แม่สาวขาโหด Vs พ่อหนุ่มโรคจิต (25%)
คืนนี้ฟรานเชเซียสมางานหาทุนสนับสนุนกองทัพของอเมริกา ซึ่งมีทั้งระดับรัฐมนตรี นักธุรกิจแถวหน้าและผู้ดีไฮโซในแวดวงสังคมชั้นสูงมาร่วมงาน
“อ้าว…ไอ้ราฟาล แกมาด้วยเหรอวะ” เจ้าพ่อจอมอหังการแสร้งทำเป็นทักทายเพื่อนรักอย่างราฟาล เอลซาวาร์ ด้วยความแปลกใจ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายควงลูกสาวมหาเศรษฐีคนดังเดินร่อนไปทั่วทั้งงาน คล้ายอวดอ้างและประกาศถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้ชาวโลกได้รับรู้ ก่อนจะมาหยุดลงตรงหน้าเขาด้วยความจงใจ
“พอดีฉันกลัวว่าลอร่าจะเหงา ก็เลยอาสามาเป็นเพื่อน ใช่ไหมจ๊ะที่รัก” ท้ายประโยคราฟาลก็หันไปส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับคู่ควงคนล่าสุด
“ลอร่า คิงส์ตัน เป็น…” ราฟาลเปิดยิ้มกว้างพร้อมผายมือไปยังแม่สาวทรงโตที่ยืนแนบข้างตัวเอง เพื่อจะแนะนำให้ฟรานเชเซียสได้รู้จัก ทว่ายังไม่ทันกล่าวจบประโยค เสียงฝีเท้าถี่ๆ ก็มาหยุดลงที่เบื้องหลังของเจ้าพ่อหนุ่ม และนั่นก็ทำให้เขาเบนความสนใจไปที่ผู้มาใหม่ในทันที
“มีอะไรก็ว่ามา” ฟรานเชเซียสเอ่ยเปิดทางให้ลูกน้องด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ สีหน้าก็ยังเฉยชาดังเดิม
ก่อนที่แฟรงค์จะเดินเข้ามากระซิบกระซาบข้างหูว่า เดวิด อาเชอร์ ท่านรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอเมริกามีความประสงค์จะพูดคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว
“ไอ้ราฟาล ฉันขอตัวก่อนนะ พอดีว่ามีธุระด่วน แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณผู้หญิง” ท้ายประโยคหันไปค้อมหัวให้กับลอร่าเล็กน้อยอย่างมีมารยาท ก่อนที่ฟรานเชเซียสจะสาวเท้าไปยังระเบียงฝั่งซ้ายมือของสถานที่จัดงานอันโออ่าในค่ำคืนนี้
“บัดซบเอ๊ย!” เสียงสบถหยาบคายของราฟาลไล่หลังคนที่เพิ่งเดินตัวปลิวจากไป เนื่องด้วยรู้สึกเสียหน้าจากการกระทำของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
สามวันถัดมา
ฟรานเชเซียสก็เดินทางมาพบท่านรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอเมริกาด้วยตัวเอง เนื่องจากว่าภายในงานหาทุนสนับสนุนกองทัพอเมริกาวันนั้น ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่มักจะมีแขกเดินเข้ามาทักทายขัดจังหวะอยู่ร่ำไป ดังนั้นท่านรัฐมนตรีจึงนัดพบปะกับเขาเป็นการส่วนตัวในวันนี้
“สวัสดีครับท่าน” เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ของโลกค้อมหัวให้เกียรติผู้อาวุโสกว่าอย่างมีมารยาท พร้อมเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“อืม…สวัสดีคุณฟรานเชเซียส อาวุธรุ่นใหม่ของคุณที่ส่งไปให้ทางกองทัพของเราทดสอบเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเป็นที่น่าพอใจมาก ผมจะสั่งออเดอร์ไปเลยก็แล้วกันนะ” หลังจากผายมือเป็นการเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม ท่านรัฐมนตรีก็พูดอย่างจริงจัง เพราะแสนจะพอใจกับอาวุธรุ่นใหม่ที่ดูเหมือนจะถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองจุดประสงค์ของการใช้งานมากยิ่งขึ้น
“ตัวไหนครับท่าน เอ่อ…พอดีว่าทางเราทำออกมาพร้อมกันหลายตัว” เจ้าพ่อจอมอหังการเผยยิ้มกว้างกลบเกลื่อนความผิดปกติที่เกิดขึ้น ก่อนจะเลียบๆ เคียงๆ ถามไถ่ เพราะช่วงนี้เขาไม่ได้ส่งอาวุธไปให้ทางกองทัพของประเทศใดทดลองใช้เลย
“อ้าว…เหรอ เห็นทางบริษัทคุณส่งไปให้ทดสอบรุ่นเดียวนะ HP-79” ท่านนายพลทำหน้าแปลกใจเพียงนิด เพราะไม่คิดว่าทางบริษัทจะส่งไปให้ผิด
“เหรอครับท่าน แต่ทางเรายังไม่แน่ใจว่าจะเอาออกมาจำหน่ายหรือเปล่า ยังไงก็ต้องขอให้ท่านชะลอการสั่งซื้อเอาไว้ก่อนนะครับ” ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ชายหนุ่มจำเป็นต้องเล่นตามน้ำไปก่อน
“อ้าว…ทำไมล่ะ” ท่านรัฐมนตรีถามด้วยความสงสัย
“เพราะทางเราคิดจะพัฒนาให้ล้ำหน้าและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับ” ฟรานเชเซียสก็ยังฉลาดหลักแหลมหาวิธีตอบแบบสมเหตุสมผลได้เช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
“นายครับ” แฟรงค์เรียกขานเพียงสองประโยคแรกส่วนประโยคถัดมาทำเพียงกระซิบกระซาบข้างหู ซึ่งอีกฝ่ายที่ยังคุยธุระกันค้างอยู่ก็เสไปมองทางอื่น
“พอดีว่าผมมีธุระด่วน คงต้องขอตัวก่อนนะครับท่าน” ชายหนุ่มค้อมหัวให้ผู้อาวุโสอย่างมีมารยาท ล่ำลากันแค่อึดใจ แล้วฟรานเชเซียสก็ลิ่วมายังลานจอดรถ
หลังจากฟังคำรายงานจากปากคนสนิทว่าราฟาลหายตัวไปติดต่อยังไงก็ไม่ได้ เจ้าพ่อหนุ่มก็สั่งให้ลูกน้องเอารถออกเพื่อจะกลับไปสืบเสาะหาความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของเพื่อนรัก ว่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนักวิทยาศาสตร์เมื่อเดือนที่แล้วหรือไม่ และมันมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอาวุธตัวใหม่ที่ท่านรัฐมนตรีกล่าวถึง ทั้งที่เขายังผลิต HP-79 ไม่สำเร็จเพราะนักวิทยาศาสตร์ดันมาหายตัวไปเสียก่อน แล้วมันไปโผล่ที่กองทัพของอเมริกาได้อย่างไร มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
เมืองคาเล็กซิโก แถบชายแดนแคลิฟอร์เนียกับเม็กซิโก
ฟาร์มคิงส์ตัน คือฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ของตระกูลคิงส์ตัน ซึ่งเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในลำดับต้นๆ ของอเมริกา ฟาร์มแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างไกลจากเขตชุมชน ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะว่าไม่มีใครอยากอาศัยอยู่ใกล้แถบชายแดน เจ้าของที่นี่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการและหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อนแผนการชั่วช้าในครั้งนี้ สิ่งที่ผิดกฎหมายสามารถทำให้เป็นถูกกฎหมายเพียงชั่วพริบตาด้วยน้ำมือของนายพลกอร์ดอน คิงส์ตัน ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ (SEAL) การเปลี่ยนจากดำเป็นขาวดูเหมือนจะง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากถ้ามีเงินตรา อำนาจและอิทธิพลในมือ
ช่วงสามปีให้หลังที่ดินกว่าห้าร้อยไร่ไม่ได้ดำเนินกิจการฟาร์มเป็นรูปธรรมเหมือนอย่างที่ผ่านมา ถึงจะมีกลุ่มคนแปลกหน้าเข้าออกอยู่เป็นประจำแต่ผู้คนภายนอกก็ไม่นึกเอะใจอะไร เพราะคิดว่าแม้เจ้าของฟาร์มจะปล่อยที่ดินให้รกร้างว่างเปล่าพวกเขาก็ไม่อดตาย เพราะมีกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ให้กอบโกยเงินเข้ากระเป๋าอย่างมหาศาลอยู่แล้ว แต่ใครจะรู้บ้างว่าข้างล่างฟาร์มนั้นถูกเจาะให้เป็นอุโมงค์ลึกลงไปใต้ดินสิบเมตร ภายในอุโมงค์ใต้ดินถูกรังสรรค์ให้เป็นฐานปฏิบัติการลับของกลุ่มผู้ผลิตและค้าอาวุธสงครามเถื่อนที่มีราฟาล เอลซาวาร์ เป็นแกนนำคนสำคัญ
อุโมงค์ขนาดใหญ่แห่งนี้ถูกออกแบบให้มีระบบระบายอากาศ ระบบไฟและมีสาธารณูปโภคครบครันไม่ต่างอะไรกับบนดิน มองดูเผินๆ ก็คล้ายอาณาจักรย่อมๆ รวมทั้งสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยของราฟาล โดยมีกองกำลังคอยคุ้มกันและดูแลทางเข้าอุโมงค์ที่อยู่ภายในโรงนาอย่างแน่นหนา วางเวรยามตรวจตราไม่เคยขาด เท่านั้นไม่พอคนชั่วยังสร้างอุโมงค์ใต้ดินที่มีความซับซ้อนขนาดยาวห้ากิโลเมตร ใช้ลอดข้ามผ่านพรมแดนเพื่อลำเลียงอาวุธสงครามไปขาย เพราะในเม็กซิโกมีสงครามระหว่างแก็งมาเฟียเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน
“นี่ครับท่าน” ดร.ดักลาส เบเนติสยื่นรีโมตให้เจ้าของร่างสูงด้วยท่าทางพินอบพิเทา ทั้งที่ตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์ดังยังต้องมาค้อมหัวให้คนชั่วที่คิดจะทำลายชาติอย่างราฟาล นั่นก็เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายข่มขู่จะทำร้ายคนในครอบครัว
“ถ้ากดสตาร์ทแล้วมันจะทำงานเลยหรือเปล่า” ราฟาลแสร้งถามราวกับคนโง่เขลาแต่แอบแสยะยิ้มร้ายบาดลึกที่มุมปาก
“ครับท่าน” บอกด้วยท่าทางนอบน้อม ทั้งยังแอบหวังว่าหากราฟาลทดสอบอาวุธแล้วได้ประสิทธิภาพดังใจหมาย ก็คงจะปล่อยเขากับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ กลับบ้านอย่างที่เคยได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ก่อนหน้านี้
“งั้น…ก็มาฉลองให้กับความสำเร็จของเราหน่อยเถอะ” ขาดคำชายหนุ่มก็ปรบมือ ทันใดนั้นก็มีสาวสวยเซ็กซี่ถือขวดแชมเปญมาให้ เขาเขย่าแรงๆ จนฝาจุกปิดขวดแชมเปญราคาแพงหลุดกระเด็น ก่อนจะให้สาวๆ นำไปเสิร์ฟคนที่อยู่ภายในกันถ้วนหน้า ทุกคนต่างชูแก้วขึ้นสรรเสิญให้กับความสำเร็จอันเยี่ยมยอด
ราฟาลและลูกน้องคนสนิทก้าวออกจากห้องกระจกแล้วกดล็อกจากภายนอก จากนั้นก็กดปุ่มให้หัวอาวุธที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้องดิ่งลงสู่พื้น อาวุธอานุภาพร้ายแรงทะลุทะลวงพื้นซีเมนต์แล้วโผล่ขึ้นกลางวงนักวิทยาศาสตร์ หนึ่งในนั้นเห็นเข้าก็มองตาค้างแล้วรีบชี้ให้เพื่อนดูมือไม้สั่น จากนั้นก็เกิดความโกราหล ต่างพากันตะลีตะลานวิ่งมายังประตูทางออก แต่ปรากฏว่ามันถูกล็อกจากด้านนอก ครั้นจะทุบกระจกให้แตกก็ไม่เป็นผล เพราะกระจกของห้องทดลองถูกสร้างขึ้นจากวัสดุชั้นเยี่ยมเพื่อป้องกันการรั่วไหลออกสู่ภายนอกของสารเคมี
“ท่าน ท่านจะทำอะไร ปล่อยเราออกไปนะ” หนึ่งในนั้นเดินไปเกาะกระจกแล้วละล่ำละลักขอร้องเจ้าของรอยยิ้มเหี้ยมโหดที่ยืนอยู่ภายนอก เนื้อตัวคนพูดสั่นเทาไม่ต่างจากลูกนกตกน้ำ นั่นก็เป็นเพราะรู้ดีว่าอานุภาพของอาวุธขนาดเล็กนี้ร้ายแรงมากแค่ไหน
“ไอ้ชาติชั่วราฟาล แกกล้าทำแบบนี้กับเราได้ยังไง” นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายต่างพากันพยายามทุบกระจกพร้อมกับก่นด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย
“ลาก่อนไอ้พวกหนูหน้าโง่” โบกมืออำลาพร้อมกับกดปุ่มอีกครั้ง แล้วอาวุธขนาดเล็กก็พ่นพิษออกมาใส่คนที่สร้างมันขึ้นมากับมือ เพียงเสี้ยวนาทีสารพิษก็แทรกซึมเข้าไปทำลายหลอดเลือดทั่วทุกอณูของร่างกาย ทำให้คนที่มีสภาพเป็นหนูทดลองดิ้นรนทุรนทุราย และกระอักออกมาเป็นลิ่มเลือด ก่อนจะขาดใจลงในชั่วพริบตา
เมื่อราฟาลได้ส่วนผสมทั้งหมดมาไว้ในกำมือแล้วจะเก็บคนพวกนี้ไว้ให้สาวมาถึงตัวบงการอย่างเขาทำไม กำจัดมันซะให้สิ้นซากจะได้หมดเรื่องกันไป ส่วนการผลิตล็อตต่อไปก็ให้คนของเขาเป็นคนจัดการต่อ จิบแชมเปญรสชาตินุ่มลิ้นพร้อมกับจ้องมองคนที่อยู่ภายในดิ้นทุรนทุรายและขาดใจตายไปทีละคนด้วยสายตาเฉยชาไร้ความรู้สึก
“เป็นไงครับนาย พอใจไหมครับกับผลงานในครั้งนี้” ลูกน้องคนสนิทถามพร้อมจ้องมองภาพที่นักวิทยาศาสตร์สิ้นใจไปคนแล้วคนเล่าด้วยสายตาเย็นชาไม่ต่างจากผู้เป็นนาย
“อื้ม…พอใจมากเลยล่ะ แกให้คนเอาไปเสนอขายในตลาดมืดได้เลย” ราฟาลยกแชมเปญขึ้นจิบลงคอเล็กน้อย แล้วล้วงกระเป๋าทอดสายตามองเบื้องหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ผมจะรีบดำเนินการให้ด่วนที่สุดเลยครับนาย” ชายหน้าเหี้ยมรับปากด้วยท่าทางกระตือรือร้น เพราะเขาเองก็อยากเห็นความสำเร็จที่เหนือกว่าเจ้าพ่อจอมอหังการอย่างฟรานเชเซียสไม่ต่างกัน