ตอนที่ 4
“ก็ตอนนี้ลั่นทมไม่อยู่นี่นา ระหว่างที่มันยังไม่มาข้าขอนั่งด้วยจะเป็นไรไป”
เชิดบอกพลางถือวิสาสะนั่งขัดสมาธิลงข้างๆ ร่างเอิบอิ่ม
“วันนี้เอ็งสวยจัง”
ชายหนุ่มถือโอกาสชม สายตาคมจับอยู่ที่ใบหน้าสะสวยของราตรี เห็นชัดว่าหญิงสาวสวยมากตอนที่ลำแสงสาดสะท้อนจอหนังแล้ววับวาบมากระทบเสี้ยวหน้าของหล่อน
“อย่าเพิ่งคุยได้มั้ย... ฉันจะดูหนัง”
ราตรีบอกทั้งที่สายตายังไม่ละจากจอหนังตรงหน้า และดูเหมือนว่าเชิดเองก็พอใจมากที่ได้แอบมองราตรีอยู่อย่างนั้น เขาแลสำรวจเรือนร่างอวบอัดของหล่อนโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ดูหนัง
เชิดแอบสนใจราตรีมานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ วันนี้จึงนับว่าเป็นโอกาสดีมากสำหรับหนุ่มสาวในชนบทบ้านนอกที่มักจะนัดเจอกันตอนมีหนังมีลิเกมาแสดงที่ลานวัด
“อยากกินขนมมั้ย เดี๋ยวข้าเลี้ยงเอง กล้วยแขกหรือข้าวโพดคั่วดีล่ะบอกมาได้เลย”
เชิดถาม น้ำเสียงเอาอกเอาใจจนหญิงสาวรู้สึกได้
“ไม่เอาอะไรทั้งนั้น... ฉันจะดูหนัง”
ราตรีตอบขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่จอหนัง ถ้าตอนนั้นหล่อนหันมาสักนิดจะรู้ว่ามีสายตาของเชิดแอบมองอยู่ตลอดเวลา
“วันนี้เอ็งสวยจัง”
เชิดชมอีก เขานั่งใกล้ราตรีจนได้กลิ่นแป้งอ่อนๆ ที่หอมกรุ่นไปทั่วผิวกายสาว
“ปีนี้เอ็งอายุเท่าไรแล้ว”
“สิบแปด”
ราตรียังคงตอบโดยไม่ได้สนใจมองหน้าเขา ความอวบอัดเกินตัวของหล่อนทำให้แลดูเป็นสาวเกินวัย
เชิดเป็นผู้ชายหน้าตาดี แม้ฐานะจะไม่ได้ร่ำรวยแต่นายผินผู้เป็นบิดาก็มีไร่นาเป็นของตัวเอง สามารถเลี้ยงตัวได้อย่างพอเพียงไม่เดือดร้อน
แต่ก่อนพ่อของเชิดเคยเป็นเสือเก่า เพราะชอบทำตัวเป็นวีรบุรุษนอกกฏหมายที่จี้ปล้นคนรวยแล้วเอาเงินมาเจือจานแจกจ่ายช่วยเหลือคนจน หลังจากวางมือจากวงการเสือผินก็ย้ายถิ่นฐานลงมาจากทางเหนือ ตัดสินใจลงหลักปักฐานด้วยการยึดอาชีพทำนาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มานานหลายปี
“เอ็งเป็นสาวแล้วนะรู้ตัวหรือเปล่า”
เชิดชวนคุยด้วยเรื่องราวที่ยังวนเวียนอยู่กับตัวของหญิงสาว สายตาวับวาวจับอยู่ที่เสี้ยวหน้าสะสวยของราตรีโดยที่เจ้าตัวหารู้ไม่ว่าชายหนุ่มแอบมองในทุกอิริยาบถของหล่อน
“เป็นสาวแล้วยังไง... พี่เชิดจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอฉันไปเป็นเมียอย่างนั้นรึ”
ราตรีหันมาถามด้วยคำถามที่ทำให้หัวใจของเชิดเต้นแรง สุ้มเสียงของหล่อนบ่งบอกว่าพูดเล่น แต่หัวใจของชายหนุ่มกลับพองโตขึ้นมาจริงๆ
“เอ็งอย่าทำพูดเล่น... ข้าเอาจริงนะราตรี”
เชิดทึกทัก
“ฉันรู้มาว่ามีผู้หญิงทั้งบางแอบชอบพี่เชิด... ก็เลือกเอาสักคนสิจ๊ะ นังจันทร์แรม นังพิกุล นังมะลิก็ได้”
ราตรีแนะ
“เอ็งไม่ต้องยกคนนั้นคนนี้มาอ้าง... ข้าไม่เอาใครทั้งนั้น”
เชิดว่า
“เอ้า... ทำไมล่ะ”
“ก็เพราะว่าข้าชอบเอ็งน่ะสิ”
เป็นครั้งแรกที่ราตรีหันมามองหน้าชายหนุ่มชัดๆ คำพูดนั้นสะกิดใจราตรีอย่างแรง หล่อนยอมรับว่าเชิดดูหล่อเหลามาก หน่วยก้านกำยำล่ำสันสมชายชาตรี ผิวสีทองแดดคร้ามแดดยิ่งทำให้เขาดูแข็งแรงแกร่งกล้า ไม่แปลกถ้าจะมีหญิงสาวในหมู่บ้านมากมายมาหลงรักเขา
“พี่เชิดพูดเล่นใช่ไหมที่ว่าชอบฉัน”
ราตรีถามจริงจัง
“เอ็งนี่แปลกคน... เรื่องแบบนี้ใครเค้าพูดเล่นกันล่ะ”
สายตาของเชิดยังไม่ละจากใบหน้าสะสวย วิธีการมองด้วยแววตาชอนลึก แลสำรวจเข้าไปในสรรพางค์กายสาวราวจะมองให้ทะลุเสื้อผ้านั้นทำเอาราตรีหน้าแดงระเรื่อไปด้วยความรู้สึกขวยเขิน
จู่ๆ ใบหน้าก็เกิดอาการซ่านแดง ร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หารู้ไม่ว่ามันคือสัญญาณเตือนว่าหล่อนเป็นสาวเต็มตัวแล้ว
“บอกกันตรงๆ ต่อหน้าแบบนี้ฉันอายนะพี่เชิด”
กล่าวพลางลูบแขนตัวเองด้วยความขวยเขิน
“เรื่องนี้มันรอไม่ได้... ข้าหาจังหวะมานาน แอบมองตั้งแต่เห็นเอ็งก้าวเข้ามาที่ลานวัดกับน้องสาว ต้องขอบใจลั่นทมที่มันช่วยเปิดทางให้”
“อะไรนะ... นี่พี่เชิดกับลั่นทมรู้กันใช่ไหม เจ้าเล่ห์จริงๆ”
สาเหตุที่ลั่นทมหายไปซื้อถั่วต้มเสียนานจนรู้สึกเป็นห่วง ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
“ก็ข้าอยากคุยกับเอ็งอีก... เคยขับเรือหางผ่านหลังบ้านเอ็งก็หลายครั้ง ครั้นจะจอดเรือลงไปจีบก็กลัวโดนน้าชบาแม่เอ็งถีบตกเรือน”
เชิดบอกด้วยน้ำเสียงติดตลก
“คืนนี้อย่าเพิ่งรีบกลับนะ... ข้ายังอยากคุยกะเอ็งต่อ”
เชิดรีบกระซิบกระซาบ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นว่าลั่นทมกำลังเดินกลับมาพร้อมกับถุงกระดาษใส่ถั่วต้มที่ถืออยู่ในมือ จึงชิงบอกกับราตรีด้วยรู้สึกอัดอั้นเพราะว่าความในใจที่ต้องการระบายยังไม่หมดไปจากอกเสียทีเดียว
“ก็คุยสิ... ฉันก็นั่งอยู่นี่ไง”
“หมายถึงคุยกันส่วนตัวกว่านี้... ไม่ใช่ตรงนี้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เย็นๆ ข้าจะไปรอเอ็งที่หนองน้ำริมทุ่ง เอ็งมาให้ได้ก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มรีบรวบรัดนัดหมายเป็นหมั้นเป็นเหมาะ
“อุ๊ย... ฉันไม่รับปากนะ ไม่แน่ใจว่าจะไปได้หรือเปล่า”
ท่าทางของราตรีดูลังเลใจที่จะไปพบชายหนุ่มตามที่เขาบอก
“เอาเป็นว่าข้าจะไปรออยู่ก็แล้วกัน... เอ็งลองหาทางดูก่อน ไม่ว่าเอ็งจะมาได้หรือไม่ได้แต่ข้าสาบานว่าจะไปรอที่หนองน้ำอย่างแน่นอน”
เชิดแน่วแน่ ยังไงก็ไม่เปลี่ยนใจในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว
“พี่เชิดชอบฉันจริงๆ หรือ”
ราตรีเร่งถามเมื่อลั่นทมเดินเข้ามาใกล้ทุกที
“ข้าแอบรักเอ็งมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้บอก... กระทั่งวันนี้”
เชิดสารภาพด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ทว่าคำพูดนั้นก็สะท้อนกึกก้องอยู่ในหูของราตรี