกไปดูสิคะ แล้วจะรู้ว่าการเป็นผู้จัดการเนี่ยเวลาตกลงไปเป็นพนักงานธรรมดา ๆ มันก็ง่ายนิดเดียว”
หล่อนเชิดหน้านิดหนึ่งแล้วสะบัดหน้าใส่เขาก่อนจะเดินออกจากห้องไป ภูรีถึงกับกำหมัดแน่น
“ยายบ้า จะตามจองเวรฉันไปถึงไหนกันนะหา..”
เขาตะโกนเสียงดังลั่นห้องแล้วทุบกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรงและก็ต้องร้องด้วยความเจ็บ
“โอ้ย..”
มือที่ทุบโต๊ะสั่นระริกเพราะความเจ็บปวด เขาสลัดมือไปมาและนึกโกรธรุ่งไพลินเพิ่มมากขึ้น
“ทำไมจะต้องมาวุ่นวายกับชีวิตเราด้วยนะ”
เขาปิดแฟ้มที่เปิดค้างไว้แล้วเดินออกจากห้องผ่านโต๊ะเลขาฯคนสวยจอมวุ่น หล่อนชำเลืองมองเขาแล้วก้มลงทำงานต่อ เขาเดินไปทางห้องน้ำครู่หนึ่งก็กลับออกหา เดินหายเข้าไปในห้องทำงานครู่เดียวก็กลับออกมาอีก
“คุณรุ่ง ผมจะออกไปธุระข้างนอก”
“ไปไหนคะ”
“ทำไมต้องถามด้วย ผมเป็นเจ้านายคุณนะไม่ใช่ลูกน้องที่ต้องรายงานคุณทุกอย่าง”
“ถึงไม่ใช่ลูกน้องคุณก็ต้องตอบคำถามของฉันเพราะสามโมงเย็นคุณต้องเข้าประชุม”
“ผมกลับมาทันก็แล้วกัน”
เขาเดินห่างออกไปทันที หล่อนมองตามแล้วยิ้มหยัน
“ออกไปกินข้าวกับแฟนคนใหม่ละสิคิดว่าฉันรู้ไม่ทันคุณรึไงคุณภูรี ขอให้สนุกก็แล้วกันนะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นความคิดของหญิงสาวจึงหยุดชะงักลงทันทีหล่อนเอื้อมมือไปรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะคนสวย วันนี้ว่างมั้ยเอ่ยผมจะไปรับมาทานข้าวกลางวัน”
“ไม่ว่างเลยค่ะคุณพงศ์ธรขา วันนี้นะคะเจ้านายไม่อยู่ค่ะออกไปรับยอดยาหยีกินข้าว นี่ออกก่อนเวลา ๒๐ นาทีเชียวนะคะแถมท้าให้รุ่งฟ้องผอ.ด้วยค่ะ คุณพงศ์ว่ารุ่งควรจะฟ้องดีมั้ยคะ”
รุ่งไพลินพูดจบหัวเราะคิกเพราะหล่อนกับพงศ์ธรสนิทกันมากถึงพงศ์ธรจะเป็นเพื่อนภูรีก็ตามแต่ความน่ารักและช่างพูดของหญิงสาวทำให้พงศ์ธรชอบหล่อนแต่ไม่ใช่ชอบอย่างคนรักเพราะเขามีคนรักอยู่แล้วและปัญญาพรแฟนสาวของเขาก็รักและสนิทกับรุ่งไพลินเช่นกัน
“พี่ว่าอย่าไปยุ่งกับมันเลย ปล่อยมันไปเถอะรุ่ง แล้วนี่มันนัดกับใครรู้มั้ย”
“สงสัยจะเป็นยายผะดาผะเดชอะไรนั่นแหละค่ะ”
น้ำเสียงเหน็บแนมของหล่อนทำให้พงศ์ธรหัวเราะ
“นี่ไม่ชอบยายชไมมากถึงกับเปลี่ยนชื่อให้เลยเหรอรุ่ง”
“พี่พงศ์เจอฤทธิ์เดชยายนี่วันนั้นแล้วจะรู้นะคะว่าควรจะเปลี่ยนให้หรือเปล่า”
“วันไหน แล้วเกิดอะไรขึ้นทำไมพี่ไม่รู้ล่ะ”
“พี่จะรู้ได้ยังไงคะในเมื่อยายผะดาผะเดชเข้ามาด่ารุ่งถึงโต๊ะทำงานโดยที่เจ้านายรุ่งยืนฟังหน้าตาเฉย”
“เอ.เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วทำไมไอ้ภูมันไม่เล่าให้พี่ฟังล่ะ”
“สงสัยจะอายมังคะเพราะวันนั้นรุ่งตอกหน้ากลับทั้งชายทั้งหญิงหน้าหงายไปตาม ๆ กัน คนในออฟฟิศแตกตื่นมาดูกันเต็มห้องอีตาผู้จัดการของรุ่งต้องรีบพาแม่ผะดาออกไปแทบไม่ทันค่ะ”
“เหรอ.ถ้าอย่างนั้นต้องโทร.ไปแซวเสียหน่อยแล้ว งั้นแค่นี้นะรุ่งเดี๋ยวพี่เข้าออฟฟิศพร้อมนายภูมัน”
รุ่งไพลินหัวเราะด้วยความสะใจป่านนี้ภูรีสะดุ้งหลายตลบเพราะถูกนินทาแบบไม่เหลือส่วนดีไว้เลย ทางด้านภูรีขณะที่เขากำลังทานอาหารกับผะดาชไมอย่างมีความสุขเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น