บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ทับทิม

ด้านขวามือปลูกไม้ยืนต้นทั้งไม้ให้ดอกเพียงอย่างเดียวและไม้ให้ผลที่ให้ผลทุกฤดูกาลคุณหญิงชอบเข้าไปเดินในสวน ชื่นชมผลไม้ ดอกไม้ที่หล่อนปลูกด้วยมือสองข้างของตนเองและไม้ดั้งเดิมที่บิดามารดาของพระยารังสรรค์ฯ ปลูกทิ้งไว้ก่อนจะปลูกเรือนหอให้หล่อน ไม้ผลทุกต้นกลายเป็นผลไม้ประจำบ้านที่ใครมาเยี่ยมเยือนมักได้ติดมือกลับไปทุกราย

คุณหญิงเดินเรื่อยๆ จนถึงศาลา อาหารที่อยากกินวางบนโต๊ะไม้กลางศาลา ชั้นยืนรออยู่แล้ว ทันทีที่คุณหญิงทรุดนั่งบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี ชั้นตักข้าวใส่จาน รินน้ำใส่แก้ววางข้างกันแล้วถอยห่างออกมา

กลิ่นแกงเลียงหอมกรุ่น ปลาตะเพียนตัวโตทอดกรอบน่าลิ้มรอง น้ำปลาพริกสดหั่นฝอยซอยกระเทียมบางกับหัวหอมซอยเติมรสชาติด้วยมะม่วงดิบสับแค่นี้คุณหญิงก็ยิ้มแล้ว แม้จะกินข้าวเพียงลำพัง หล่อนก็เจริญอาหารโดยไม่ต้องมีสามีนั่งเคียงข้าง นายหญิงของชั้นลงมือตักแกงเลียงส่งเข้าปาก ยังไม่ทันเคี้ยวผัก ชั้นก็เดินเร็วๆ เข้ามา

“คุณหญิงเจ้าคะ มีแขกมาขอพบเจ้าค่ะ”

แขกที่มาขอพบคุณหญิงชื่นจิตก้าวช้าๆ ตามหลังแม่ชั้นเข้ามาในศาลาพักร้อน ร่างสูงโปร่งผิวสีน้ำผึ้งผุดผ่องจนนายหญิงของบ้านจ้องไม่วางตา เครื่องหน้ารับกันอย่างเหมาะเจาะ ปากกระจับบาง จมูกโด่ง ดวงตาสีน้ำตาลดูใสซื่อ ใบหน้ารูปไข่เกลี้ยงเนียน ผมสีน้ำตาลเข้มรวบเป็นมวยเรียบอยู่ท้ายทอย

“หล่อนเป็นใครรึ มาพบฉันเรื่องอะไร” คุณหญิงเอ่ยถามน้ำเสียงนุ่ม

“ดิฉันชื่อทับทิมเจ้าค่ะ ดิฉันนำสร้อยทับทิมมาคืนคุณหญิงเจ้าค่ะ” ทับทิมยกมือไหว้คุณหญิงด้วยกิริยาอ่อนน้อม

“สร้อยทับทิมรึ นี่หล่อนเจอสร้อยของฉันรึ” คุณหญิงแทบลืมรับไหว้หญิงสาว ดวงตาเป็นประกายยินดี แม่ชั้นพลอยยิ้มไปด้วย

“เจ้าค่ะ ดิฉันพบที่ร้านเถ้าแก่บุญเพ็งเมื่อวันก่อน”

ทับทิมคิดถึงวันที่หล่อนเข้าไปเลือกซื้อผ้ามาเย็บปลอกหมอนให้น้าสาว ขณะที่หล่อนเดินเข้าไปในร้านบุญเพ็ง เจ้าของร้านกำลังจะปิดร้านพอดี หล่อนรีบเลือกผ้าเมื่อได้ผ้าอย่างที่ต้องการแล้วจึงจ่ายเงินให้เถ้าแก่ เถ้าแก่ทอนเงินให้หล่อนแต่เหรียญหล่นลงพื้นกลิ้งเข้าไปใต้แผงวางผ้า

“งั้นรึจ๊ะ แล้วหล่อนรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสร้อยของฉัน” คุณหญิงขยับตัวหันมามองหน้าหญิงสาวอย่างสนใจ

“ดิฉันถามเถ้าแก่เจ้าค่ะ วันที่พบสร้อยยังไม่ทันถามเถ้าแก่ชิงปิดร้านเสียก่อน วันนี้ดิฉันเสร็จงานบ้านแล้วจึงไปถามเถ้าแก่ถึงรู้ว่าสร้อยเป็นของคุณหญิงชื่นจิตเจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ”

หญิงสาวยื่นห่อผ้าสีขาวมาตรงหน้า คุณหญิงมองผ้าในมือของทับทิม นิ้วมือเรียวยาวลำแขนกลมกลึงนวลเนียน ผ้าแถบรัดอกสีฟ้าอ่อนขับผิวสีน้ำผึ้งให้ผุดผ่อง ผ้าถุงสีน้ำเงินไม่ทำให้เรือนร่างบอบบางดูบางจากเดิมแต่ดูน่ามองมากยิ่งขึ้น คุณหญิงละสายตาจากร่างบางหญิงสาว

“นั่งก่อน แล้วค่อยคุย ฉันขอกินข้าวสักครู่นะ เมื่อกี้ชั้นไม่ได้บอกรึว่าฉันกำลังกินกลางวัน”

“บอกเจ้าค่ะ ดิฉันต้องขออภัยคุณหญิงแต่ดิฉันรีบเจ้าค่ะ ถือของมีค่าอยู่ในมือดิฉันกลัวเจ้าค่ะ อยากคืนเจ้าของเร็วๆ”

หญิงสาวก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดที่รบกวนเวลาอาหารกลางวันของคุณหญิงชื่นจิตแต่คำตอบของหล่อนเรียกรอยยิ้มให้เจ้าของบ้านไม่น้อยทีเดียว

“กลัวจะหายรึ”

“เจ้าค่ะ ถ้าหายไป ดิฉันไม่รู้จะไปหาที่ใดมาคืนคุณหญิงเจ้าค่ะ ของมีค่าเยี่ยงนี้ดิฉันไม่กล้าเก็บไว้กับตัวนาน น้าให้นำมาคืนโดยเร็วเจ้าค่ะ”

คุณหญิงชื่นจิตรับห่อผ้าสีขาวจากมือทับทิมแล้วแก้ห่อผ้าออก สร้อยทับทิมเปล่งประกายวาววับเข้าตา เพ็ชรเม็ดเล็กรายล้อมทับทิมเม็ดใหญ่ที่ตรงกลางส่งแสงแข่งกันระยิบระยับ สายสร้อยเป็นทองเนื้อแท้คล้องจี้ทับทิมไว้เช่นเดิมแต่ตรงขอเกี่ยวของสายสร้อยมีรอยหักอยู่ คุณหญิงพยักหน้าช้าๆ

“ขอหักนี่เอง สร้อยถึงได้หล่น หล่อนเก็บสร้อยเส้นนี้ได้ ทำไมไม่เอาไปขายให้เจ๊กเสีย หล่อนจะมีเงินเก็บมากโขทีเดียว” คุณหญิงจ้องใบหน้านวล

“ดิฉันสงสารเจ้าของสร้อยเจ้าค่ะ หากใครเป็นเจ้าของคงเสียดาย” ทับทิมตอบเรียบๆ

“หล่อนคิดเยี่ยงนั้นจริงรึ”

“เจ้าค่ะ”

“ขอบใจสำหรับความซื่อสัตย์ของหล่อน ขอให้หล่อนเป็นเช่นนี้ตลอดไป ชีวิตของหล่อนจะไม่ตกอับ มีแต่คนรักใคร่ บ้านหล่อนอยู่ที่ใด”

คุณหญิงชื่นจิตชื่นชมหญิงสาวด้วยรอยยิ้มละไม ดวงตาที่เพ่งพิศใบหน้าเกลี้ยงเกลาของทับทิมแฝงกลอุบายบางอย่างที่แม่ชั้นมิอาจล่วงรู้ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel