บทที่ 6 พระยารังสรรค์
“น่าแปลก ผู้หญิงสาว งดงามทั้งกริยาและวาจาเยี่ยงเจ้าจะไม่มีชายใดเหลียวแล ฉันไม่อยากเชื่อเลยนะ”
“ตาสมมาแล้วเจ้าค่ะ”
ชั้นเร่งฝีเท้าเข้ามาในศาลาโดยมีชายวัยกลางคนเดินตามห่างๆ คุณหญิงมองสมแล้วเอ่ยขึ้น
“สม ไปส่งแม่ทับทิมให้ฉันทีแล้วจำบ้านไว้ด้วย วันมะรืนฉันจะไปหาแม่ทับทิมจะได้ไม่ต้องร้องถามชาวบ้านแถวนั้นให้เสียเวลา”
“ขอรับคุณหญิง” สมรับคำสั่งแล้วก้มศีรษะเล็กน้อย
“ดิฉันขอบพระคุณคุณหญิงเจ้าค่ะ ดิฉันลาเจ้าค่ะ”
หญิงสาวยกมือไหว้คุณหญิงอีกแล้วเดินออกจากศาลาพักร้อนไปที่ท่าน้ำ บันไดสะพานไม้ต่อทอดออกไปในลำคลอง ทับทิมก้าวลงไปยืนรอเรือซึ่งสมกำลังดึงเชือกหัวเรือเข้ามาเทียบสะพาน หญิงสาวค่อยๆ หย่อนเท้าลงเรืออย่างระวัง สมวาดใบพายลงในน้ำเบนหัวเรือออกจากท่า ทับทิมเหลียวมองขึ้นไปบนศาลาพักร้อน คุณหญิงมองมาที่หล่อนพร้อมรอยยิ้ม
ความกลัวในหัวใจคลายลงเมื่อเรือล่องห่างจากท่าน้ำ ก่อนจะมาถึงบ้านท่านพระยารังสรรค์อาจณรงค์ ทับทิมถอนหายใจหลายเฮือก บอกไม่ได้ว่ากลัวพระยารังสรรค์ฯกับคุณหญิงชื่นจิตทำไมแต่คำร่ำลือเกี่ยวกับความเป็นเจ้าระเบียบของคุณหญิง ความเข้มงวดและทุกอย่างต้องอยู่ในสายตาทำให้ทับทิมไม่กล้า
ส่วนท่านพระยาฯผู้เป็นสามีของคุณหญิง ข่าวลือไม่สู้ดีนัก คนในตลาดรวมทั้งสะอางน้าสาวของทับทิมรู้ข่าวนี้กันถ้วนหน้า พระยารังสรรค์ฯ มีภรรยาหลายคนและไม่เลือกว่าหญิงผู้นั้นจะเป็นใครมาจากไหน หากท่านพระยาฯ พอใจต้องตามตัวมาเป็นภรรยาทุกคนเพราะเหตุนี้อีกกระมังที่ทับทิมกลัวจึงไม่อยากอยู่บ้านท่านพระยารังสรรค์ฯ นานเกินไป
พระยารังสรรค์ฯ เดินลงเรือนเล็กของแน่งน้อยและผกาไปตามทางเดินเรียบริมคลอง สองข้างทางปลูกไม้หลากพันธุ์เรียงเป็นระยะ กิ่งก้านใบให้ความร่มรื่นตลอดทางเดิน นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้เดินเล่นตามลำพังอย่างนี้ ทุกครั้งแน่งน้อยหรือไม่ก็ผกาต้องตามติด เว้นเสียแต่ว่าเขาสั่งห้ามเพื่อจะเดินเล่นกับคุณหญิงชื่นจิตเท่านั้น
เรือน้อยแล่นตามลำน้ำ หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่กลางลำเรือ ผมยาวรวบตึงขมวดมวยไว้ที่ท้ายทอย รูปหน้างดงามมองตรงไปข้างหน้า พระยารังสรรค์ฯ ชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดินหยุดยืนนิ่งกับภาพกลางลำคลองเบื้องหน้า เขาจำได้แม่นว่าคนพายอยู่ท้ายเรือเป็นคนในบ้านของเขาแต่หญิงสาวที่นั่งเด่นอยู่ในเรือคือใครกัน ดวงตาสีสนิมจ้องมองตาไม่กะพริบ เรือแล่นห่างออกไปสายตาคู่คมยังจับภาพนั้นไม่วางตา
“ตาสมไปส่งใคร”
คำถามหลุดออกมาจากริมฝีปากบางของพระยารังสรรค์ฯ ร่างสูงโปร่งของเขาก้าวยาวๆ กลับเรือนใหญ่ คิ้วหนาขมวดแล้วคลาย ดวงตาเข้มมีแววครุ่นคิดไม่จาง เขาต้องรู้ประเดี๋ยวนี้ว่าหญิงที่สมพายเรือให้นั่งนั้นเป็นใคร มาที่บ้านของเขาทำไมและมาพบใคร
“คุณพี่เจ้าคะ คุณพี่ จะไปไหนเจ้าคะ น้อยมีขนมหวานรออยู่เจ้าค่ะ” แน่งน้อยเดินเข้ามาขวางทางสามีเมื่อเห็นเขากำลังจะเดินกลับเรือนใหญ่
“ข้าไม่หิว เอ็งกินกันเถอะ ข้ามีธุระด่วนต้องทำ” เขาผลักไหล่แน่งน้อยเบาๆ แล้วเบี่ยงตัวเดินผ่านไปโดยไม่ใส่ใจกับขนมหวานที่แน่งน้อยพูดถึง สิ่งที่ดึงดูดใจเขามากกว่าขนมรสชาติใดๆ คือหญิงงามผู้นั้นต่างหาก
“จะรีบไปไหนนะ มีธุระอะไรหนักหนา วันนี้เป็นวันพักมิใช่รึ คุณพี่นะคุณพี่ คืนนี้เราคงอดอีกตามเคย”
“บ่นอะไรรึพี่น้อย”
“ก็คุณพี่นะสิ กลับเรือนใหญ่ไปแล้ว เอ็งทำไมไม่ห้ามไว้วะ” แน่งน้อยหันมาตวาดใส่ผกา
“แล้วทำไมพี่ไม่ห้ามเสียเองล่ะ อย่ามาทำเสียงแบบนี้กับฉันนะ พี่ก็เมีย ฉันก็เมียเหมือนกัน”
ผกาตอบกลับน้ำเสียงไม่ต่างกันเท่าไรนักเพราะแน่งน้อยใช้อารมณ์กับหล่อนมากเกินที่หล่อนจะทนรับได้ ความผิดเล็กๆ น้อยๆ แน่งน้อยมักจะโยนมาให้หล่อนรับเพียงคนเดียวมันไม่ยุติธรรมสำหรับหล่อนสักนิด
“นี่เอ็งกล้าขึ้นเสียงกับข้ารึนังผกา” แน่งน้อยไม่ยอมแพ้ เท้าสะเอวชี้หน้าผกา ดวงตาวาววับ
“ก็พี่ขึ้นเสียงกับฉันก่อนไม่ใช่รึ เอะอะก็โทษฉัน พี่ไม่มองตัวเองบ้าง อย่างนี้ฉันก็น้อยใจเป็นเหมือนกัน ถ้าพี่โดนเอ็ดทุกวัน พี่ทนได้ไหมล่ะ” ผกาตอบโต้แต่ลดเสียงลง
“เอ็งอย่ามาต่อล้อต่อเถียงกับข้านะนังผกา ไสหัวไป” แน่งน้อยสะบัดหน้าหมุนตัวก้าวยาวๆ กลับเรือนเล็ก
“ชิ คิดว่าตัวเองมาก่อนรึอย่างไร ข้ามาทีหลังข้าก็มีสิทธิ์เทียบเอ็งนะโว้ยนังแน่งน้อย”
ผกาสะบัดหน้าเดินไปคนละทางกับแน่งน้อย พระยารังสรรค์ฯ รีบกลับเรือนใหญ่อาจมีงานราชการด่วนก็เป็นได้ หล่อนอยากเข้าไปสืบแต่อดใจไว้เลี่ยงเดินไปทางครัวแทน บางทีคนในครัวน่าจะรู้เรื่องบ้าง
“แม่เอี่ยม ไม่ทำกับข้าวส่งเรือนใหญ่รึไง คุณพี่มีแขกไม่ใช่รึ”
“แขกอะไร ไม่มีใครเลยค่ะคุณผกา”
เอี่ยมเรียกผกาตามคนอื่นๆ ที่ยอมเข้าเมืองตาหลิ่วกับตำแหน่งภรรยาคนที่สามของพระยารังสรรค์ฯ และคำพูดแต่ละคำต้องระวังอย่างมากแม้บางคนไม่อยากพูดดีด้วยก็ตาม แน่งน้อยกับผกาเข้ามาเป็นภรรยารองไม่กี่วันก็วางตัวเหนือคนอื่นและอวดตัวเป็นใหญ่ ความเจียมตนไม่มีอยู่ในตัวของสองสาว นี่เป็นส่วนหนึ่งที่คนในครัวและคนในบ้านทุกคนไม่ชอบยกเว้นบ่าวเรือนเล็กเท่านั้นที่คอยเอาใจนายหญิงและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อนายของตน
คุณหญิงชื่นจิตอมยิ้มเมื่อเห็นสามีเดินตรงมาที่ศาลาพักร้อนโดยไม่มีแน่งน้อยหรือผกาตามติดเป็นเงาตามตัว แผนแรกที่หล่อนวางไว้สัมฤทธิ์ผลแล้ว