7 ลองดูสักครั้ง
พนักงานใหม่ที่เข้ามาฟังคำชี้แจงของบริษัทในวันนี้มีด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคน ซึ่งทั้งหมดเป็นนักศึกษาจบใหม่ด้วยกันทั้งนั้นทำให้แต่ละคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หลังจากฟังชี้แจงรายละเอียดรวมถึงเซ็นสัญญาเสร็จแล้วรติรสก็โดนหัวหน้าฝ่ายบุคคลเรียกตัวไว้ก่อน
“โรสคงไปกับส้มไม่ได้แล้วแหละหัวหน้าฝ่ายบุคคลเรียกโรสเข้าไปคุย” รติรสรู้สึกเสียดายมากที่ไม่ได้ตามกัญญารัตน์ไปดูหอพัก
“ไม่เป็นไรจ้ะเอาไว้วันหลังค่อยไปดูก็ได้ เดี๋ยวเราก็คงได้เจอกันอีก โรสมีเบอร์โทรกับไลน์ไหมล่ะ”
“มีสิ เราแลกไลน์กันไว้ก่อนดีกว่า มีอะไรจะได้คุยกัน”
หลังจากแลกไลน์และเบอร์โทรศัพท์กับเพื่อนใหม่แล้วรติรสก็เดินตามหัวหน้าฝ่ายบุคคลไปยังห้องประชุมเล็กที่เธอเพิ่งออกมาเมื่อครู่
“นั่งลงก่อนสิรติรส”
“ขอบคุณค่ะพี่นงลักษณ์”
“เรียกพี่ว่าพี่นิ่มก็ได้แล้ว รติรสมีชื่อเล่นไหม”
“หนูชื่อเล่นว่าโรสค่ะ พี่นิ่มมีอะไรกับโรสหรือเปล่าคะ”
“พี่เห็นวุฒิการศึกษาของโรสแล้วพี่รู้สึกแปลกๆ ทำไมถึงมาสมัครในตำแหน่งแม่บ้านล่ะ”
“เพราะโรสอยากหาประสบการณ์ค่ะ”
“พี่ต้องการคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้นะ คนจบบัญชีแต่มาสมัครงานในตำแหน่งแม่บ้านมันน่าสงสัยอยู่มากๆ”
“คือจริงๆ แล้วถ้าโรสบอกพี่นิ่มไปพี่ห้ามบอกคนอื่นนะคะ โรสอายเขา”
“เรื่องมันเป็นยังไงล่ะไหนลองเล่าให้พี่ฟังได้ไหม”
“คือโรสอยากแต่งนิยายค่ะ แต่ยังไม่รู้ว่าตัวละครแต่ละตัวจะทำงานอะไรลักษณะการทำงานเป็นแบบไหน โรสก็เลยคิดว่าการมาทำงานในตำแหน่งแม่บ้านจะทำให้ได้คุยกับหลายๆ คนในหลายแผนกและสามารถเก็บข้อมูลไปเขียนนิยายได้ค่ะ”
“แค่นี้จริงๆ เหรอ”
“จริงค่ะ”
“แล้วทำไมต้องลงมาทำงานไกลถึงกรุงเทพล่ะ พี่ว่าถ้าจะหาประสบการณ์จริงๆ บริษัทที่เชียงใหม่ก็น่าจะมีให้โรสเลือกเยอะแยะเลยนะ”
“เพราะที่นั่นคุณป้าของโรสรู้จักคนเยอะค่ะ ถ้าโรสไปทำงานแม่บ้านคงต้องมีคนเอาไปบอกคุณป้าแน่ๆ โรสก็เลยคิดว่าลงมาทำงานกรุงเทพน่าจะดีกว่าค่ะ”
“แค่นี้จริงๆ ใช่ไหม”
“จริงค่ะโรสยินดีให้พี่ตรวจสอบประวัติทุกอย่างเลยค่ะ แต่ขออย่างเดียวห้ามบอกป้าว่าโรสมาทำตำแหน่งแม่บ้านค่ะ”
“พี่คงไม่ไปถามหรอก เอาเป็นว่าพี่เชื่อโรสก็แล้วกันนะ ทีนี้มาถึงเรื่องสำคัญที่พี่จะคุยกับโรส”
“อ้าว ... โรสนึกว่าเมื่อกี้คือเรื่องสำคัญ”
“พี่ถามไปแบบเพราะอยากจะรู้เหตุผลของโรส แต่ที่พี่อยากให้โรสฟังเหตุผลของพี่บ้าง”
“อะไรคะ”
“คือพี่เห็นวุฒิการศึกษาของโรสแล้วพี่ว่าโรสน่าจะทำงาน อย่างอื่นได้ดีกว่าแม่บ้าน”
“พี่หมายความว่ายังไงคะ”
“ตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ตอนนี้คือตำแหน่งเลขาเราประกาศรับสมัครและคัดเลือกคนไว้แล้ว ถ้าตามกำหนดเธอจะต้องมาทำงานเดือนหน้า แต่เจ้านายท่านเปลี่ยนการเดินทางกะทันหัน แล้วพี่ติดต่อเธอไม่ได้ก็เลยคิดว่าโรสน่าจะทำงานนี้แทนไปก่อนจนกว่าจะถึงวันที่เธอมาทำงาน”
“แต่โรสไม่ได้จบเลยมาด้านนี้เลยนะคะ โรสคงทำไม่ได้หรอก พี่น่าจะเรียกคนอื่นที่มีคุณสมบัติดีกว่าโรสมาทำงาน”
“คนอื่นเขาก็สมัครมาในตำแหน่งที่เขาจบมา จะให้มาทำงานเป็นเลขาก็คงไม่ดีเท่าไหร่เพราะถ้าเลขาตัวจริงมาก็ต้องย้ายกลับไปทำงานในตำแหน่งเดิม แต่ตำแหน่งแม่บ้านมันไม่ใช่ตำแหน่งที่ขาดแคลนสักเท่าไหร่ถ้าดึงโรสมาทำงาน”
“ส่วนเงินเดือนโรสก็จะได้เท่าตำแหน่งเลขา”
“แล้วถ้าเลขาคนใหม่มารสจะได้เป็นแม่บ้านเหมือนเดิมไหม”
“ถ้าโรสอยากจะไปทำตำแหน่งแม่บ้านตามที่มาสมัครก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่พี่อยากให้โรสช่วยเป็นเลขาให้เจ้านายก่อนสักสองอาทิตย์ได้ไหมล่ะ”
“ก็ได้ค่ะพี่นิ่ม แล้วโรสต้องทำยังไงบ้างคะ”
“โรสต้องไปเรียนรู้งานกับเลขาของท่านประธานคนก่อนระหว่างที่รอลูกชายของท่านประธานเข้ามารับตำแหน่ง โรสคิดว่าพอจะไหวไหมถ้าพี่จะให้โรสไปเรียนรู้งานตั้งแต่วันนี้เลย”
“พี่นิ่มคะ ถ้าเกิดวันนี้โรสไปเรียนรู้งานแล้วมันไม่ไหวจริงๆ พี่นิ่มหาคนอื่นได้ใช่ไหม โรสไม่อยากให้งานต้องสะดุดค่ะ”
“ได้สิ แต่โรสลองไปเรียนรู้งานกับคุณสุรีย์พรก่อนนะแล้วตอนเย็นพี่จะถามคุณสุรีย์พรอีกทีว่าพอจะไหวไหม พี่อยากให้โรสได้ทำงานอย่างเต็มที่ไม่ใช่ทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำงานนี้นะ พี่ถือว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วน่าจะมีความรับผิดชอบพอ”
“ถึงโรสจะไม่เคยทำมาก่อนและอยากจะทำงานเป็นแม่บ้าน แต่พี่มั่นใจให้โรสไปเรียนรู้งาน โรสก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ผลจะออกมาเป็นยังไงโรสไม่รับรองนะคะ”
“จ้ะ เดี๋ยวพี่จะพาโรสไปแนะนำให้รู้จักกับคุณสุรีย์พรนะ วันนี้โรสไม่ได้รีบกลับไปไหนใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามพี่มาเลย”
รติรสเดินตามคุณนงลักษณ์ไปยังอีกฝั่งหนึ่งของตึกซึ่งมีเป็นส่วนของผู้บริหารชั้นสูง
บริเวณหน้าห้องมีผู้หญิงคนหนึ่งอายุน่าจะเข้าวัยกลางคนนั่งทำงานอยู่
“สวัสดีค่ะพี่สุ นิ่มพาคนที่พอจะมีหน่วยก้านมาส่งให้พี่ช่วยฝึกหน่อยค่ะ ไม่รู้ว่าจะไหวไหม”
“สวัสดีค่ะ” รติรสยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีจ้ะ ไหนขอดูหน้าใกล้ๆ หน่อยสิ หน่วยก้านใช้ได้เลยหน้าตาก็สวย” สุรีย์พรมองหน้ารติรสแล้วรู้สึกคุ้นหน้ามากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เคยทำงานเป็นเลขามาก่อนหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะโรสเพิ่งเรียนจบ”
“หนูเรียนอะไรมาล่ะ”
“โรสจบบัญชีค่ะ ไม่รู้ว่าจะทำงานตำแหน่งเลขาได้มากน้อยแค่ไหน” รติรสเป็นกังวลเพราะกลัวทำงานได้ไม่ดีและจะกระทบกับการตามหามารดา
“ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ถ้าตั้งใจเรียนรู้เดี๋ยวพี่จะสอนงานให้เวลา เรายังมีเวลาเรียนรู้งานอีกหลายวัน คิดว่าตัวเองจะไหวไหม”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ โรสไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาทำตำแหน่งนี้”
“แล้วมาสมัครตำแหน่งอะไรล่ะ” คุณสุรีย์พรมองหน้าคุณนงลักษณ์หัวหน้าฝ่ายบุคคล
“แม่บ้านค่ะพี่สุ”
“อะไรนะ หน้าตาสะสวยแบบนี้มาสมัครตำแหน่งแม่บ้านเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงอยากทำงานตำแหน่งนั้น พี่ไม่ได้ว่าตำแหน่งนั้นมันไม่ดีหรือต้อยต่ำอะไรหรอกนะแต่ถ้าดูวุฒิการศึกษา แล้วหนูไม่น่าจะมาสมัครตำแหน่งนั้นเลย”
“โรสมีความจำเป็นบางอย่างค่ะ”
“บอกพี่มาก่อนได้ไหมว่ามีความจำเป็นอะไร”
“พี่สุอย่าบอกคนอื่นนะมันเป็นความลับ”
“พี่โตแล้วนะ ถ้าบอกว่าเป็นความลับพี่ก็จะไม่บอกคนอื่น”
“คือโรสมาสมัครทำงานตำแหน่งแม่บ้านเพราะอยากได้ข้อมูลไปเขียนนิยายค่ะ”
“อะไรนะมีแบบนี้ด้วยเหรอ”
“ก็โรสไม่รู้จะถามใครนี่คะ ก็เลยคิดว่ามาทำเป็นแม่บ้านและจะได้สังเกตการทำงานของคนได้ทั้งบริษัท น่าจะได้ข้อมูลเยอะมากๆ แน่เลยค่ะ”
“แต่พี่ว่าการเป็นเลขาก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นะ โรสก็เขียนนิยายเกี่ยวกับเจ้านายกับเลขาอะไรประมาณนั้นก็ได้ไง” สุรีย์พรสนับสนุนคนมีควาฝฝัน
“โรสไม่รู้เลยค่ะว่าตัวเองจะทำงานตำแหน่งเลขาได้ดีหรือเปล่า”
“เอาน่าเดี๋ยวพี่จะสอนให้เป็นเลขาที่เก่งเลยทีเดียว ว่าแต่โรสพอใช้ภาษาอังกฤษได้บ้างหรือเปล่า”
“พอได้ค่ะ”
“ถ้างั้นก็ดีเลยเพราะบริษัทเราต้องติดต่อกับต่างชาติเพื่อเผลอๆ โรสอาจจะติดใจตำแหน่งเลขาจนไม่อยากจะกลับไปทำงานตำแหน่งแม่บ้านเลยนะ ได้เงินเดือนก็เยอะกว่าพี่ว่ามันน่าสนใจมากๆ เลย” คุณสุรีย์พรพยายามโน้มน้าวเพราะรู้สึกว่ารติรสเป็นคนที่เหมาะสมมากๆ สำหรับการจะมาทำงานในตำแหน่งเลขาของท่านประธานคนใหม่