บทที่ 5 แปลนบ้านทรงไทย
“ว่าไงไอ้หงส์ คิดแปลนบ้านจนดึกงั้นเหรอ ไหนเอามาดูซิ รูปร่างเป็นแบบไหน สวยงามมากแน่ๆ เลย ไหนดูหน่อย”
กล้าเห็นกิริยาของลูกน้องสาวก็รู้ทันทีว่าหงสาไม่ได้ทำงานแต่สาเหตุที่นอนตื่นสายเพราะอะไรเขาไม่รู้ เขาลุกจากเก้าอี้เดินมาที่โต๊ะทำงานของหงสา เปิดแฟ้มใหญ่ออก แผ่นกระดาษสีขาว ขาวสะอาดตา ไร้สีดำจากไส้ดินสอ ไม่มีรอยขีดแม้รอยเดียว เขาหันไปมองโอภาส เลยไปหยุดสายตาที่ยอดเยี่ยม
“งานมันดีจนพี่กล้าพูดไม่ออกเลยว่ะไอ้อูน เราไปชมกันหน่อยเป็นไร”
ยอดเยี่ยมลุกจากเก้าอี้ก้าวสามก้าวก็ถึงโต๊ะหงสา โอภาสก้าวตามมายืนข้างๆ สายตาเพ่งมองแผ่นกระดาษสีขาว
“ไอ้หงส์...”
เสียงเรียกชื่อเล่นหงสาดังประสานกันทั้งสามคน หงสาค่อยๆ ลุกยืนและยิ้มอย่างยอมรับผิดทุกอย่าง หล่อนลืมงาน นอนเพลิน ฝันเพลิน แวบหนึ่งหล่อนคิดถึงความฝัน จันทร์บอกกับหล่อนว่า
“แม่นางต้องทำการใหญ่ใช่หรือไม่”
“ทำการใหญ่ เออใช่แล้ว พี่หงส์ขอเวลาไม่นาน จะร่างแบบให้ดู อย่าเพิ่งด่า อย่าเพิ่งทับถมถ่มน้ำลายเลยนะพี่ๆ ขอร้องละ”
“อะไรของมันวะ”
กล้ายืนงงกับคำพูดและกิริยาร้อนรีบของหงสา หล่อนเลื่อนเก้าอี้นั่งเข้าที่ เลื่อนแผ่นกระดาษใกล้ตัว ดินสอพร้อมอยู่ในมือ หล่อนขีดเส้นตามสมองสั่งการ แบบแปลนบ้านทรงไทยโบราณอยู่ในสมองของหล่อนครบถ้วน เรือนไทยโบราณ หลังนั้นคือแบบที่หล่อนกำลังร่างให้กล้าดู
สามหนุ่มแยกย้ายกลับโต๊ะทำงานตัวเองเมื่อหญิงสาวคนเดียวในห้องไม่ยอมพูดหรือตอบโต้กับพวกเขา หงสาก้มหน้าทำงานอย่างตั้งใจและเร็วอย่างที่ไม่เคยเร็วอย่างนี้มาก่อน ทุกงาน หล่อนต้องค่อยๆ คิดและเมื่อใช้โปรแกรมเขียนแบบ เขียนแปลนงานต้องคิดก่อนลงมือและทำไปคิดไปยกเว้นครั้งนี้ หล่อนใช้ดินสอร่างแทนการใช้โปรแกรมในจอคอมพิวเตอร์ ไม่เพียงกล้าที่สงสัย โอภาสกับยอดเยี่ยมต้องหันมามองหงสาบ่อยครั้งแต่หล่อนไม่สนใจพวกเขา นอกจากก้มหน้าอยู่กับแผ่นกระดาษตรงหน้าเท่านั้น
ไม่ใช่เร่งทำงานเพราะรู้สึกผิดแต่เพราะสมองแล่น ภาพเรือนไทยโบราณเด่นชัดราวกับภาพที่หงสากำลังวาดเป็นโมเดลตั้งอยู่กลางห้องทำงาน เห็นรายละเอียดทุกซอกทุกมุม ภาพไหลเข้ามาในสมองไม่หยุด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว หงสายังคงไม่สนใจใคร กล้าเดินมาหยุดหน้าโต๊ะของหล่อน สายตาคู่สวยก็ไม่ชำเลืองมอง ยอดเยี่ยมกับโอภาสแกล้งบิดตัวส่งเสียงดังๆ ก็ไม่เป็นผล หญิงสาวยังคงลากเส้นอย่างเพลิดเพลิน
“หงส์ พักก่อน ไปกินข้าวกันก่อน ค่อยมาทำใหม่ พี่ไม่ว่าอะไรแกหรอก”
“ไปกินกันก่อนเลยพี่ อ้อ.ถ้าสงสารก็ซื้อติดมือมาก็แล้วกัน หงส์จะทำให้เสร็จภายในวันนี้ ถ้าพี่ดูแล้ว โอ หงส์จะทำตัวจริงส่งไปให้พ่อเลี้ยงเอื้อ ก่อนเขาจะมากินหัวหงส์”
“กินมึงทั้งตัวสิไม่ว่า จ้องอยู่นี่ ให้ตายเถอะ ไม่อายลูกบ้างรึไง ไอ้พ่อเลี้ยงหื่นเอ๊ย กูไม่อยากให้เป็นหุ้นบริษัทพี่กล้า ไม่แน่นะโว้ย กูอาจลาออกเร็วๆ นี้ก็ได้”
“มึงจะไปไหนไอ้อูน เลิกคิดหางานอื่น ตอนนี้เรายังไม่มีเงินก้อนใหญ่ต้องทนไปก่อน ทางเดียวที่พี่จะให้พ่อเลี้ยงเอื้อถอนหุ้นคือปิดบริษัท”
“จะบ้าเหรอพี่ ปิดทำบ้าอะไร ไม่ต้องห่วงหงส์หรอกน่ะ ยังไงคุณอรรียาไม่ยอมให้หงส์ไปเป็นนางบำเรอพ่อเธอหรอก ท่าทางหวงพ่อแทนแม่ เออพี่กล้า เมียพ่อเลี้ยงหายไปไหน ไม่เห็นไปไหนมาไหนกันบ้างเลยล่ะหรือว่าเขาเลิกกันไปแล้ว”
“ยัง เอ็งจะทำงานก็ทำไป อย่ายุ่งเรื่องคนอื่น ไอ้อูน มึงก็อย่าเยอะ ไอ้เยี่ยมไปกินข้าว ใครไม่ไปก็ไม่ต้องไปรอมัน”
กล้าเลิกห่วงใยลูกน้องสาว เขาไม่อยากให้ลูกน้องพูดถึงเอื้ออังกูรกับครอบครัว บางเรื่องเขาอยากรู้แต่พอสืบรู้มา เขาก็ไม่อยากรู้ ไม่อยากยุ่งแต่เมื่อต้องติดต่อพูดคุยเรื่องธุรกิจ เขาจึงต้องรับรู้ไว้บ้าง ลักษมี ภรรยา เอื้ออังกูร เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาแต่สู้ชีวิตทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรีทางด้านอาหาร ทำอาหารเก่งมาก เข้าทำงานในโรงแรมระดับห้าดาวของเมืองเชียงราย เอื้ออังกูรตกหลุมรักถึงกับขอแต่งงานและมีลูกด้วยกัน 3 คน
อารดา ลูกสาวคนโตแต่งงานกับนักธุรกิจแวดวงเดียวกันมีลูก 1 คนเป็นผู้หญิง ลูกสาวคนที่ 2 ของเอื้ออังกูรไม่สนใจกิจการของครอบครัว ไม่ฟังคำสอนของพ่อเพราะพ่อมีผู้หญิงมากมายจนแม่หนีไปอยู่ต่างประเทศกับลูกชายคนเล็กซึ่งอรรียาไปอยู่กับแม่และน้องชายด้วยกระทั่งเรียนจบจึงกลับมาป่วนพ่อและที่แรกที่หล่อนมาอาละวาดแบบไม่ยำเกรงผู้ใดเป็นบริษัทของกล้า นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่กล้าไม่เคยคิดว่าจะรักผู้หญิงคนไหนเท่านี้มาก่อน
“อ้าวๆ พี่กล้า รอด้วยสิ ไอ้หงส์มันไม่ไปก็ไม่ต้องรอมันถูกต้องแล้ว ส่วนผมไปนะครับผม รอด้วย”
โอภาสวิ่งตามยอดเยี่ยมออกจากห้องไป หงสามองตามหลังหนุ่มคนสุดท้ายแล้วส่ายหน้า ยิ้มน้อยๆ คำพูดเล่นของกล้า ไม่ทำให้ลูกน้องโกรธสักคน ทุกคนพูดหยอกล้อจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว หล่อนลงมือทำงานต่อแต่อยู่ๆ ก็ง่วงจนไม่อาจฝืนได้ หล่อนฟุบลงกับแผ่นกระดาษ ในมือยังกำดินสอไว้แน่น...
ลมพัดเฉื่อย หงสาเดินเรื่อยๆ ไปตามร่มเงาแมกไม้ในสวนหลังบ้าน หล่อนเร่งฝีเท้าเมื่อเห็นใครบางคนเดินอยู่ข้างหน้า เมื่อเข้าไปใกล้ ร่างสูงของใครคนนั้นหยุดยืน หล่อนจึงหยุดแล้วถามออกไป
“คุณอยู่บ้านหลังนี้ใช่มั้ย บ้านสวยมากค่ะ”
ไม่มีเสียงตอบจากร่างสูงซึ่งหงสามองเขาเพียงด้านหลัง ความสูงของเขาไม่ต่ำว่า 180 เซนติเมตรอย่างแน่นอน ผมตัดสั้นเรียบร้อย สวมผ้าโจงกระเบนสีน้ำทะเล เสื้อสีขาวขุ่น คาดเอวด้วยผ้าฝ้ายสีน้ำตาล หล่อนมองเห็นอย่างนั้น โจงกระเบนหากสายตาไม่โกหกตัวเองเป็นผ้าไหมเนื้อละเอียด เสื้อเป็นผ้าฝ้ายเนื้อบาง
“คุณอยู่บ้านนี้ใช่มั้ยคะ”
ไม่มีเสียงตอบออกมาแต่เท้าก้าวเดินต่อเหมือนไม่ใส่ใจเสียงถามของหงสา เมื่อถามไม่ตอบความโมโหปนความไม่พอใจกับคนร่างสูง หล่อนมองหาสิ่งที่จะทำให้คนเดินอยู่ข้างหน้าหันมาตอบคำถามของหล่อน ท่อนไม้แห้งเหมาะมือหล่นอยู่ไม่ไกลจากเท้าของหล่อนเท่าไรนัก
“หยิ่งนักใช่มั้ยคะเจ้าคุณ ถามไม่ตอบ ลองชิมท่อนไม้แห้งดูสักนิดนะเจ้าคะ”
ท่อนไม้ปลิวออกจากมือเรียวของหญิงสาว กระทบเข้ากับศีรษะปกคลุมด้วยเส้นผมดำสนิทอย่างแรง
“ปึ้ก”
“โอ๊ะ!”