หญิงอุ่นเตียงชั้นต่ำ
พูดจาอย่างกับหนุ่มน้อยเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มที่เคยมีความรักเป็นครั้งแรกกับสาวน้อยแรกแย้ม ทั้งที่ล่วงเข้าวัยชราที่ควรหันหน้าเข้าหาธรรมะแล้ว
ทั้งคู่คิดแบบนั้น เคราะห์ดีที่ไม่ได้พูดมันออกมาเพื่อหักหาญน้ำใจผู้เป็นบิดา
ทั้งคู่ยกมือขึ้นเสยผมยาวประบ่าที่เปียกชื้นให้แนบลู่ไปกับศีรษะ เผยให้เห็นใบหน้าคมสันหล่อเหลาอย่างชัดเจนมากขึ้น ก่อนจะใช้สายตากวาดมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
สายตาเช่นนั้นทำให้นางตัวชาวาบ มันแสดงถึงความดูหมิ่นหยามเหยียดจนปิดไม่มิด
“ หญิงอุ่นเตียงชั้นต่ำ ” หลิวจางผู้พี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยามเหยียด นั่นทำให้รอยยิ้มเหือดหายไปจากใบหน้าเหี่ยวย่นของบิดาอย่างรวดเร็ว
“ พ่อยกย่องนางเป็นภรรยา มิได้อยู่ในฐานะอุ่นเตียงแต่อย่างใด ”
“ อายุเท่าไรกันเชียว น้อยกว่าพวกข้าด้วยกระมัง คงจะเป็นประเภทที่คอยจับพวกชายแก่ตัณหากลับแล้วเพื่อหวังสบายทางลัดล่ะสิ ท่านพ่อมิเกรงคำติฉินนินทาบ่าวไพร่และผู้คนบ้างหรืออย่างไรว่าจับหญิงข้างถนนคราวลูกมาทำเมีย ”
ความอดทนของผู้เป็นบิดาขาดผึงทันที !
“ บังอาจ ! นางได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยงของเจ้า พูดจาอะไรรู้จักให้เกียรติด้วย สองเดือนที่ผ่านมานางก็ดูแลพ่อ ดูแลบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีไม่เคยขาดตกบกพร่อง ไม่เคยร้องขออะไรสักอย่าง พวกเจ้าไม่รู้อะไรก็อย่าพูดไปตามความคะนองของปาก ใช้อารมณ์มากกว่าความคิด ”
“ พวกเราไม่ยอมรับนาง ” เหรินโจวผู้น้องพูดขึ้นบ้าง นั่นทำให้ดวงตากลมหวานฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำรื้นคลอหน่วยทันที
นางเคยได้ยินปัญหาแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงมามากพอดูว่าบางครั้งก็ยากนักที่จะญาติดีกันได้ แต่นางคิดไว้ว่าจะพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้ท่านเศรษฐีสบายใจและมีความสุข แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะร้ายกาจเพียงนี้
ทว่านางก็ต้องเข้มแข็ง...
“ คารวะคุณชายทั้งสองเจ้าค่ะ ” นางสะกดจิตสะกดใจเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน ทว่าพวกเขาก็มิได้ตอบกลับใด ๆ นั่นทำให้ผู้เป็นบิดาสุดจะทน
“ พวกเจ้านี่ช่างไร้มารยาทเสียจริง ”
“ คงเป็นเพราะว่าขณะนี้พวกข้าไม่มีตัวอย่างที่ดีไว้คอยเป็นแบบอย่างกระมัง มารดาที่คอยสอนสั่งก็มาจากไปด้วยความโดดเดี่ยวเพราะบิดาไม่เคยใส่ใจแม้จะป่วยหนักก็ตามที พวกข้าก็เลยกลายเป็นพวกชั้นต่ำ แต่ก็ไม่แน่นะ ท่านพ่ออาจจะชอบก็ได้ ความชั้นต่ำนั้นมันจะได้เข้ากับฮูหยินคนใหม่ของท่านอย่างไรเล่า ”
เพี้ยะ !
ฝ่ามือของผู้เป็นบิดาฟาดลงบนเสี้ยวหน้าหนึ่งของบุตรชายคนโตอย่างเหลือจะทน
“ พวกเจ้าควรจะรู้จักเปิดใจรับความจริงเสียบ้าง รู้จักโตกันเสียที ไม่ใช่ตัดสินผู้คนจากความคิดฝั่งชั่วของตนเพียงอย่างเดียว ” ท่านเศรษฐีว่าก่อนจะฉวยข้อมือของฮูหยินแล้วลากออกไปจากที่นั่น
ทว่านางก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองชายหนุ่มทั้งคู่ ที่ผู้น้องรีบไถ่ถามผู้พี่อย่างห่วงใย ริมฝีปากผู้พี่ที่ถูกตบนั้นมีโลหิตสีแดงไหลซึมออกมาด้วยฟันกระทบกับกระพุ้งแก้ม
ดวงตาคมกล้าทั้งสองคู่จ้องมองมายังนางด้วยความเกลียดชังเหลือเกิน !
***
ดึกสงัด
จะเป็นเวลาใดแล้ว เหนียงฮุ่ยฟางก็มิอาจรู้ได้ ท่านเศรษฐีหงผู้เป็นสามีนั้นหลับไปนานแล้ว หากแต่นางยังลืมตาโพลงอยู่ในความมืดสลัว
นางหวาดกลัวเหลือเกินกับสิ่งที่พบเจอในวันนี้ บุตรชายทั้งคู่ของท่าน อันได้ชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยงของนางนั้นตั้งท่าเปิดศึกรังเกียจรังชังอย่างเห็นได้ชัด
ฮุ่ยฟางยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลย้อยออกทางหางตาอย่างสุดจะกลั้น เหตุใดหญิงสาววัยสิบแปดเช่นนางจักต้องพานพบอุปสรรคในชีวิตอยู่ร่ำไป เมื่อไรจะพบความสุขสงบเสียทีหนอ
ฮุ่ยฟางกำพร้าบิดามารดาแต่เด็ก พวกเขาเสียชีวิตด้วยโรคร้าย ท่านป้าของนางที่สูญเสียสามีตั้งแต่แต่งกันได้เพียงสองปีและไม่มีลูก ครองตัวเป็นโสด จึงได้รับนางไปอุปการะเลี้ยงลูกตั้งแต่บัดนั้น