บทที่ 7 ร้อนรุ่ม
คุณหญิงชื่นจิตมองหน้าสามีพร้อมรอยยิ้มที่แอบซ่อนความพอใจบางอย่างไว้อย่างมิดชิด หล่อนจะทำให้ท่านพระยารังสรรค์อาจณรงค์ร้อนรุ่มหัวใจด้วยความอยากรู้สักครู่ หากความเร่งรีบที่ท่านพระยาเข้ามาถึงศาลาพักร้อนนี้เป็นไปอย่างที่หล่อนคาดเดา
“ดูคุณพี่มีเรื่องร้อนใจ เกิดอะไรขึ้นรึคะ” คุณหญิงแสร้งถาม
“เปล่าดอกคุณหญิง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับใครดอกเพียงแต่พี่เห็นสมพายเรือให้ผู้หญิงนั่ง ไม่ใช่คนในบ้านเรา คุณหญิงให้สมไปส่งใครรึ”
คำถามและดวงตาอยากรู้ของผู้นำบ้านวนารังสรรค์เรียกรอยยิ้มจากคุณหญิงชื่นจิตได้ไม่น้อยทีเดียว สิ่งที่หล่อนคิดเป็นความจริง พระยารังสรรค์อาจณรงค์อยากรู้จักหญิงสาวที่นั่งเรือไปกับสม ไม่เพียงอยากรู้จักเท่านั้นแต่ท่านพระยาพอใจในตัวนางผู้อ่อนวัย
“คุณพี่เห็นรึคะ” คุณหญิงแย้มยิ้มอย่างใจเย็น หล่อนจะถ่วงเวลาในท่านพระยาร้อนรนเพราะความอยากรู้มากกว่านี้
“ใช่จ้ะ พี่ถึงอยากรู้ว่าหล่อนผู้นั้นเป็นใคร พี่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน หล่อนมาพบคุณหญิงรึ มาพบทำไมรึ คุณหญิงรู้จักหล่อนรึ”
เขาถามไม่หยุดช่วงหายใจ คุณหญิงหัวเราะเบาๆ พลางเงยหน้าขึ้นสบตาสามีอย่างรู้ทัน
“คุณพี่ถามติดกันอย่างนี้ฉันจะตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะ”
“เอ่อ.พี่ก็ถามไปอย่างนั้นเพราะไม่เคยเห็นคนแปลกหน้ามาที่บ้านเรานานแล้ว”
ท่านพระยาหันหน้าหนีสายตาของภรรยา หล่อนรู้ว่าเขาคิดอย่างไร ดูเหมือนว่าหล่อนจะรู้ทันเขาไปเสียหมดแต่เขาก็ยอมรับว่าอยากรู้จักหญิงสาวหน้าตาหมดจดนั่น
“ถามไปอย่างนั้นแค่นั้นหรือคะ ถ้าคุณพี่ถามไปอย่างนั้น ไม่สนใจแขกของฉันเป็นพิเศษ ฉันก็ไม่บอกค่ะว่าหล่อนเป็นใคร แม่ชั้นเก็บสำรับที ฉันจะเข้าไปดูในสวนสักหน่อยเห็นขนุนต้นกลางสวนแก่อยู่ ตัดได้รึยังก็ไม่รู้”
คุณหญิงหันไปเรียกชั้นเก็บอาหารบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ไม่รับรู้กับสีหน้าขอความเห็นใจของสามี ชั้นยืนมองเจ้าบ้านแล้วหันมามองนายหญิงใหญ่
“คุณหญิงเจ้าคะ คุณท่านอยากรู้ก็บอกเถอะเจ้าค่ะ” ชั้นเอ่ยอย่างกริ่งเกรงนายสาว
“แม่ชั้น ไม่ต้องออกความคิด เก็บสำรับแล้วตามฉันไปในสวน เอาตะกร้าติดไปด้วยนะเผื่อได้ผลไม้ออกมากินกัน”
“คุณหญิง อย่าแกล้งให้พี่ร้อนใจมากกว่านี้เลยนะ ผู้หญิงคนนั้นมาหาคุณหญิงทำไมรึ มายืมเงินรึเปล่า” พระยารังสรรค์ฯ รู้ว่าภรรยาใหญ่กำลังแกล้งให้เขารุ่มร้อนด้วยความอยากรู้จักหญิงสาวผู้นั้น
“เปล่าค่ะ แม่ทับทิมมิได้มาหยิบยืมเงินจากฉันแต่หล่อนเอาสร้อยทับทิมที่ฉันทำตกหายมาคืนค่ะ”
คุณหญิงหันมาตอบแล้วก้าวเดินออกจากศาลาด้วยท่าทีเนิบช้า หางตาชำเลืองมองสามีแล้วยิ้มบางเมื่อเขาลุกขึ้นก้าวตามหล่อนออกมา
“เอาสร้อยมาคืนคุณหญิงอย่างนั้นรึ” เขาถามน้ำเสียงไม่อยากเชื่อที่คุณหญิงชื่นจิตพูด
“คุณพี่ไม่เชื่อใช่ไหม ตอนแรกฉันก็ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นจะเอาสร้อยมาคืน หากเป็นคนอื่นคงไม่คืนดอกคงเอาไปขายเจ๊กแล้วแต่เด็กคนนี้เอามาคืนเจ้าของ ฉันถูกชะตากับแม่ทับทิมมากเชียวค่ะ”
“นั่นสิ คนดีเยี่ยงนี้น่าให้รางวัล คุณหญิงให้รางวัลหล่อนไปรึเปล่า” ท่านพระยาหนุ่มยิ้มพรายพราว
“ให้ค่ะแต่หล่อนไม่รับ หล่อนบอกว่าหากของชิ้นนี้เป็นของหล่อนหล่นหาย หล่อนต้องเสียใจมาก หล่อนคิดถึงเจ้าของสร้อยจึงรีบเอามาคืน”
“ช่างเป็นคนดีจริงๆ พี่ว่าคุณหญิงต้องตอบแทนความดีของหล่อนบ้างนะ”
“คุณพี่จะให้ฉันทำเยี่ยงไรจึงจะตอบแทนความดีของแม่ทับทิมได้เหมาะสมคะ”
ภรรยาใหญ่ลองใจสามีอีกครั้ง หล่อนไม่บอกว่าให้แหวนทองคำกับทับทิมไปแล้ว หล่อนอยากได้ยินสามีพูดออกจากปากว่าต้องการตอบแทนทับทิมอย่างไร
“ให้สร้อยทองสักเส้นเป็นอย่างไร คุณหญิงเห็นด้วยกับพี่ไหม” สามีตอบ รอยยิ้มกระจายทั่วใบหน้า
“เห็นด้วยค่ะ แต่จะเอาไปให้ที่บ้านหล่อนรึว่าเรียกหล่อนมารับกับมือคุณพี่ดีคะ” คุณหญิงก้าวเท้าไปเรื่อยๆ
“คุณหญิงรู้จักบ้านหล่อนรึ” ท่านพระยาจ้องหน้าภรรยา
“ให้สมไปดูแล้วค่ะ มะรืนนี้ฉันจะไปเยี่ยมเยียนแม่ทับทิมถึงบ้าน คุณพี่ฝากสร้อยฉันไปก็ได้ฉันจะบอกหล่อนให้ว่าคุณพี่เมตตาให้เป็นของรางวัล” คุณหญิงหยุดยืนใต้ต้นมะม่วงในสวนหันมามองหน้าสามี
“พี่ไปให้ด้วยมือพี่เองไม่ดีกว่ารึคุณหญิง พี่อยากขอบใจหล่อนด้วย”
ท่านพระยายิ้มพราวขณะตอบคำของภรรยา รอยยิ้มของสามีสร้างความพอใจให้คุณหญิงอยู่เงียบๆ ความหึงหวงในยามนี้ไม่มีอยู่เลย หล่อนอาจจะชินกับการที่สามีพาภรรยาลองเข้ามาอยู่ในรั้วบ้านเดียวกันถึง 2 คนแล้วก็ได้
นอกจากแน่งน้อยกับผกาแล้ว หากจะมีทับทิมมาเป็นภรรยาเล็กอีกคนคงไม่หนักหนาสาหัสอะไรนักหรอก ท่านพระยารังสรรค์ฯ แสดงออกชัดเจนเช่นนี้ว่าพอใจในตัวทับทิมหล่อนก็จะไม่ห้ามแต่ทับทิมเล่าจะพอใจสามีหล่อนของหรือไม่ จะอย่างไรก็ตามหล่อนอยากให้ทับทิมรู้จักพระยารังสรรค์อาจณรงค์ในเร็ววันนี้