บทที่1. ความลับ!!...
“คุณจอม!” ชายหนุ่มกล่าวย้ำ เขายิ้มเหยียดเมื่อมัลลิการีบเปลี่ยนสรรพนามการเรียกขานเขาทันที
“ค่ะ คุณจอม...” เรียวคิ้วเข้มขมวดเป็นปม...เขามองอาการหวาดกลัวนั้น ด้วยความกังขา จริงอยู่ว่ามัลลิกาจะกลัวเขามากกว่าใครๆ บ้าน แต่อาการรนรานแบบนี้ มันแปลกตา เมื่อหล่อนแสดงความหวาดกลัวการเข้าใกล้เขา
จอมทัพลองขยับเข้าใกล้ และเป็นจริงดังคาด ขนาดหล่อนไม่ได้มองเขาตรงๆ เรียวขาคู่นั่นขยับถอยหลัง ทุกครั้งที่เขาขยับเข้าใกล้
“เธอรู้แล้วซิ?”
ชายหนุ่มลองเชิง...เขาเห็นอาการสะดุ้งสุดตัวของมัลลิกา รอยยิ้มเหยียดๆ แต้มมุมปาก แม่เด็กสอดรู้นี่คงได้ยินตอนที่เขาอาละวาดกับอาม่า...ก็ดี! หล่อนจะได้รู้ตัวซักที เห็นท่าทางวางโตเป็นคุณหนูที่มีคนยกย่อง แล้วอดหมั้นไส้ไม่ได้ แค่กาฝากทำท่าผยอง เห็นแล้วมันขัดนัยน์ตา
มือเรียวกำกรรไกรตัดกิ่งไม้จนแน่น...ก้มหน้าปลายคางวางอยู่เหนือเนินอก เสียงหัวใจเต้นถี่รัวจนมัลลิกาเกรงว่าจอมทัพจะพลอยได้ยินด้วย มันสั่นประสาทมากมายเสียจนอยากจะเป็นลมหนีสภาพน่าอึดอัดนี่ไปเสียเลย
ใบหน้าเล็กๆ ขยับเคลื่อนไหวขึ้นลง เป็นการยอมรับแบบกลายๆ
“ฉันไม่ได้อะไรกับเธอหรอกนะ พ่อ-แม่ฉันอยากทำบุญ ฉันก็ไม่ขัดศัทธา แต่ที่เธอได้ไปมันเกินตัว...หากจะให้ดี คืนของ ของฉันมา แล้วเธอจะไสหัวไปที่ไหนก็ตามใจเธอ”
จอมทัพไม่ได้นึกเวทนามัลลิกาเหมือนคนอื่น เขาหมั้นไส้ท่าทางสนิมสร้อยของเจ้าหล่อน ยิ่งเห็นยิ่งหมั้นไส้ จนอยากจะให้หายไปจากสายตา มันคันยิบๆ ในใจ ขัดใจจนอยากจะออกปากไล่หลายครั้ง หล่อนพยายามทำดีด้วย แต่เขาไม่สนิทใจ เมื่อหล่อนไม่ใช่พี่ ไม่ใช่น้อง
มัลลิกากัดอุ้งปากล่างจนเจ็บ “ลิกาไม่อยากได้ค่ะ ลิกาจะเรียนคุณพ่อเอง”
น้ำตาซึมเอ่อเกือบล้น จนหญิงสาวต้องเงยหน้า กระพริบเปลือกตาถี่ๆ ไล่เงาน้ำตาที่เอ่อท้นขึ้นมา
สายตาคมดุมองผ่านใบหน้าหวานไปแบบไม่สนใจ การแสดงละครของหล่อน ไม่ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือน บทบาทเจ้าน้ำตานั่น เขาเห็นจนคุ้น รอยน้ำตานั่นก็เช่นกัน ไม่สามารถทำให้เขาใจอ่อนลงได้ เมื่อของ ของเขา ควรอยู่กับเขา ไม่ใช่ให้หล่อนครอบครอง...
“มันต้องแบบนั้นอยู่แล้ว...หล่อนเป็นใคร! อย่าสะเออะนักเลย”
ชายหนุ่มกระแทกเสียงใส่ เขาเดินเฉียดหน้าหล่อน จนมัลลิกาผงะ หล่อนเกือบหงายหลัง ดีทว่าจอมทัพตะครุบหล่อนไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้น กอดอกไม้คงแหลกยับ เมื่อน้ำหนักตัวหล่อนไม่ใช่น้อย
จอมทัพรีบผลักหญิงสาวออกจากอ้อมแขน มันอุ่นวาบในหัวใจ! จนหัวใจเจ้ากรรมเต้นผิดจังหวะ เขาหนุ่มสบถเบาๆ ก่อนจะรีบเดินหายไปอีกทาง
“บ้าชิบ!”
มัลลิกากระพริบเปลือกตาปริบๆ หัวใจเจ้ากรรมเต้นถี่รัว สติเธอหลุดลอยไปไกล และยังไม่กลับมา ผ่านไปหลายนาที เธอเพิ่งจะได้สติ ทันได้เห็นแค่เพียงแผ่นหลังของจอมทัพ หายลับเข้าใต้ชายคาบ้านบุษยารักไป...
ก้อนเมฆสีขาวลอยเรี่ยอยู่ใต้ปีกเครื่องบิน...ขุนทัพจ้องมองนิ่งๆ ผ่านบานหน้าต่างที่ตนเองนั่งพิงอยู่ ความคิดล่องลอยไปไกลแสนไกล วนเวียนไม่ไกลจากตัวบ้านบุษยารักเท่าไหร่ กับเด็กสาวอายุ14ปี ที่ร่ำไห้จนผิวแก้มแดงก่ำ ในวันที่เข้าต้องออกเดินทาง
ขุนทัพจำได้ว่าเขากอดปลอบขวัญจนน้องสาวคนเล็กหายจากอาการเศร้าหมอง คำพูดปลอบโยนอ่อนโยนเสนาะหู และหากฟังดีๆ จะรู้ถึงความนัยนั่น
“อย่าดื้อ อย่าซนนะคะ รอพี่ขุนกลับมาล่ะลิกา”
ผิวแก้มหนุ่มรุ่นร้อนวาบ เมื่อมองเห็นสายตารู้ทันของบุพกาลี
ขุนทัพอดอมยิ้มไม่ได้ เมื่อคำตอบที่ได้ยินถูกใจตนเองยิ่งนัก
‘ลิกาจะเป็นเด็กดี รอพี่ขุนคนเดียวค่ะ’
คำสัญญาประสาเด็ก ขุนทัพไม่รู้ว่ามัลลิกาจะยังจำได้ไหม เขาจากบ้านไปเกือบ10ปี พยายามกลับบ้านให้น้อยครั้งที่สุด เมื่อหัวใจตนเองคอยจะดื้อ เมื่อไม่อยากห่างน้องสาวคนเล็กเลยซักนิด ขุนทัพรู้ว่ามัลลิกาไม่ใช่น้องแท้ๆ ของตนเอง ช่วงที่เขาเริ่มเป็นหนุ่มรุ่นกระทง ความรู้สึกแปลกๆ นั่นเกิดขึ้น จนทำให้เขาไม่เป็นอันกินอันนอน หัวใจมันร้อนรุ่ม ยามเห็นเด็กผู้ชายคนอื่น ให้ความสนใจมัลลิกา เขาพยายามอยู่ห่างๆ เมื่อเกิดความคิดอกุศล...คิดนอกลู่นอกทางกับน้องสาวตนเอง และความกลัดกลุ้มของเขา อยู่ในสายตาของผู้ให้กำเนิด...
ท่านยอมเปิดปาก เล่าความลับให้เขาฟัง ขุนทัพเลยสบายใจขึ้น เขารับปากบิดา จะไม่แสดงตัวจนกว่าจะถึงวันที่มีความรับผิดชอบมากพอ วันที่เหมาะสม ท่านจะเปิดเผยความจริงให้มัลลิการู้เอง