6 งานที่อยากทำ
หลังจากทดลองเดินทางไปบริษัทที่จะต้องไปทำงานมาสองวันแล้ว รติรสก็ตัดสินใจได้ว่าการนั่งรถเมล์ไปทำงานจะประหยัดเวลาเดินทางมากกว่าเพราะถ้าหากต้องขึ้นรถไฟฟ้าจะต้องเสียเวลาเดินขึ้นไปสถานีรถไฟฟ้าและบริษัทที่ตนเองทำงานก็อยู่ห่างสถานีรถไฟฟ้าพอสมควร ซึ่งถ้าหากนั่งรถเมล์รถก็จะจอดบริเวณหน้าบริษัทเลย ถึงแม้ผู้โดยสารจากค่อนข้างเยอะไปหน่อย แต่เธอก็อยู่ต้นสายจึงไม่ต้องลำบากยืนโหนรถเมล์
วันนี้ที่บริษัทมีการเรียกพนักงานใหม่เข้าไปชี้แจงกฎระเบียบต่างๆ ในเวลา 10 นาฬิกา แต่รติรสเตรียมตัวออกจากหอพักของเพื่อนตั้งแต่เช้า
“ไปก่อนสองชั่วโมงเลยเหรอโรส เช้าไปหรือเปล่า”
“โรสไม่อยากไปสายตั้งแต่วันแรก นันท์ล่ะจะออกไปพร้อมกันเลยไหม” รติรสถามเจ้าของห้องที่กำลังแต่งหน้าอย่างใจเย็น
“ไม่ล่ะวันนี้รุ่นพี่ที่ทำงานเขาจะแวะมารับ”
“รุ่นพี่แน่เหรอนันท์หรือว่าแฟน”
“อย่าเพิ่งเรียกว่าแฟนเลยโรส แค่ลองคุยกันได้ไม่กี่วันเอง”
“เขาเป็นรุ่นพี่ที่บริษัทเหรอ”
“อือ เขาทำงานก่อนนันท์ประมาณสองปี แต่เพิ่งมีโอกาสได้รู้จักกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง บ้านเขาอยู่เลยจากหอเราไปนิดหน่อย เห็นว่าไปทางเดียวกันแล้วเขาก็เลยอาสาจะมารับนะ”
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะไม่ต้องนั่งเบียดกับคนอื่นบนรถเมล์ไปทำงาน”
“แล้วโรสคิดว่าตัวเองไหวไหมล่ะ ที่นี่กับที่ทำงานไกลกันมากเลยนะ ที่นันท์ถามไม่ใช่ว่าไม่อยากให้โรสมาพักอยู่ด้วยนะ แต่ถ้าต้องทำงานจริงๆ และนั่งรถเมล์ไปทำงานโรสก็ต้องตื่นเช้ามากๆ”
“เมื่อวานโรสไปดูหอพักแถวที่ทำงานมาแล้ว จะว่างก็เดือนหน้าแต่โรสยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะลองถามหลายๆ ที่ก่อน”
“ดูหลายที่ก็ดีเหมือนกันจะได้เอาที่ถูกใจ”
“วันนี้หลังจากฟังการชี้แจงกฎระเบียบแล้วก็ไม่ได้เริ่มทำงานทันที บางทีอาจจะลองชวนเพื่อนที่มาเริ่มงานด้วยกันหาหอพักใกล้ๆ แถวนั้นอีกสักหน่อย”
“ถ้าได้เรื่องยังไงบอกนันท์ด้วยนะ”
“อือ ถ้างั้นโรสไปทำงานก่อนนะ แล้วเย็นนี้จะกลับมากินข้าวกับโรสหรือเปล่า”
“ก็ต้องกลับมากินข้าวกับโรสสิทำไมถามแบบนั้น”
“โรสก็นึกว่านันท์จะไปกินข้าวกับรุ่นพี่”
“ไม่หรอกตอนเย็นนันท์นั่งรถเมล์กลับคนเดียวพี่เขาอยู่ทำโอทีต่อนะ”
“ถ้าวันไหนพี่เขาไม่ทำโอทีพามาแนะนำให้โรสรู้จักบ้างสิ”
“รอให้คบกันก่อนนะโรส”
“เหมือนนันท์ยังไม่ค่อยแน่ใจ”
“อือ เราเพิ่งรู้จักเอง ไม่รู้ว่าจะคุยกันได้นานหรือเปล่า”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”
“ก็พี่เขาเป็นถึงรองผู้จัดการฝ่าย ส่วนเราเป็นแค่พนักงานธรรมดาเอง”
“กลัวว่าจะมีปัญหาในที่ทำงานเหรอนันท์”
“ก็ประมาณนั้น คนตำแหน่งสูงกับคนตำแหน่งต่ำกว่าคบกันคนอื่นเขาก็จะมองว่าเราเข้าหาเขาเพราะอยากจะเลื่อนตำแหน่ง”
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ถ้าเราไม่ได้เป็นแบบนั้นอย่าไปสนใจคำพูดของคนอื่นสิ”
“โรสพูดเหมือนพี่เขาเลยนะพี่เขาก็พูดแบบนี้เหมือนกัน แต่นันท์คงต้องดูให้ดี ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้หรอกเผื่อเขาอาจจะแอบมีแฟนไว้ที่อื่นเราไม่อยากไปเป็นมือที่สามของใคร เรามีโอกาสเลือกคนที่เหมาะสมกับเรา”
“ข้อนี้โรสเห็นด้วยเลยนะ เราเพิ่งอายุยี่สิบสองเอง ยังมีโอกาสเลือกผู้ชายอีกเยอะเอาไว้อายุสามสิบค่อยลดสเปกลงดีไหม”
“สามสิบเลยเหรอโรส”
“อือ โรสคิดว่าผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกมากกว่าแต่ก่อนเยอะถ้ามันไม่ใช่ก็ไม่ต้องทนให้เสียเวลา อยู่เป็นโสดไปแบบนี้แหละดีแล้ว”
“โรสพูดเหมือนไม่อยากมีแฟนเลยนะ”
“ไม่ใช่ไม่อยากมีแฟนหรอก แต่ตอนนี้ยังไม่อยากสนใจใครทั้งนั้นโรสอยากตามหาแม่ให้เจอก่อน”
“ดูเหมือนว่าโรสจะตั้งความหวังเรื่องแม่ไว้มากเลยใช่ไหม”
“ใช่จ้ะ โรสอยากรู้ว่าทำไมแม่ถึงหายไป เกิดอะไรขึ้นกับแม่กันแน่ โรสขอไปก่อนนะเดี๋ยวรถเมล์คนจะแน่น” หญิงสาวรีบโบกมือให้เพื่อนจากนั้นก็ลงจากหอพักเอามายังหน้าปากซอยแล้วนั่งรถเมล์คันที่ผ่านหน้าบริษัทพอดีหญิงสาวใช้เวลานั่งรถนานเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงหน้าบริษัท
เมื่อมาถึงรติรสก็ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องประชุมของบริษัทตามที่ได้รับรายละเอียดจากอีเมลของฝ่ายบุคคลที่แจ้งให้พนักงานใหม่ไปรวมกันที่นั่น
รติรสนั่งลงข้างๆ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูอายุน่าจะใกล้เคียงกัน
“สวัสดีจ้ะเราชื่อโรสนะ เธอชื่ออะไร”
“เราชื่อส้มจ้ะ” ส้มหรือกัญญารัตน์ตอบพร้อมกับยิ้มเป็นมิตร
“ส้มมาสมัครงานแผนกอะไร”
“ส้มมาเป็นฝ่ายบุคคลน่ะ แล้วโรสล่ะ”
“โรสมาสมัครตำแหน่งแม่บ้าน”
“ตำแหน่งแม่บ้านทำไมแต่งตัวดีจังล่ะ” กัญญารัตน์มองรติรสที่สวมเสื้อเชิ้ตพอดีตัวกับกระโปรงทรงเอและรองเท้าคัทชูดูเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไป ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่จะมาทำงานตำแหน่งแม่บ้านเลยแม่แต่น้อย
“ก็วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศโรสก็ต้องแต่งตัวให้ดูดีหน่อย”
“ขอโทษนะโรสจบอะไรมาถึงมาเป็นแม่บ้าน ส้มดูแล้วน่าจะเรียนมาสูงอยู่นะ” หญิงสาวถามด้วยความไม่แน่ใจเพราะดูรูปร่างหน้าตาผิวพรรณแล้วเธอไม่เหมาะเลยที่จะมาทำงานในตำแหน่งแม่บ้าน
“โรสเรียนจบบัญชีมาน่ะ”
“อ้าวเรียนจบบัญชีแล้วทำไมมาสมัครตำแหน่งแม่บ้าน”
“ก็อยากหาอะไรที่มันท้าทายทำสักหน่อยนะ ว่าจะทำแม่บ้านสักปีสองปี แล้วค่อยไปสมัครตำแหน่งที่ตนเองเรียนมาน่ะ”
“โรสนี่แปลกคนจังเลยนะ แสดงว่าที่บ้านไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินใช่ไหม”
“ก็ประมาณนั้นแหละ อีกอย่างโรสมาทำตำแหน่งแม่บ้านก็อยากจะได้ข้อมูลไปเขียนนิยายด้วยนะ เพราะตำแหน่งนี้สามารถคุยกับคุณได้ทุกคนในบริษัท” หญิงสาวโกหกคำโตเพราะกลัวว่าจะถูกสงสัย
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง เหมือนในละครเลยเนอะที่นางเอกปลอมตัวไปเป็นแม่บ้านหรือบางครั้งก็ปลอมตัวไปสมัครงานในบริษัทต่างๆเพื่อจะหาข้อมูลมาเขียนนิยาย”
“อือ..ประมาณนั้นแหละโรสค่อนข้างจะเพ้อฝันนิดหน่อย”
“แต่ก็ดีนะได้ทำตามความต้องการของตนเองไม่เหมือนส้มหรอกจบมาก็ต้องรีบทำงาน แล้วโรสพักอยู่ที่ไหนล่ะ”
“โรสพักอยู่กับเพื่อน แต่หอพักอยู่ไกลเหมือนมากว่าจะลองหาใกล้ๆ แถวนี้ดูสักหน่อยแล้วส้มล่ะ”
“ส้มเช่าหออยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
“ค่าห้องเป็นยังไงบ้าง”
“ค่าหอสามพันห้าเองนะไม่แพงเลย แต่ห้องมันเล็กไปนิด”
“ยังมีห้องว่างอีกไหม” รติรสเริ่มมาสนใจเพราะราคานี้ค่อนข้างโอเคสำหรับแม่บ้านที่เงินเดือนหมื่นนิดๆ อย่างเธอ
“ก็พอมีห้องว่างอยู่นะ มีทั้งห้องพัดลมและห้องแอร์ ถ้าเป็นห้องพัดลมราคาก็จะถูกกว่านี้ แต่ถ้าบ้านโรสไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน ส้มว่าเอาเป็นห้องแอร์เถอะอากาศกรุงเทพมันร้อนมากๆ ถ้าสนใจจริงๆอบรมเสร็จจะตามส้มไปดูที่หอพักก็ได้นะ”
“ไปยากไหม”
“ไม่เลย แค่เดินเลาะไปทางซอยด้านหลังไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงห้องพักแล้ว”
“จริงเหรอมันอยู่ใกล้มากๆ เลยนะ”
“ใช้มันใกล้มากแต่คนไม่ค่อยพักหรอกเพราะห้องมันแคบน่ะ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราแล้วราคานี้ก็ถือว่าโอเค เราอยู่หอเฉพาะตอนกลางคืนตอนกลางวันก็มาทำงานค่าไฟก็คงไม่เท่าไหร่หรอกอีกอย่างมันค่อนข้างปลอดภัยหอนี้มีแต่ผู้หญิงพักทั้งนั้น แม้แต่คนดูแลก็เป็นผู้หญิง” กัญญารัตน์อธิบาย
“น่าสนใจมากเลย ถ้าเสร็จจากนี่แล้วโรสจะตามส้มไปดูนะ ส้มไม่มีธุระไปทำอะไรที่ไหนใช่ไหม”
“ไม่หรอก ถ้าได้พักที่เดียวกันก็ดีนะเพราะส้มก็ไม่ค่อยมีเพื่อนที่ไหนเลย”
“อือ โรสก็ว่าดีเหมือนกัน”