บทที่ 5 สาวสวยท้ายตลาด
“อยู่ท้ายตลาดเจ้าค่ะ”
“ก็ไม่ไกล แล้วนี่หล่อนอยู่กับใคร มีพี่น้องกี่คน”
“ดิฉันอยู่กับน้าเจ้าค่ะ ไม่มีพี่น้อง”
“หล่อนเป็นกำพร้าอย่างนั้นรึ” คุณหญิงเลิกคิ้วสูง
“เจ้าค่ะ พ่อกับแม่ป่วยเป็นไข้ป่าเสียทั้งคู่เจ้าค่ะ น้ารับดิฉันมาอยู่ด้วย”
“อย่างนั้นรึ” คุณหญิงเริ่มสงสารหญิงสาวตรงหน้า ชีวิตของทับทิมไม่ใคร่สมบูรณ์นักด้วยเพราะขาดบิดามารดาตั้งแต่ยังเล็กแล้วต่อไปชีวิตจะเป็นเช่นไร
“แม่ชั้น ไปหยิบกระเป๋าสีดำของฉันมาที ฉันจะตบรางวัลกับแม่ทับทิมที่นำสร้อยมาคืนให้”
“คุณหญิงจะซื้อคืนหรือเจ้าคะ” ชั้นมองหน้านายหญิงแล้วหันไปมองหญิงสาวแปลกหน้า
“ใช่ ฉันพูดกับเถ้าแก่บุญเพ็งไว้แล้วก็ต้องทำตามนั้น”
“คุณหญิงเจ้าคะ” ทับทิมเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ ชื่นจิตหันมามอง
“มีอะไรรึ”
“ดิฉันไม่ขอรับดอกเจ้าค่ะ ดิฉันอยากคืนสร้อยเส้นนี้กับเจ้าของเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“หล่อนไม่ต้องการเงินจากฉันจริงรึ”
“จริงเจ้าค่ะ ดิฉันรบกวนคุณหญิงเท่านี้ ขอลาเจ้าค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้แล้วคลานเข่าถอยห่างแต่คุณหญิงเรียกไว้
“ประเดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป”
ทับทิมหยุดนิ่งเงยหน้ามองเจ้าของบ้าน รอฟังคำของผู้สูงวัยกว่าด้วยความสงสัย
“หล่อนไม่รับเงินจากฉันไม่เป็นไร ฉันมีของจะให้หล่อน เข้ามาใกล้ๆ ฉัน”
ทับทิมลังเล ชั้นจึงมองด้วยสายตาบังคับ หล่อนจึงคลานเข่าเข้าไปหาคุณหญิง
“ของสิ่งนี้ฉันให้หล่อนเพื่อเป็นการตอบแทนในความดีที่หล่อนเก็บได้สร้อยของฉันแล้วนำมาคืน แหวนวงนี้ฉันได้เป็นของขวัญวันแต่งงาน ของทุกชิ้นมีค่าสำหรับฉันเสมอแต่หากเทียบกับคนดีมีน้ำใจแล้วมันเทียบกันไม่ได้สักนิด รับไปสิ”
คุณหญิงชื่นจิตถอดแหวนจากนิ้วนางข้างขวายื่นให้ทับทิม หล่อนเหลือบมองแหวนแล้วยกมือไหว้
“ดิฉันรับไม่ได้เจ้าค่ะ แหวนวงนี้มีค่ามากเกินไป ดิฉันรับไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ”
“อย่างไรหล่อนก็ต้องรับ อีกสองวันฉันจะตามไปดูถึงบ้านหล่อน หากไม่เห็นหล่อนสวมแหวนที่ฉันให้ ฉันจะถือว่าหล่อนอวดดีกับฉัน รีบรับไป”
“รับไปเถอะหล่อน คุณหญิงใจดีกับหล่อนรู้ไหม” ชั้นคะยั้นคะยอทับทิมให้รับแหวนในมือคุณหญิง
“เจ้าค่ะ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ชื่นจิตอีกครั้ง
“บ้านหล่อนอยู่ติดคลองรึเปล่า ฉันจะให้ตาสมไปส่ง ไม่ต้องเดินไกล เมื่อกี้หล่อนเดินมารึ”
“เจ้าค่ะ”
“เดินไกลโขทีเดียว ขากลับไม่ต้องเดินแล้วละ แม่ชั้นไปตามตาสมมาที่นี่ ฉันจะให้ไปส่งแม่ทับทิมจะได้รู้จักบ้างช่องไว้ วันมะรืนฉันจะเที่ยวบ้านแม่ทับทิม”
“เจ้าค่ะคุณหญิง” ชั้นรับคำสั่งแล้วถอยออกไป
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใดที่ทำให้คุณหญิงชื่นจิตต้องชะตากับทับทิมยิ่งนัก ดวงตา คำพูดและกริยานอบน้อม รวมทั้งความซื่อสัตย์นี่กระมังเป็นสิ่งที่คุณหญิงถูกใจและแวบหนึ่งคุณหญิงคิดถึงพระยารังสรรค์ฯผู้สามี หากพระยารังสรรค์ฯเห็นทับทิมจะถูกชะตาเช่นเดียวกับหล่อนหรือไม่ หากพระยารังสรรค์ฯ ชอบทับทิม หล่อนจะเป็นคนไปสู่ขอหญิงสาวด้วยตัวเอง
“แม่ทับทิม ฉันถามหล่อนตรงๆ นะ หล่อนมีเหย้ามีเรือนรึยัง”
“ยังเจ้าค่ะ” ทับทิมตอบเสียงแผ่ว
“อย่างนั้นรึ ทำไมจึงยังไม่มี รูปร่างหน้าตาของหล่อนก็ใช่จะขี้ริ้วขี้เหร่ ถ้าพูดกันตามจริงหล่อนเป็นคนสะสวยมาก เหตุใดจึงไม่มีชายหนุ่มมาติดพัน”
คุณหญิงสนใจทับทิมมากยิ่งขึ้น หล่อนเชื่อว่าหญิงสาวไม่พูดปลดเรื่องการออกเรือนแต่เป็นเพราะเหตุใดเล่า หญิงสาวผู้งดงามทั้งร่างกายและจิตใจเช่นนี้จึงไม่มีชายหมายปอง สายตาสงสัยของคุณหญิงจับนิ่งที่ใบหน้าเกลี้ยงสะอาด
“เอ่อ.ดิฉัน..ไม่ทราบเจ้าค่ะ” ทับทิมก้มหน้าขณะตอบคำคุณหญิง หล่อนไม่กล้าพูดความจริงที่ทำให้หัวใจของหล่อนเจ็บปวด
คำเล่าลือเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบิดามารดาติดตัวเด็กน้อยมาจนถึงรุ่นสาว ชายหนุ่มที่เคยเมียงมอง พอรู้ข่าวลือก็ถอยห่างหล่อนไปหมด ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หล่อน เรื่องนี้สะอางและดวงรู้ดีแต่สองสามีภรรยาก็ช่วยแก้ข่าวนั้นแทนหลานสาวไม่ได้
“พ่อแม่นังทับทิมมันเป็นปอบ พอมันตายของก็เข้ามาอยู่กับลูกสาวมัน”
หนุ่มๆ ที่รู้เรื่องนี้ต่างเชื่อและพากันเดินหนีสาวสวยท้ายตลาดอย่างไม่ไยดีและร้ายไปกว่านั้น ยังถุยถ่มน้ำลายเพื่อแก้เคล็ดไม่ให้เชื้อปอบเข้ามาใกล้ ความเสียใจเกาะกินใจทับทิมจนมิกล้ามองหน้าชายคนใด หล่อนได้แต่เก็บตัวทำงานอยู่แต่ในบ้าน ความชอบในการเย็บปักถักร้อยและขยันทำอาหารทำให้หล่อนกลายเป็นแม่บ้านที่พร้อมจะออกเรือนหากมีชายหนุ่มกล้าเสี่ยงกับเรื่องปอบที่ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็ไม่มีใครผ่านเข้ามาสักคน