บทที่ 18 ขึ้นบ้านใหม่
“แม่นางจักเก็บดอกโมกไปทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”
“ไหว้พระได้หรือไม่ป้าจันทร์”
จันทร์เดินตามบ่าวรับใช้มายืนอยู่ด้านหลังแม่นางหงส์ นายสาวคนใหม่ของบ้าน หงส์ตอบจันทร์โดยไม่หันมามอง
“ได้เจ้าค่ะ ใส่พานนะเจ้าคะ”
“หงส์ หงส์ ไอ้หงส์ ไอ้หงส์”
เสียงเรียกชื่อของแม่นางหงส์ดังท่ามกลางบ่าวรับใช้ จันทร์เหลียวมองไปรอบบริเวณไม่เห็นใครสักคน
“แม่นาง ผู้ใดเรียกชื่อแม่นางเช่นนั้นหรือเจ้าคะ ประหลาดแท้เชียว”
“ข้า...”
หญิงสาวนิ่งฟังเสียงอีกครั้ง เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ
“ไอ้หงส์ ไอ้หงส์ ตื่น ตื่น ไอ้หงส์”
ภาพในความฝันวับหายไป หงสาลืมตามองหน้าพี่ชาย เขาประคองหล่อนไว้ในอ้อมแขน หล่อนเป็นลมไปอีกแล้ว หิวข้าวหรือไม่ใช่แน่นอน ทำไมจึงเป็นลมบ่อย ยิ่งเห็นหน้าอินทัชดูเหมือนว่าจะเห็นภาพในความฝันชัดเจน
“เป็นอะไรหงส์ ไปหาหมอมั้ย พี่จะพาไป”
“ไม่เป็นไร เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ คงจะพักผ่อนน้อยเลยวูบ”
หล่อนลุกยืนมองหน้าทุกคนรอบข้าง เหตุผลของหล่อนทำให้สายตาของแม่คลายความห่วงใย ย่าน้อยจ้องมองหล่อนอยู่
“ย่าน้อยไม่ต้องห่วงหงส์นะคะ หงส์ไม่เป็นไรค่ะ เห็นมั้ยแข็งแรงๆ”
หล่อนลุกขึ้นยืนยกแขนขึ้นสองข้าง กำมือแน่นในท่าสู้ๆ ที่นวลน้อยเห็นประจำ หงสาเป็นลมบ่อยเกินไปหรือเปล่า อาจเป็นเพราะหลับไม่เต็มอิ่ม พะวงกับการขายบ้านให้จิรเมธ หงสาเคยบอกกับย่าว่าจะขอเงินครึ่งหนึ่งจากการขายบ้านแต่พอขายได้จริงๆ หงสาไม่รับส่วนเกินที่เจ้าของตั้งราคาไว้ ราคาขายจริงได้เท่าไหร่เจ้าของบ้านได้จำนวนเต็ม หงสาคิดช่วยเหลือจิรเมธทางอ้อม นวลน้อยคิดเช่นนั้น
“ดี ที่ไม่เป็นอะไร ต่อไปนี้ ย่าสั่งห้ามแกมาเป็นลมให้ย่าเห็นอีก ไม่อย่างนั้น ย่าจะให้เจ้าภูพาแกไปหาหมอ ฉีดยาสักเข็มสองเข็ม อาการวูบจะได้หาย”
“ไม่เอาค่ะย่าน้อย หงส์ไม่ฉีด หงส์ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ เข้มแข็งๆ”
หญิงสาวลืมชายหนุ่มที่ฝันเห็นและกำลังอยู่ร่วมวงสนทนากับเขา อินทัชมองหล่อนเกือบทุกนาที ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาอยากทะเลาะด้วย อยากเห็นหน้าทุกวัน
ความน้อยใจในตัวผู้เป็นพ่อหายไปเมื่อพี่สาวทั้งสองคนบอกถึงของขวัญที่พ่อให้กับลูกชายคนเดียว บ้านทรงไทยที่งดงามทั้งหลัง เขาเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวแต่เขาไม่กลับไปหาพ่อที่เชียงราย เขาขอพักบ้านนวลน้อยเพื่อเข้าบ้านใหม่ของเขาในรุ่งขึ้น
จิรเมธโอนบ้านพร้อมที่ดินให้อินทัชเป็นเจ้าของ เขาดีใจกับจำนวนเงินที่ไม่คิดว่าจะได้เท่านี้ เขาปลดหนี้ธนาคารได้ภายในวันเดียว
“ขอบคุณที่เก็บบ้านหลังนี้ไว้ให้ผม คุณเชื่อหรือเปล่า ผมฝันเห็นบ้านก่อนจะมาดูของจริงเสียอีก”
“จริงหรือครับ เป็นเพราะหนูหงส์ ที่แนะนำบ้านให้พี่สาวคุณอิน”
“ผมต้องขอบคุณเธอมากๆ ใช่มั้ยครับ”
ชายหนุ่มยิ้มบาง เขาต้องขอบคุณหงสาที่หล่อนออกมาจากความฝันเพื่อจับจองบ้านไว้ให้เขาหรือไว้ให้ตัวหล่อนด้วย
ความฝันแปลกๆ เขากับหงสาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังนี้ ภาพหลอนหรือความจริง หล่อนอยู่ใกล้บ้านหลังนี้เห็นบ้านหลังนี้มานานแล้ว ทำไมไม่ให้พ่อแม่หล่อนซื้อไว้ ทำไมคนอื่นๆ ไม่ซื้อบ้าน ทำไมจึงตกมาถึงเขาเป็นการจงใจหรือเป็นพรหมกำหนดไว้แล้ว
“ย่าน้อยครับ จะรบกวนหรือเปล่าถ้าผมจะขอให้ย่าน้อยนำขึ้นบ้านใหม่ของผม ให้ย่าน้อยเป็นผู้ใหญ่แทนพ่อกับแม่ผม ได้มั้ยครับ”
“ได้สิพ่อ ให้พี่สาวพ่อมาด้วยก็ได้นะ”
“ให้หงส์ขึ้นไปพร้อมผมได้มั้ยครับ”
“โน”
คนตอบปฏิเสธไม่ใช่นวลน้อยแต่เป็นเหลนสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน หล่อนได้ยินประโยคนี้พอดี เมื่อวาน หล่อนเจอหน้าเขาก็เป็นลม ไม่ใช่เป็นลมธรรมดาแต่เป็นเพราะอะไรบางอย่างดึงให้หล่อนกลับเข้าไปในความฝัน หล่อนแทบเป็นบ้าเมื่อคิดถึงความฝัน เมื่อคืนหล่อนฝันต่ออีก
“แม่นางหงส์ เรือนนี้เป็นเรือนของหล่อนด้วย ฉะนั้น หล่อนต้องดูแลให้ดี มิใช่เที่ยวเดินเล่นเป็นเด็กไร้การฝึกหัด ข้าเอือมระอากับหล่อนเสียเหลือเกิน”
คนที่พูดไม่ใช่ชายหนุ่มแต่เป็นสาวใหญ่หน้าตาไม่ผิดไปจากย่าน้อยของหล่อน ย่าน้อยก็อยู่ในความฝัน หล่อนคงคิดจนเกิดจิตใต้สำนึกฝันถึงคนรอบข้าง ดึงคนรอบตัวเข้าไปอยู่ในความฝันทุกคน หล่อนอยากฝันต่อไปอีก จะได้เจอพ่อแม่ พี่ชายและเพื่อนๆ รวมทั้งกล้าด้วยแต่ตกใจตื่นเพราะเสียงเรียกของพี่ชาย
วิภูขับรถมาส่งหงสาถึงบ้านสวนนวลน้อย เขาอยากเห็นบ้านทรงไทย ทำไมอยากเห็นขึ้นมาเฉยๆ ก็ไม่รู้แต่วันนี้นิศราจะมากินอาหารมื้อเที่ยงบ้านนวลน้อย หงสาบอกกับเขาอย่างนั้น นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาอยากมาบ้านย่าน้อย
“มาพอดีเลย ผมจะให้คุณถือของช่วยผมหน่อย ไม่ได้หรือ”
“อะไรนะ นี่จะให้ฉันเป็นสาวใช้ของคุณรึไง ไม่มีทาง”
“ทางเดินมีหลายทาง จะบอกว่าไม่มีได้ยังไง ใช่มั้ยครับย่าน้อย ย่าน้อยครับ เมื่อคืนผมหลับสบายมากๆ เลยครับ ฝันด้วยนะครับ”
“ฝันอะไร”
หงสาอยากรู้ขึ้นมาทันที เขาฝันตรงกับหล่อนหรือเปล่า หัวใจเต้นแรง รอฟังคำตอบจากเขา
“อยากรู้ไปทำไม”
เขาจ้องหน้าหล่อนพร้อมรอยยิ้มยั่วโมโห หล่อนสะบัดหน้าหนีสายตายั่วยวนโทสะของเขา แต่ใจยังเต้นแรง
“ฝันอะไรรึพ่อ”
“ฝันเห็นย่าน้อยอยู่ในบ้านผมครับ”
“ฝันแปลกนะ ย่าจะไปอยู่ได้ยังไง”
“ไม่ทราบครับ แต่ย่าน้อยอยู่ในบ้าน ผมจึงอยากให้ย่าน้อยเดินขึ้นบ้านก่อนผม นำผมไป ผมเชื่อเรื่องนี้ถึงจะเรียนจบเมืองนอกแต่ผมก็เป็นคนไทย”
“ดีมากลูก คิดได้อย่างนี้ดีแล้ว ความเป็นไทยของเรายังอยู่ ยังไงเสีย เราก็เป็นคนไทย ประเพณีแบบแผนอะไรควรอนุรักษ์ไว้ก็อนุรักษ์ อย่าหลงไปกับสิ่งใหม่ๆ จนลืมความดั้งเดิม”
“ครับ ผมจะจำไว้ครับ ตกลงคุณหงส์จะไปด้วยหรือเปล่า ไปเป็นเพื่อนย่าน้อยก็ได้นะ เดี๋ยวผมให้พี่อรกับพี่กล้ามาด้วย พี่ดาก็จะมา”
เขาโทรศัพท์บอกแม่ที่ต่างประเทศให้แม่อวยพรผ่านโทรศัพท์ ถ่ายรูปบ้านส่งให้ดู ลักษมีอยากกลับเมืองไทยในพริบตาทีเดียว อยากเห็นบ้านลูกชาย อยากมาอยู่กับลูกชายซึ่งเป็นข่าวดีของสามพี่น้อง หากลักษมีกลับมาอยู่เมืองไทย ลูกๆ ดีใจ พ่อของลูกจะดีใจหรือเปล่านั้น ไม่มีใครรู้
“มันจะขึ้นบ้านใหม่ ทำไมไม่บอกพ่อสักคำ มันไม่เห็นพ่อเป็นพ่อมันหรือไง”
เอื้ออังกูรเสียงดังมาทางโทรศัพท์ เมื่ออรรียาบอกว่า อินทัชจะขึ้นบ้านใหม่วันนี้และขึ้นแบบง่ายๆ ให้นวลน้อยเป็นผู้ใหญ่นำขึ้นบ้าน
“บอกให้มันรอฉัน ฉันจะบินไปเดี๋ยวนี้”
“ไม่ทันหรอกค่ะพ่อ พ่อทำใจร้อนรุ่มรอดูรูปถ่ายก็แล้วกันนะคะ แค่นี้นะคะ อรกับพี่ดาจะขึ้นบ้านใหม่น้องแล้วค่ะ สวัสดีค่ะพ่อ”
“ไอ้ลูกบ้าเอ๊ย”
อรรียาได้ยินเสียงพ่อแค่นั้น หล่อนกดวางสายเสียก่อน ความไม่พอใจในตัวพ่อหายไปมากทีเดียวเมื่อพ่อซื้อเรือนไทยให้อินทัช พ่อของหล่อนรักลูกทุกคน หล่อนเข้าใจแล้ว
เวลา 9 โมง 9 นาที นวลน้อยเดินนำอินทัชซึ่งชายหนุ่มอุ้มพระพุทธรูปไว้กับอก ก้าวตามนวลน้อยด้วยจิตมีสมาธิ คิดถึงแต่สิ่งดีๆ ตามที่นวลน้อยบอกกับเขา หงสาเดินตามเขาโดยไม่รู้ตัว อารดา อรรียา วิภู เดินตามกันขึ้นบนบ้าน ทันทีที่นวลน้อยเหยียบพื้นบ้านเสียงดนตรีไทยบรรเลงมหาฤกษ์ อินทัชกับหงสายืนอยู่ข้างนวลน้อย ทุกคนได้ยินเหมือนกัน อารดาขยับเข้ามายืนชิดนวลน้อย อรรียายังคงยืนนิ่งๆ วิภูยืนข้างน้องสาว นวลน้อยเอ่ยขึ้น
