บทที่ 3 นางเล็ก ๆ
คุณหญิงเลิกสนใจสามีเพราะรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีสามีของหล่อนก็จะหายโกรธเพราะมีนางเล็กๆ ในบ้านหลังเล็กเอาใจเป็นอย่างดี
“แม่ชั้น แม่ชั้น มานี่หน่อย” คุณหญิงส่งเสียงเรียกหาบ่าวคนสนิท
“เจ้าคะ คุณหญิงต้องการอะไรเจ้าคะ” ชั้นเดินเร็วๆ เข้ามาคุกเข่าตรงหน้านายหญิง
“เถ้าแก่บุญเพ็งส่งข่าวมาบ้างรึยัง” คุณหญิงเอ่ยขึ้น ดวงตาที่จ้องหน้าชั้นมีความหวัง
“ยังเลยเจ้าค่ะ คงยังไม่มีข่าวเจ้าค่ะ”
คำตอบของบ่าวไม่ได้ช่วยให้คุณหญิงสบายใจหรือรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย คุณหญิงกับชั้นไปที่ร้านขายผ้าของบุญเพ็ง บอกความประสงค์ให้เถ้าแก่ร้านรับทราบและค้นหาที่พื้นทุกซอกทุกมุมก็หาได้พบสร้อยล้ำค่าเส้นนั้นไม่ คุณหญิงสั่งเถ้าแก่ให้ถามผู้ที่เคยเข้าร้าน หากใครพบสร้อยทับทิมรีบส่งข่าวถึงคุณหญิงชื่นจิต คุณหญิงยินดีจะขอซื้อคืนในราคาเหมาะสม แต่บ่ายคล้อยของอีกวันก็ไม่มีข่าวจากเถ้าแก่บุญเพ็ง
“เห็นทีสร้อยของฉันคงหายไปแล้ว” คุณหญิงถอนหายใจอย่างปลงตก
“คุณหญิงอย่าเพิ่งถอดใจสิเจ้าคะ บางทีสร้อยอาจไม่หายก็ได้เจ้าค่ะ” ชั้นปลอบใจนายหญิง คุณหญิงชื่นจิตหันมามอง
“ฉันก็อยากให้เป็นอย่างที่แกคิด ไปที่ครัวที ฉันอยากกินแกงเลียงตำลึงใส่ปลากรอบ มีเห็ดใส่ด้วยก็ดี ถามแม่เอี่ยมทีมีเห็ดรึไม่ ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่ ฉันจะกินเดี๋ยวนี้นะ เสร็จแล้วยกไปตั้งที่ศาลาท่าน้ำ ไปเรียนท่านพระยาฯว่าฉันรอกินข้าวที่นั่น”
“เจ้าค่ะ” ชั้นรับคำสั่งแล้วถอยออกไป ชั้นหายเงียบไปครู่ใหญ่ก็กลับมา
“คุณหญิงเจ้าคะ แกงเลียงเสร็จแล้วเจ้าค่ะแต่เห็นทีท่านพระยาฯ จะไม่มาร่วมสำรับกับคุณหญิงแล้วเจ้าค่ะ เมื่อตะกี้ บ่าวบ้านเล็กมายกสำรับบอกว่าคุณแน่งน้อยสั่งเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ฉันกินคนเดียวได้ ไปตั้งสำรับที่ศาลา ประเดี๋ยวฉันจะตามไป”
“เจ้าค่ะ” ชั้นนบนอบถอยออกไปอีกครั้ง
คุณหญิงนึกโกรธแน่งน้อยกับผกาที่ทำการแต่ละครั้งไม่เคยมองเห็นหัวหล่อน สองนางเล็กๆ ของท่านพระยาฯมักทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาหล่อนเสมอ ที่หล่อนไม่ตอบโต้กลับเพราะไม่อยากมีเรื่องให้อายบ่าวไพร่ แต่หากแน่งน้อยล้ำหน้ามากเกินไป หล่อนก็ต้องลงไปจัดการ แต่คงไม่ใช่วันนี้
บ้านหลังเล็กเป็นเรือนไม้ผสมไม่ใช่ไม้สักเช่นบ้านใหญ่แต่แน่งน้อยกับผกาก็อยู่กันอย่างสะดวกสบายโดยห้องด้านตะวันออกเป็นของแน่งน้อย ด้านตะวันตกเป็นของผกา สองสาวแบ่งส่วนได้ลงตัวเหตุเพราะกลัวถูกไล่ออกจากบ้านตามที่พระยารังสรรค์ฯเคยเอ่ยปากไว้
“อย่าทะเลาะกันให้ข้าเห็นหรืออย่าให้ใครมาบอกข้าว่าหล่อนขัดแย้งกันเด็ดขาด ข้ารู้เมื่อไร หล่อนออกไปจากบ้านข้าทันที”
แน่งน้อยจึงไม่กล้าหาเรื่องกับผกาและด้วยเพราะผกาอ่อนน้อมถ่อมตนเรื่องอิจฉาระหว่างภรรยารองจึงไม่เกิดขึ้น
“พี่น้อย ป่านนี้คุณหญิงชื่นนั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่ศาลาท่าน้ำแล้วกระมัง” ผกาเอ่ยน้ำเสียงเยาะหยันผู้ที่หล่อนพูดถึง
“สมน้ำหน้า อวดตัวเป็นเมียใหญ่ เข้มงวด เจ้าระเบียบดีนัก ข้าจะแกล้งเสียให้เจ็บทั้งใจ คืนนี้ข้าจะอ้อนให้ท่านพระยาฯอยู่กับข้า”
“อย่าลืมให้ท่านไปที่ห้องฉันตอนดึกนะพี่” ผกายิ้มขวยเขินเมื่อคิดถึงบทรักของพระยารังสรรค์ฯ ที่ทำให้หล่อนติดใจอยากกกกอดเขาไว้เพียงคนเดียวตลอดไป แต่หล่อนทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะหล่อนมาทีหลัง
“เอ็งนี่เหลือเกินจริงเชียว อดใจไว้ไม่ไหวหรืออย่างไร คืนนี้ข้าจอง คืนต่อไปเป็นของเอ็ง ข้าไปเชิญท่านพระยาฯไปที่สำรับก่อน เอ็งเตรียมน้ำให้ท่านด้วย”
“จ้ะพี่” ผกาจำยอมทน ในใจแอบคิดไม่ดีกับแน่งน้อย หากหล่อนมีบุตรให้พระยารังสรรค์ฯเมื่อใด หล่อนจะขึ้นแท่นเป็นคนโปรดของท่านพระยาฯ เมื่อนั้นแน่งน้อยจะถูกหล่อนออกคำสั่งบ้าง
คุณหญิงชื่นจิตก้าวลงบันไดเรือนด้วยท่าทางไม่รีบร้อน ในเมื่อพระยารังสรรค์ฯผู้สามีไม่มาร่วมสำรับกับหล่อนก็ไม่จำเป็นต้องเร่งฝีเท้าเพื่อรอรับแต่อย่างใด หล่อนไม่น้อยใจกับการกระทำของสามีเพราะรู้อยู่แก่ใจดีว่าท่านพระยาฯอยู่กินข้าวมื้อเที่ยงกับภรรยารองทั้งสองนั้นทำไมและค่ำนี้สามีของหล่อนจะไม่ขึ้นมานอนกับหล่อนบนเรือนใหญ่
ทางเดินจากหน้าบันไดบ้านใหญ่สู่ศาลาพักร้อนใกล้กับท่าน้ำนั้น ทอดเลี้ยวโค้งสองโค้งและสองข้างทางปลูกต้นเข็มสีแดงสดสลับด้วยพุ่มชบาดอกขาวตลอดเส้นทางจนถึงตัวศาลา ด้านซ้ายมือของทางเดินเป็นสนามหญ้ากินบริเวณกว้างไว้เพื่อจัดงานเลี้ยงหรือจัดงานสังสรรค์ระหว่างหมู่ญาติเปลี่ยนบรรยากาศจากบนเรือนเป็นสนามหญ้าในบางวัน