ตอนที่ 3
“โอ้ววว... ”
ชบากรีดร้องออกมาในที่สุด รีบส่งสัญญาณเร่งเร้าให้เขาเข้ามาลึกๆ ด้วยมือที่จิกเกร็งอยู่กับต้นแขนของเขา สะโพกกลมกลึงลอยร่อนขึ้นรับแรงอัดกระแทกของเถ้าแก่หวังที่ตอบสนองความต้องการของหล่อนได้อย่างไม่ผิดหวัง
เสี้ยวนาทีต่อมาสวรรค์รำไรรางก็พร่าเลือนอยู่ภายใต้เปลือกตาพริ้มสนิทของชบา พร้อมๆ กับความรู้สึกอุ่นร้อนจากน้ำรักขุ่นข้นทะลักทลายออกมาจากความแข็งแกร่งที่ยังคาคับเป็นส่วนหนึ่งในกลีบเนื้อกระตุกตอด
“อ๊า... เอ็งทำให้ข้ามีความสุขเหลือเกินชบาจ๋า”
พึมพำแล้วร่างของเถ้าแก่หวังก็ทรุดฮวบลงทับเรือนกายระทดระทวยของชบา ขณะที่มือทั้งสองข้างของเขายังคงบีบเค้นเต้าทรวงสล้างทั้งสองข้างจนหนั่นเนื้อปูดปลิ้นออกมาตามช่องว่างระหว่างซอกนิ้ว ก่อนจะก้มลงนาบริมฝีปากดูดเลียสลับไปมาทั้งซ้ายขวาอย่างลุ่มหลง
“ว้าย... ”
จู่ๆ ชบาก็อุทานออกมาเสียงดัง
“เอ็งเป็นอะไร”
เถ้าแก่หวังเงยหน้าขึ้นจากทรวงอกที่กำลังฟอนฟัด ตอนนั้นเองจึงได้กลิ่นไหม้ลอยมาจากครัว
“ฉันหุงข้าวทิ้งเอาไว้”
ชบารีบผละออกมาจากลำตัวเปลือยเปล่าของเถ้าแก่หวังที่ก่ายเกยอยู่ในตอนนั้น หลังจากพายุอารมณ์มอดลงแล้ว หล่อนคว้าผ้าถุงขึ้นมากระโจมอก รีบก้าวยาวๆ เข้าครัวไปดูหม้อข้าวที่ตั้งทิ้งเอาไว้บนเตาฟืนก่อนที่จะไหม้จนกินไม่ได้
ครู่ต่อมาเถ้าแก่หวังก็สั่งให้คนงานในเรือช่วยกันขนข้าวสารอาหารแห้งขึ้นมาบนเรือนของชบา แลกกับข้าวปลาอาหารที่หล่อน หุงหาไปเลี้ยงดูคนงานในเรือเหมือนเช่นทุกครั้งที่เขาล่องเรือผ่านคุ้งน้ำมาใกล้บ้านของหล่อน
ชบามองดูข้าวของที่ชู้รักขนมาให้ด้วยสายตาพึงพอใจ อันที่จริงหล่อนไม่ได้รักเถ้าแก่หวังเลยสักนิด หากแต่ทุกอย่างที่ทำลงไปก็เพราะผลประโยชน์และความต้องการทางกามารมณ์ล้วนๆ
ชบาไม่ได้รู้สึกว่าการร่วมหลับนอนกับเจ้าของเรือเอี๊ยมจุ๊นลำนี้จะเป็นการเปลืองเนื้อเปลืองตัวแต่อย่างใด ด้วยมองว่ามันเป็นเรื่องของความสุขทางเพศที่ผู้หญิงทุกผู้ทุกคนสมควรจะได้รับอย่างเท่าเทียมกัน โชคร้ายที่สามีของหล่อนจากไปเสียก่อน ไม่ผิดอะไรที่หล่อนจะแสวงหาเอาจากเถ้าแก่หวังที่พร้อมจะเสนอสนองให้ด้วยความเต็มใจ
ชบาเป็นผู้หญิงฉลาดในการต่อรอง หล่อนไม่ยอมเสียตัวให้ใครฟรีๆ ใครไม่มาเป็นหล่อนก็คงไม่มีวันรู้ว่าแม่ม่ายผัวตายที่ต้องเลี้ยงดูลูกๆ เพียงลำพังนั้นลำบากยากเข็ญเพียงไร
การที่ลูกๆ ได้อิ่มหนำ มีข้าวกินกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะแต่ละครั้งที่ยอมร่วมหลับนอนกับเถ้าแก่หวังนั่นย่อมหมายถึงข้าวสารกระสอบใหญ่และอาหารแห้งมากมายที่เขาขนมาให้ถึงเรือน
ในเวลาต่อมา
เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวที่กำลังหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนานขึ้นมาบนเรือน ทำให้เถ้าแก่หวังผละออกจากร่างอวบอัดของชบาที่กำลังกอดรัดพะเน้าพะนอนัวเนียอยู่ตรงนอกชาน
“กลับมาแล้วรึ”
ชบาถามลูกสาวทั้งสอง
“จ้ะแม่... หนังกำลังกางจอ มีลิเกด้วยนะแม่ ฉันซื้อข้าวเกรียบว่าวกับขนมปุยฝ้ายมาฝากแม่ด้วยแหละ เดี๋ยวอาบน้ำกินข้าวแล้วจะรีบออกไปดูหนัง”
ราตรีรีบบอกหลังจากออกไปดูลาดเลาที่ลานวัดมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ในมือข้างหนึ่งหิ้วข้าวเกรียบว่าวแผ่นใหญ่ซ้อนกันอยู่ในถุงพลาสติกใส ลั่นทมหิ้วถุงขนมปุยฝ้ายหลากสีสัน หากแต่สายตาของเด็กสาวกลับจ้องมองเถ้าแก่หวังด้วยความรู้สึกขุ่นข้องที่เห็นว่าเขายังอยู่บนบ้าน แทนที่จะกลับลงเรือไปได้แล้ว
ลั่นทมยอมรับว่าไม่ชอบหน้าเถ้าแก่หวัง แต่จะขัดอย่างไรได้ ถ้ามันเป็นความต้องการของนางชบาผู้เป็นมารดาที่ยอมให้เขาขึ้นมานอนร่วมห้องโดยไม่สนใจคำครหานินทาของผู้คนที่เริ่มแพร่สะพัดไปทั้งตำบลว่านางชบามีความสัมพันธ์ลับๆ กับเถ้าแก่โรงสีที่ล่องเรือขายข้าวสารผ่านมาทางหลังบ้าน
“อาบน้ำแล้วก็รีบมากินข้าวซะจะได้พาน้องไปดูลิเก”
นางบชาบอกกับราตรีซึ่งเป็นลูกสาวคนโต
“แม่ไม่ไปด้วยกันหรือจ๊ะ”
ลั่นทมเอ่ยถาม แววตาทอดมองใบหน้าของมารดาด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ราวกับกลัวว่าจะเกิดอันตรายถ้าหากทิ้งให้อยู่ลำพังกับเถ้าแก่หวัง
“ลิเกข้าดูมาเยอะแล้ว... พวกเอ็งไปกันเถอะ ดูแลน้องด้วยนะราตรี”
“จ้ะแม่”
ราตรีรับปาก จากนั้นสองสาวก็พากันไปอาบน้ำริมคลอง หัวใจพองโตด้วยความตื่นเต้นดีใจที่จะได้กลับไปดูหนังดูลิเก กำลังจะเริ่มแสดงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ที่ลานวัดซึ่งอยู่ไม่ไกล หนังกลางแปลงเริ่มขึ้นแล้ว ราตรีปูเสื่อลงบนลานดินหลังจากหาที่นั่งได้เหมาะเจาะดีแล้ว ไม่ไกลจากจอหนังที่ขึงตระหง่านอยู่กลางลานวัด เสียงเพลงดังมาจากลำโพงบริเวณเครื่องปั่นไฟและเครื่องไฟขยายเสียงช่วยทำให้บรรยากาศดูครึกครื้น ผู้คนเริ่มขวักไขว่หนาตา พากันมาดูมหรสพซึ่งนานๆ จะมีมาสักที
“พี่ราตรี... ฉันจะไปซื้อถั่วต้ม”
ลั่นทมบอกพี่สาวแล้วขยับลุกขึ้นจากเสื่อ ทอดสายตาไปยังกลุ่มแสงตะเกียงเรืองๆ ทางด้านหลังซึ่งเป็นรถเข็นขายถั่วต้ม ผลไม้ดอง ลูกชิ้นปิ้งและข้าวโพดปิ้งเรียงรายอยู่ติดๆ กันหลายร้าน
“เออ... รีบมานะ หนังกำลังสนุก”
ราตรีบอกน้องสาว
ทว่าในขณะที่กำลังนั่งดูหนังอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ เสียงทุ้มกังวานของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“ราตรี... ขอข้านั่งดูหนังด้วยคนได้มั้ย”
เมื่อหญิงสาวเหลียวกลับมาก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือเชิด ลูกชายตาผิน หรือที่คนในหมู่บ้านขนานนามเดิมว่าเสือผิน มีบ้านอยู่ที่ท้ายทุ่งของหมู่บ้าน
“ตรงนั้นที่นั่งลั่นทม”
ราตรีเหลือบไปยังพื้นที่ว่างข้างๆ ตอบอย่างไว้เนื้อไว้ตัว