บท
ตั้งค่า

บทที่ 17 อินทัช

เสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้ง นวลน้อยได้ยินไม่ถนัดนัก หล่อนหยุดยืน ทุกคนที่ตามมาพลอยหยุดไปด้วย

“มีอะไรหรือคะย่าน้อย”

หงสาชะงักเท้าเกือบไม่ทัน ร่างบางผงะออกมาไม่อย่างนั้นชนร่างนวลน้อยถลาล้มไปแล้ว นวลน้อยส่ายหน้าช้าๆ สายตามองขึ้นไปบนเรือนไม้หลังสวย

“ไม่มีอะไร ไปเถอะ พรุ่งนี้ย่าจะมานำพ่อหนุ่มขึ้นเรือนใหม่ ประเดี๋ยวจะบอกว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”

หงสาไม่เชื่อว่าไม่มีอะไร ย่าน้อยของหล่อนต้องเห็นอะไรหรือได้ยินอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นไม่หยุดกะทันหันเช่นนี้ หล่อนมองตามสายตาย่าแต่ไม่เห็นอะไร ความข้องใจยังวนอยู่ในสมอง หล่อนต้องถามย่าแต่ต้องอยู่กันตามลำพังไม่อย่างนั้น ย่าน้อยไม่ยอมปริปากพูดให้หายข้องใจ

อินทัชเห็นกิริยานวลน้อยเท่าๆ คนอื่นๆ เห็น นวลน้อยตอบหลานสาวว่าไม่มีอะไรแต่มองขึ้นไปบนบ้าน เขาเชื่อว่านวลน้อยต้องเห็นอะไรสักอย่างแต่เมื่อหล่อนปฏิเสธว่าไม่มีอะไรเขาก็เชื่อตามนั้นทั้งๆ ที่ไม่อยากเชื่อ

ความแปลกใหม่ของที่อยู่ทำให้ชายหนุ่มนักเรียนนอกตื่นเต้น ยินดี บ้านในสวนของนวลน้อยเป็นบ้านธรรมดาไม่หรูหราเช่นบ้านจัดสรรทั่วๆ ไป บ้านไม้คงสภาพเดิมไว้เกือบทุกอย่าง มีดัดแปลงบ้างตามสมัยซึ่งก็ยังน่าดูน่าอยู่ ต้นไม้รอบๆ บ้านล้วนแล้วแต่เป็นไม้ผล ไม้ดอกไม้ประดับอยู่หน้าบ้านไม่มากนักแต่ลงตัวพอดิบพอดี

“บ้านย่าน้อยน่าอยู่มากครับ”

“อยู่เสียที่นี่มั้ยล่ะพ่อหนุ่ม”

นวลน้อยพูดพร้อมยิ้มอ่อนโยน อินทัชยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเขากระจ่างชัดในความทรงจำของหงสา ความฝันเลื่อนไหลผ่านมาในสมอง

“อีตานี่ออกมาจากความฝันฉันจริงเหรอเนี่ย บ้าไปแล้ว”

“บ่นอะไรไอ้หงส์ ไปบอกยายส้มเตรียมอาหารมื้อเที่ยงสำหรับแขกทั้งหมดนี่แหละ อย่าลืมเจ้าของบ้านล่ะ”

“เจ้าค่ะคุณย่าน้อย อ้อ.พี่ชายอิฉันจะมาด้วยนะเจ้าคะ”

หงสาทำท่านอบน้อมก้มกรานและคำพูดของหล่อนล้อเลียน ไม่เพียงน่ารักเท่านั้นยังสะกิดใจอินทัช คำพูดเหล่านี้เขาได้ยินมาจากไหนสักแห่ง

“อย่ามาทะลึ่งกับย่า”

“เจ้าค่ะ”

หงสายังไม่หยุด เมื่อนวลน้อยยกมือขึ้นเท่านั้นหล่อนก็วิ่งออกไปทางครัวหลังบ้าน รอยยิ้มของหลายๆ คนมองตามอย่างเอ็นดูยกเว้นชายหนุ่มเพิ่งกลับมาเหยียบแผ่นดินไทย

เขามองหล่อนเป็นหญิงสาวห้าวมากกว่าน่ารักเรียบร้อย ท่าทางของหล่อนไม่ยอมใคร เมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา หล่อนตอบโต้เขากลับด้วยคำถามต่อล้อต่อเถียงมาแล้ว หล่อนไม่มีวันยอมจำนนต่อเขาง่ายๆ

“เธอออกมารบกับฉันนอกความฝันจริงๆ ยายเพิ้ง ฉันไม่ปล่อยเธอหรอก”

เขายิ้มน้อยๆ ดวงตาเจ้าเล่ห์ฉายแวววาววับพริบตาเดียวก็จางหายไป สายตาของผู้ผ่านโลกมามากอย่างนวลน้อยเห็นดวงตาชายหนุ่มมองตามร่างสมส่วนของเหลนสาวแล้วรู้สึกไม่สบายใจ หงสาไม่กลัวใคร มาพบกับคนไม่ยอมใครอะไรจะเกิดขึ้นถ้าไม่ใช่สงครามน้ำลายย่อยๆ ที่บ้านสวนของหล่อน

“กินข้าวเสร็จแล้วจะเดินเที่ยวรอบๆ บ้านก็ตามสบายนะทุกคน ย่าไม่เดินด้วยนะไม่ไหว พ่อเมธแม่บุษจะไปทำธุระอะไรก็ไปเถอะไม่ต้องเกรงใจรอจนแขกกลับหรอก พ่อกล้า ไม่รีบกลับไปทำงานใช่มั้ย พาเพื่อนๆ ไปเดินเล่นสิ เออ ภู วันนี้มาได้เหรอแก ทุกวันงานมาก่อนเจอย่านี่นา”

“ย่าน้อยพูดแบบนี้น้อยใจใช่มั้ยล่ะ มากอดทีจะได้หายน้อยใจ หอมอีกสองฟอด”

ชายหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่ก่อนอาหารกลางวันเริ่มขึ้นเล็กน้อย เข้ามากอดและหอมแก้มซ้ายขวาของผู้ชรา กริยาของเขาต่างจากใบหน้าขรึมและยิ้มน้อยมาก หงสาแอบถ่ายคลิปส่งให้นิศรา เพื่อนรักของหล่อนจะได้ใจชื้นขึ้นบ้าง อย่างน้อยได้เห็นความอ่อนโยนของวิภูมากกว่าความขรึมเครียดที่เคยเห็นเป็นประจำ

“ผมต้องขออนุญาตย่าน้อยไปทำธุระครับ โอนบ้านที่ดินให้คุณอินทัชครับ”

“ตามสบายจ้ะ”

“ผมเสร็จธุระแล้วมาขอค้างคืนบ้านย่าน้อยนะครับ”

“ได้สิ พรุ่งนี้จะได้ขึ้นบ้านใหม่แต่เช้า ประเดี๋ยวฉันจะให้แม่พรรณเตรียมของขึ้นบ้านใหม่เอง พ่อก็จ่ายตังค์ไปแค่นั้นพอ ขืนให้ไปซื้อเองคงไม่รู้จักสักอย่าง โตจากเมืองนอกเมืองนาไม่ใช่เรอะ”

“เปล่าครับ ผมโตที่เมืองไทยครับ”

“อ้อ ดีนะ”

นวลน้อยชมสั้นๆ แล้วหันมาสนใจเหลนชาย การพูดคุยของย่าหลานอยู่ในสายตาอินทัช เขาอยากมีครอบครัวอบอุ่นอย่างนี้ ชีวิตของเขาพบเจอแต่การทะเลาะโต้เถียงของพ่อกับแม่ เขากลายเป็นคนเงียบเพราะไม่อยากทะเลาะกับใครแต่ถ้ามีใครมาทำไม่ดีหรือไร้เหตุผล เอาเปรียบกับเขาหรือกับคนในครอบครัวเขาก็ไม่ยอมเช่นกัน

“ผมตั้งใจจะมากินข้าวมื้อเย็นกับย่าน้อยแต่กินมื้อเที่ยงดีกว่า กับข้าวน่าจะเยอะกว่ามื้อเย็นก็เลยรีบมาไงครับ”

“เห็นแก่กินเหมือนน้องสาวแกไม่มีผิด”

นวลน้อยทำทีโกรธชายหนุ่มกำลังกอดหล่อนอยู่แต่ไม่จริงจัง รอยยิ้มและมือลูบหลังเหลนเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าหล่อนไม่เคยโกรธหลานหรือเหลนของหล่อน

“รู้จักกันไว้ บางที วันข้างหน้าอาจต้องพึ่งพากัน ฉันหวังว่าพวกเราจะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันตลอดไปนะพ่อหนุ่ม”

นวลน้อยมองอินทัช สายตามีเมตตาเต็มเปี่ยม เช่นเดียวกับมองวิภูและหงสา กล้ารู้จักนวลน้อยมานานแล้ว เขาซาบซึ้งถึงความมีเมตตาต่อคนรอบข้างของหล่อน คำพูดบางคำไม่น่าฟังแต่เป็นจริง บางคำไม่พูดออกมาแต่สื่อทางสายตาก็ทำให้หลานๆ เกรงใจ หากอินทัชรู้จักนวลน้อยมากกว่านี้คงหลงรักนวลน้อยเช่นเดียวกับเขา

“ผมต่างหากครับที่จะขอคำแนะนำจากย่าน้อย”

อินทัชไม่เข้าใจคำพูดของนวลน้อยสักเท่าไร สรุปใจความได้ว่า เขาน่าจะเป็นฝ่ายขอพึ่งบารมีของนวลน้อยมากกว่านวลน้อยหรือคนในครอบครัวของหล่อนมาขอพึ่งเขา

“ไม่แน่เสมอไปหรอกพ่อ คนแก่อย่างฉันอาจขอพึ่งพ่อในวันข้างหน้าก็ได้ ไม่มีใครรู้หรอก วันนี้ทำให้ดีที่สุด คิดจะทำอะไรก็รีบๆ ทำ ว่าแต่ มาอยู่บ้านนี้ จะทำอะไร ทำงานบริษัทงั้นรึ”

“ผมจะเปิดบริษัทแข่งกับพ่อผมครับ ดึงคนงานมาให้หมดเลย สั่งปิดบริษัทคุณกล้า เอาพนักงานมาทำงานกับผม ตกลงมั้ยครับคุณกล้า นี่เป็นคำแนะนำของพี่อรนะครับ”

เสียงหัวเราะดังขึ้น ทุกคนใจหายเมื่อฟังประโยคแรกของอินทัชแต่พอฟังประโยคท้ายจึงรู้ว่าเขาแกล้งกล้า ว่าที่พี่เขยของเขา กล้าได้แต่ยิ้มกว้าง มองหน้าอรรียาอย่างคาดโทษ หล่อนเมินหน้าทำไม่รู้ไม่ชี้ อารดาจึงเอ่ยออกมา

“ในฐานะที่พี่เป็นพี่คนโต พี่อนุมัติจ้ะอิน ยึดบริษัทเลย”

“ไม่ได้ค่ะ ถ้ายึด หงส์ก็ตกงานสิคะ ใช่มั้ยคะพี่กล้า”

“จะตกได้ยังไงก็ไปทำกับคุณอินสิ”

“ไม่ได้หรอกค่ะย่าน้อยเพราะเคมีไม่ตรงกัน”

หญิงสาวตอบคำของย่าน้อย หางตาชำเลืองมองอินทัช เขายิ้มรออยู่แล้ว เมื่อหล่อนเปิดฉากเป็นคู่อริกับเขาก่อน เขาก็ต้องตอบกลับไม่ยิ่งหย่อนกัน

“เธอรู้ได้ยังไงว่าไม่ตรงกัน ฉันว่าเคมีเธอกับฉันตรงกันตั้งแต่อยู่ในความฝันแล้วมั้ง ใช่มั้ยแม่นางหงส์”

จบคำพูดของอินทัช ภาพในความฝันไหลเข้ามาเป็นภาพชัดเจน หงสาถึงกับเป็นลมล้มต่อหน้าทุกคน

“ไอ้หงส์...”

เสียงเรียกดังแว่วอยู่ไกลๆ แม่นางหงส์กำลังก้มเก็บดอกโมกอยู่หน้าบ้าน นางรับใช้สองคนเดินถือพานสีเงินเข้ามาหาหล่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel