แม่สาวขาโหด Vs พ่อหนุ่มโรคจิต (50%)
“แล้วก็อย่าให้ไอ้ฟรานมันจับได้ล่ะ” ถึงแม้ว่าแผนการจะสำเร็จลุล่วงไปกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นแล้วแต่ราฟาลก็ไม่ไว้ใจคนรอบจัดอย่างอดีตเพื่อนรักอยู่ดี
“เรื่องนั้นนายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ กว่ามันจะรู้ตัวว่าเราเอาอาวุธของมันไปพัฒนา เราก็คงขายอาวุธไปจนจะเกลี้ยงแล้วครับ” บอกเจ้านายด้วยท่าทางมั่นใจ เพราะเครือข่ายที่สร้างไว้ต่างทำงานอย่างรวดเร็วในตลาดมืด
“ดีมาก ฮ่าๆๆ” ราฟาลระเบิดเสียงหัวเราะลั่น ชนแก้วกับลูกน้องด้วยท่าทางอารมณ์ดี เพียงแค่คิดถึงความสำเร็จที่จะนำพามาซึ่งเงินตราและอำนาจเขาก็มีความสุขมากล้น และอีกไม่นานเขาก็จะก้าวขึ้นมาผงาดเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจค้าอาวุธแทนฟรานเชเซียส
“เอ่อ…ผมลืมบอกนายอีกเรื่องครับ เมื่อเช้านี้ไอ้เอ็ดเวิร์ดมันขับรถตามผมมา แต่ผมไหวตัวทันหลอกล่อจนมันหลงทางเสียก่อน”
“ไอ้เวรเอ๊ย ที่กูเตือนมันเมื่อคราวก่อน มันยังไม่สำนึกอีกเหรอวะ” เสียงห้าวกระด้างสบถลั่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยแรงโทสะที่กำลังแล่นมาจุกอก
“แล้วนายจะปล่อยไว้อย่างนี้เหรอครับ ผมเกรงว่ามันจะล่วงรู้ถึงแผนการของเรา” ถึงแม้ว่าเอ็ดเวิร์ดจะดูไม่มีพิษสงอะไรแต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะช่วงนี้น้องชายบุญธรรมของเจ้านายมีพฤติกรรมชวนให้น่าสงสัยอยู่หลายอย่าง
“รอดูท่าทีมันไปก่อน แต่ถ้ามันยังสาระแนไม่เข้าเรื่องก็เก็บมันซะ กะอีแค่ลูกเสือลูกตะเข้ที่พ่อเลี้ยงเอาไว้ฉันไม่แยแสอยู่แล้ว” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมสั่งด้วยสีหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก ที่เขาทำดีกับเอ็ดเวิร์ดตั้งแต่เล็กจนโต ก็แค่หลอกใช้มันให้เป็นประโยชน์ เอ็ดเวิร์ดไม่ใช่น้องชายเขาแต่เป็นเหมือนสนุขรับใช้ตัวหนึ่งต่างหากล่ะ
“ผมจะให้คนจับตาดูมันตลอดเลยครับช่วงนี้”
“เอ่อ…นายครับ คนของท่านนายพลกอร์ดอนติดต่อมาแล้วนะครับ บอกว่าถ้าเราทำให้ท่านได้งานประมูล ท่านจะให้ค่าตอบแทนตามที่นายเคยเสนอไปครับ”
“งั้นตอบรับไป และบอกท่านว่าอีกไม่นานเกินรอ”
งานประมูลที่ว่าคือการรับเหมาก่อสร้างบ้านที่ทางรัฐบาลจัดทำขึ้นสำหรับผู้ยากไร้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อจราจลในเมืองนิวเจอร์ซีย์ และจะมีการเปิดประมูลก็ต่อเมื่อปัญหาลุกลามหนักขึ้นไปอีก ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับคนที่มีอาวุธเถื่อนในมืออย่างราฟาล แค่เขาสั่งการให้คนไปก่อความวุ่นวาย เผาและทำลายจนแผ่นดินแทบลุกเป็นไฟ แล้วสั่งให้ไปก่อม็อบประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันรุ่งขึ้น ขี้คร้านทางการจะออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยการเร่งจัดสรรงบประมาณ
“ครับนาย” ค้อมหัวให้เจ้านายเล็กน้อยพร้อมแสยะยิ้ม
“แล้วของที่ลูกค้าต้องการ แกเตรียมไว้เรียบร้อยหรือยัง” ราฟาลถามไปถึงอาวุธสงครามล็อตใหญ่ที่มาเฟียเม็กซิโกติดต่อมาว่าต้องการ ซึ่งเขาจะลักลอบเอามันออกมาจากบริษัทของฟรานเชเซียสโดยได้รับความร่วมมือจากลูกน้องเก่าคนหนึ่ง และหลังจากนี้ราฟาลก็จะวางมือจากโบลาโกนี กรุ๊ป เป็นการถาวร
“ทุกอย่างตรวจเช็คเรียบร้อยแล้วครับ” ของทุกอย่างได้ครบตามรายการโดยให้เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำสินค้าออกจากโรงงานเขียนรายงานว่าสินค้าล็อตนี้จะถูกลำเลียงไปยังกองทัพของรัสเซีย แต่หากโดนตรวจสอบก็ให้แจ้งไปว่าการผลิตในล็อตที่แล้วเกิดของเสีย
“ดีมาก อีกสองอาทิตย์เตรียมนำมาเก็บไว้ที่นี่ และอย่าให้พลาดล่ะ” ราฟาลย้ำเตือนอีกหน เพราะส่วนแบ่งในครั้งนี้มีมูลค่ามหาศาลเขาจึงค่อนข้างที่จะต้องการความแม่นยำ ถึงแม้ว่าอาวุธทุกอย่างจะตีทะเบียนอย่างถูกกฎหมายแต่หากโดนตำรวจตรวจสอบก็อาจจะต้องแจ้งไปยังเจ้าของบริษัท และนั่นก็หมายความว่าฟรานเชเซียสจะรู้ความจริงว่าเขากำลังทรยศหักหลังอยู่
“เรื่องนั้นนายไว้ใจได้ครับ แล้วจะให้ใช้เส้นทางการลำเลียงเดิมไหมครับ” ท้ายประโยคลูกน้องถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลนิดๆ เพราะครั้งที่แล้วก็หวุดหวิดกับด่านตรวจของตำรวจ
“เดี๋ยวนายพลกอร์ดอนจะส่งเวลาและแผนที่การเดินทางมาให้” พูดจบก็ยกแก้วแชมเปญขึ้นจิบด้วยท่าทีแสนสบาย การได้ร่วมงานกับคนใหญ่คนโตทำให้ทุกอย่างดูราบรื่นจนเขาแทบไม่ต้องทำอะไร ลูกค้าก็ไม่ต้องหา จะมีก็แต่เอาความลับเกี่ยวกับการผลิตอาวุธในคลังแสงของฟรานเชเซียสมาใช้ในโรงงานผลิตอาวุธของตนเท่านั้น
“เอ่อ…นายครับ ผมลืมบอกนายไปว่า ตั้งแต่เกิดเหตุจราจลครั้งที่แล้วอาวุธของเราขายดีมากเลยครับ ออร์เดอร์จากทั้งลูกค้ารายย่อยและรายใหญ่เข้ามาเพียบ แถมยังมีลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาอีกจำนวนมาก” คำรายงานจากปากลูกน้องทำให้ราฟาลเผยยิ้มกว้าง
“นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ แกไปบอกให้คนของเราเร่งมือผลิตอาวุธเลยนะ เพราะการทำให้ท่านนายพลสมหวังในครั้งนี้ เราจะได้ทั้งเงินและผลประโยชน์เข้าตัวเต็มๆ เปา”
นอกจากได้ค่าเหนื่อยงามๆ จากนายพลกอร์ดอนแล้ว ราฟาลคาดการณ์ว่าการก่อจราจล ควบคู่ไปกับการก่ออาชญากรรมโดยการปล้น ฆ่าและชิงทรัพย์ทั่วทั้งรัฐในครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนขี้ขลาดตาขาวทั้งหลายแห่แหนออกมาหาซื้ออาวุธป้องกันตัว และในเมื่ออาวุธไม่มีขายในท้องตลาดเพราะนโยบายควบคุมอย่างเคร่งครัดและมีโครงการรับซื้อปืนผิดกฎหมายจากเจ้าของที่มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่มีการสอบถามถึงที่มา ทำให้ผู้คนอาวุธขาดมือตั้งแต่เมื่อต้นปี และคนเหล่านั้นก็ต้องมาหาซื้ออาวุธราคาแพงในตลาดมืดด้วยความจำใจ เพราะต่างก็รักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น แล้วอย่างนี้เงินจะไปไหนถ้าไม่ใช่หลั่งไหลมาเข้ากระเป๋าของเขา
“ได้ครับนาย” ค้อมหัวรับคำด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างจากผู้เป็นเจ้านาย
“ไปฉลองให้กับความสำเร็จกันหน่อย อีกไม่นานฉันก็จะรวยแล้วโว้ย” ราฟาลพูดกลั้วหัวเราะด้วยความพอใจสุดขีด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง ร่างสูงใหญ่เดินนำไปอีกโซนที่แยกออกจากห้องทดลอง จนมาหยุดลงที่บริเวณม่านน้ำตกเอื้อมมือฝ่าสายน้ำเข้าไปกดปุ่มที่ซ่อนอยู่ในซอกหิน ทันใดนั้นบานประตูก็เลื่อนออก แล้วสวรรค์บนดินก็มาอยู่เบื้องหน้า ที่นี่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไป ยกเว้นแขกที่ได้รับเชิญและลูกน้องคนสนิทเท่านั้น
ปัญหาการก่อจราจลในนิวเจอร์ซีย์หายไปพักใหญ่ๆ และกลับมาโหมกระพือความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มีการก่ออาชญากรรมร่วมด้วย โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้กระจายไปในทั่วทุกหัวมุมเมืองในรัฐนิวเจอร์ซีย์ อีกทั้งมีการลอบยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่รัฐ เดือดร้อนให้ทางตำรวจต้องนำกองกำลังออกมาปราบปรามอย่างเร่งด่วน และยังต้องขอกำลังเสริมจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (SWAT) ในการค้นหาอาวุธและวัตถุระเบิด
ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ากลุ่มคนชั่วต้องการสร้างสถานการณ์เพื่อหวังดึงความสนใจตำรวจ แล้วพวกมันจะฉวยโอกาสกระทำการชั่วช้าบางประการ แต่ทางตำรวจก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะชีวิตประชาชนไม่ใช่ผักปลา จึงต้องทำการวางกำลังสกัดกั้นในทุกหัวมุมเมือง แต่ยิ่งออกมาปราบปรามกลุ่มผู้ก่อจราจลก็ยิ่งเหมือนมีอาวุธในมือเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ทวิชาต้องออกปฏิบัติการเป็นนางนกต่ออย่างที่เคยวางแผนกันไว้ตั้งแต่ต้น เธอต้องแฝงตัวเข้าไปทำงานในฐานะนักวิทยาศาสตร์สาวหัวกระทิตามที่ทางบริษัทโบลาโกนี กรุ๊ปได้ประกาศรับสมัครในหน้าอินเตอร์เน็ต
เนื่องจากฟรานเชเซียสอยากได้คนที่พร้อมจะร่วมทำงานกับทางบริษัทด้วยใจรัก ไม่ใช่ต้องไปทาบทามหรือซื้อตัวเหมือนอย่างที่ผ่านมา จึงลองประกาศรับสมัครผ่านสื่อออนไลน์ และนั่นก็เข้าทางกรมตำรวจ ที่คอยติดตามดูความ เคลื่อนไหวของเขาอยู่ตลอดเวลา จึงรีบจัดการทำประวัติปลอมของทวิชาขึ้นมาอย่างเร่งด่วน แล้วส่งไปให้ทางโบลาโกนี กรุ๊ปพิจารณา หลังจากนั้นเพียงหนึ่งวันก็ได้รับการติดต่อมาว่าให้ไปสัมภาษณ์ สองวันให้หลังหญิงสาวก็ถูกเรียกตัวเข้าไปทำงาน ซึ่งทวิชาจะต้องปรับลุ๊คตัวเองใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นการสวมแว่นตาหนาเตอะ และใส่เสื้อผ้าแสนเชย เพื่อให้เข้ากับบุคลิกนักวิทยาศาสตร์ผู้คงแก่เรียน
“ยังไม่กลับอีกเหรอ” ฝ่ามือวางทาบลงตรงไหล่มน พร้อมกับคำเอ่ยทักที่แทรกขึ้นมาในความเงียบ ทำให้เจ้าของร่างบางที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ตกใจจนสะดุ้งโหยง เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากแม่สาวผิวสีที่ยืนอยู่เบื้องหลังได้เป็นอย่างดี พอหันกลับมาดูก็ปรากฏว่าเป็นเพื่อนร่วมงานใหม่ของเธอนั่นเอง
“ยัง” ตอบอย่างสั้นๆ ทว่าได้ใจความ ตั้งแต่มาสวมบทบาทนักวิทยาศาสตร์สาวจอมอัจฉริยะ ผู้ซึ่งมีบุคลิกเรียบร้อยราวผ้าพับไว้ นามว่าวิทนีย์ แฮมเวิร์ด แม่สาวขาโหดก็กลายเป็นคนประหยัดคำพูดไปโดยปริยาย
“แล้วเย็นนี้เธอจะไปปาร์ตี้ไหม” แม่สาวผิวดำที่มาจากรัฐเท็กซัสถามด้วยความกระตือรือร้น เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอยังไม่เคยออกไปเที่ยวกลางคืนเลยสักครั้ง
“ไม่ล่ะ ฉันมีธุระ” ทวิชาตอบด้วยน้ำเสียงน่าฟัง พร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
“โอเค งั้นฉันกลับล่ะ” อีกฝ่ายยักไหล่ เพราะไม่กล้าที่จะตื๊อต่อไป เนื่องด้วยว่าทั้งคู่เพิ่งจะรู้จักกันเพียงอาทิตย์เดียว อีกอย่างทวิชาก็มักแสดงให้ทุกคนเห็นเสมอว่าเธอมีโลกส่วนตัวสูงไม่ชอบสุงสิงกับใคร
“บายจ้ะ” ส่งยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่ออีกฝ่ายหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่เซ้าซี้อะไรไปมากกว่านี้
“ทางสะดวก” แม่สาวขาโหดคลี่ยิ้มอ่อนหวานพร้อมพึมพำอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าทำไมทวิชาถึงได้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องกับภารกิจในครั้งนี้ จนอยากจะรีบปฏิบัติการให้มันเสร็จสิ้นเร็วๆ
จากนั้นก็นั่งเจาะเข้าระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดของบริษัท เพราะอย่างอื่นนั้นเธอได้ทำมาหมดแล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลาการเริ่มงานใหม่ในหนึ่งอาทิตย์ หญิงสาวก็งัดเอาความรู้เกี่ยวกับอาวุธมาใช้ขัดตาทัพไปก่อน แต่ถือว่าโชคเข้าข้างเพราะยังไม่ได้ลงรายละเอียดไปถึงการผลิต พอเวลาว่างทวิชาก็ทำการสำรวจทุกซอกทุกมุมของคลังแสงโบลาโกนี และวางแผนตัดสัญญาณกล้องวงจรปิดทุกจุดที่อยู่บริเวณนั้น
หนึ่งอาทิตย์ถัดมา
“เสร็จฉันล่ะ” เรียวปากสีกุหลาบผุดรอยยิ้มเก๋ เมื่อทางสะดวกในจังหวะที่มีการผลัดเปลี่ยนเวรยามในช่วงเวลาสั้นๆ ร่างระหงก็ผลุบหายเข้าไปในห้องเก็บข้อมูลลับของบริษัทอย่างเร็วจี๋
แต่หารู้ไม่ว่ามีเซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อน ที่ยึดเอาอุณหภูมิของร่างกายมนุษย์เป็นหลัก ฝังอยู่ที่ลูกบิดของประตูบานใหญ่ พอเธอเอื้อมมือแตะเข้าเพียงนิดสัญญาณก็ถูกส่งไปยังห้องทำงานของท่านประธานใหญ่ ทำให้แฟรงค์รู้ได้ทันทีว่ามีผู้ลักลอบเข้าห้องเก็บข้อมูลลับ
เลขาฯ หนุ่มวิ่งหน้าตั้งออกมาจากห้องทำงานของเจ้านาย พลางตะโกนเรียกลูกน้องให้ตามมาอีกเป็นขโยง พร้อมอาวุธในมือครบครัน ซึ่งขณะนั้นคนไม่รู้ว่าชะตาตัวเองจะขาดก็ไม่นึกเฉลียวใจเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ดี (ค่อนข้างมั่นใจ) ว่าลูกน้องของฟรานเชเซียสจะไม่ย่างกรายเข้าไปในห้องเก็บข้อมูลลับอย่างแน่นอน หากสัญญาณไม่ดังขึ้น
“เริ่มปฏิบัติการ” ว่าแล้วก็เริ่มลงมือพร้อมฮัมเพลงเบาๆ อย่างสุขอุรา สารวัตรสาวหวังว่าเสร็จงานนี้แล้ว ก็คงจะจับตัวคนที่เป็นต้นเหตุให้เพื่อนรักอย่างไมเคิลจบชีวิตลง และหลังจากปิดคดีเสร็จสิ้น เธอจะไปนอนอาบแดดบนหาดทรายขาวๆ และดำน้ำทะเลให้ฉ่ำปอดไปเลย