เลขาบนเตียง(1)
ตอนที่ 2
เลขาบนเตียง
“ตอนนี้ผมอยู่ข้างล่างคอนโดคุณออกมาหาผมหน่อยนะ”
กอหญ้ารับโทรศัพท์เจ้านายด้วยความตกใจเพราะถ้าเขาไปกินข้าวกับคนรักจะไม่เคยโทรหาเธอและยิ่งตกใจไปมากกว่าเมื่อรู้ว่าเขามารออยู่ที่ด้านล่างของคอนโด
หญิงสาวรีบเปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดอยู่บ้านเพราะคิดว่าตอนนี้ปรเมศวร์คงกำลังมีเรื่องทุกข์ใจจากเสียงที่เขาโทรมามันคล้ายกับคนกำลังจะร้องไห้ด้วยความรีบจึงหาเสื้อผ้าที่คิดว่าเหมาะกับการออกไปข้างนอกไม่เจอ
“ขอบคุณนะที่มีเวลาให้กันนะ..ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว”
ชายหนุ่มที่นั่งเบาะคนขับไม่ใช่แค่พูดเศร้าแต่เขากำลังร้องไห้แล้วโผเข้ากอดหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
เวลานี้กอหญ้าอยากได้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของเธอถึงแม้หญิงสาวจะพอเดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับดาวิกาคู่หมั้นของเขาแต่ก็คิดไม่ออกว่าเพราะอะไรเจ้านายของเธอถึงต้องร้องไห้เสียใจถึงเพียงนี้ในเมื่อทั้งคู่ก็เพิ่งไปกินข้าวด้วยกันและอีกไม่กี่วันก็จะถึงงานแต่งงานแล้ว
ไม่มีคำตอบใดจากปากของท่านประธานเขายังคงร้องไห้ถึงแม้จะไม่ได้เสียงดังสะอึกสะอื้นแบบคนเสียใจทั่วไปแต่หยดน้ำตาที่ไหลออกมาตลอดก็ทำให้หญิงสาวรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคงทำร้ายความรู้สึกเขามากมายเลยทีเดียว
“ขึ้นไปบนห้องฉันก่อนไหมคะมีอะไรก็ค่อยๆเล่าให้ฟังเราจะได้จะช่วยกันแก้ปัญหา”
คอนโดมิเนียมห้องน้อยที่ราคาแสนถูกถูกใช้เป็นที่ต้อนรับเจ้านายที่กำลังร้องไห้ถึงแม้ทั้งคู่จะสนิทสนมกันแค่ไหนก็ตามแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านประธานขึ้นมาหาเลขาสาวถึงบนนี้
“ผมอยากดื่ม”
ชายหนุ่มพูดแค่เพียงสั้นๆเลขาสาวก็รีบจัดแจงหาเครื่องดื่มให้ถึงแม้ว่าในห้องของเธอจะไม่มีแต่ก็สามารถสั่งจากด้านล่างของคอนโดได้
“ร้องไห้ออกมาให้หมดเลยนะคะ สบายใจเมื่อไหร่ค่อยเล่าให้ฉันฟังก็ได้แต่ถ้าคุณปรเมศวร์ไม่สะดวกใจก็ไม่จำเป็นต้องเล่าอะไรเลย”
กอหญ้ารีบไปจัดแจงเตรียมของกินเล่นพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มเพื่อหวังให้เจ้านายของเธอหายจากความทุกข์ที่เขาเพิ่งเจอมา
“ดาวิกาขอยกเลิกงานแต่งงานทั้งหมด”
คนเสียใจพูดแค่เพียงสั้นๆก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มหลายต่อหลายแก้วโดยไม่สนใจสายตาของคนที่นั่งมองว่ากำลังรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“เธอบอกว่าเพิ่งรู้หัวใจตัวเองว่าที่ผ่านมาไม่เคยรักผม”
“เธออาจจะแค่กำลังน้อยใจหรืองอนอะไรคุณปรเมศวร์ก็ได้นะคะ”
กอหญ้าพูดแทรกขึ้นพร้อมกับใช้มือเล็กจับไปที่มือของ ท่านประธานที่กำลังยกแก้วขึ้นดื่มเพราะตั้งแต่เขามาถึงที่นี่ยังไม่ยอมหยุดดื่มเลย
“คุณไม่ต้องพยายามปลอบใจอะไรผมทั้งนั้นที่ผ่านมาผมหลอกตัวเองมามากพอแล้วคงถึงเวลาที่ต้องยอมรับความเป็นจริง”
ปรเมศวร์หันมาสบตาหญิงสาวที่นั่งข้างๆ วันนี้น้ำตาของเขาไม่ใช่ความอ่อนแอเหมือนเช่นที่เคยผ่านมาแต่มันคือน้ำตาครั้งสุดท้ายที่เขาจะบอกกับตัวเองให้เข้มแข็งและยอมรับความเป็นจริงตอนนี้เขายังคิดไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรกับงานแต่งงานที่เตรียม ทุกอย่างไปหมดแล้วถึงแม้ตัวเขาเองตอนนี้จะไม่มีทั้งพ่อและแม่แต่ก็ยังมีผู้คนในสังคมที่เขาคงจะต้องตอบคำถาม
“ความรักของผมมันคงไม่เคยมีอยู่จริงการหลอกตัวเองบางครั้งมันก็ทำให้เราเจ็บมากกว่าการยอมรับ คุณเองล่ะเจ็บมากไหมที่แอบรักผมมาโดยตลอดแต่กลับต้องเห็นผมอยู่กับผู้หญิงคนอื่น”