บทที่ 25
“เช่นนั้นรออีกสักสองสามเดือน เราก็คงมิต้องรบกวนคนของสกุลหวังอีกแล้วกระมัง” คุณชายเจ้าสำอางพึมพำ และนั่นทำให้ความอดทนของหวังฮุ่ยเหอขาดสะบั้น จนควบคุมตนเองมิได้อีก
“นางปีศาจ! คิดว่าตัวเองประเสริฐมาจากที่ใดกัน! หลอกว่าตนชอบพอกับท่านพี่ยังไม่สาแก่ใจ ยังทำตัวหน้าด้าน กล้าข่มขู่ว่าจะปลูกสมุนไพรแข่งกับร้านของข้าอีกหรือ!”
“ข้าจะแข่งกับคนที่คู่ควรเท่านั้น ส่วนเจ้าน่ะ...หาได้อยู่ในสายตาของข้าไม่!”
“ปากสุนัข!”
“ส่วนเรื่องข้ากับคุณชาย ชอบพอกันจริงหรือไม่ เหตุใดจึงไม่ลองถามคุณชายดูละ ว่ารู้สึกอย่างไรกับข้ากันแน่ ส่วนเรื่องข้าชอบคุณชายหรือไม่ ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นเอง!”
หลี่ซินเหมยทาบทับปากของตนลงบนแก้มของคุณชายโจว ความอยากเอาชนะทำให้นางขาดสติ ลงมือกระทำในสิ่งที่กุลสตรีในใต้หล้ามิกล้าทำ พอเห็นดวงหน้าแดงดั่งผลพุทราเชื่อมของคุณชาย นางก็ยิ่งเผยรอยยิ้มยินดี ที่ทุกอย่างออกมาดูสมจริงอย่างมาก
คุณหนูสกุลหวังเห็นปฏิกิริยาของว่าที่คู่หมายแล้ว จึงมิจำเป็นจะต้องเสียเวลาสอบถามอีก ชัดเจนแล้วว่าคุณชายโจวเล่อเทียนชอบสตรีปากเก่งนางนั้นอย่างมาก และนางจะไม่ยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอน
บุตรสาวเจ้าของร้านขายสมุนไพรชื่อดัง ปราดเข้าไปตบศัตรูหัวใจทันที ทว่าเอื้อมมือยังมิทันถึงดวงหน้าหวาน นางก็ถูกหยุดเอาไว้เสียก่อน
นี่คือครั้งแรกที่โจวเล่อเทียนยอมแตะเนื้อต้องตัวนาง ทว่ากลับต่างจากที่หวังฮุ่ยเหอเคยจินตนาการเอาไว้อยู่มาก นางคาดหวังว่าจะได้รับสัมผัสที่อ่อนโยน เรื่องปัดมืออย่างแรงเพื่อปกป้องสตรีอื่น กลับไม่เคยอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าตั้งสติหน่อย นี่คนของข้า บ้านของข้า เจ้าหามีสิทธิ์ลงมือตามใจชอบแต่อย่างใดไม่” โจวเล่อเทียนเอ่ยเสียงเรียบ เพราะมิต้องการดึงความสนใจจากเหล่าคนสวนที่กำลังจ้องมองอยู่
“ท่านพี่หูหนวกตาบอดก็เพราะว่านาง ข้าจะฟ้องท่านอาให้ไล่นางออก!”
“อยากจะฟ้องก็ตามใจ ข้าเบื่อที่จะฟังคำขู่ของเจ้าเสียเต็มทนแล้ว ซินเหมย เรากลับเข้าบ้านกันเถิด”
“ท่านพี่!” หวังฮุ่ยเหอยังคงตวาดเรียกเสียงดัง โดยมิสนใจเสี่ยวถิงที่กำลังร้องห้าม
“วันนี้เหนื่อยนัก ขออนุญาตไม่ส่งแขก” โจวเล่อเทียนมองไม่เห็นทางออกจึงรีบตัดบทสนทนา เดินนำหลี่ซินเหมยเข้าบ้านเพื่อยุติเรื่องราววุ่นวายให้จบเสียในตอนนี้
คุณชายเจ้าสำอางต้องทนฟังเสียงกรีดร้องอาละวาดอยู่ครู่ใหญ่ จึงจะได้ความสงบกลับคืนมา เขาสอบถามจากบ่าวจนทราบแน่ชัดว่าคุณหนูสกุลหวังไม่อยู่แล้ว จึงค่อยเริ่มสนทนากับหัวขโมยแปลงผักที่เพิ่งจะขโมยจูบแรกของเขาไป
“คุณชายเจ้าคะ ซินเหมยทราบว่าการแสดงเมื่อครู่นี้ออกจะเกินเลยไปบ้าง คุณชายอย่าถือสาข้าเลยนะเจ้าคะ”
“หลี่ซินเหมย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าแอบชอบเจ้าอยู่เงียบ ๆ โดยมิได้หวังว่าจะได้รับไมตรีตอบแทน ข้าอดทนเหนี่ยวรั้งความรู้สึกของตน เพราะทราบดีว่าไม่แข็งแรงพอที่จะดูแลใครได้ แต่หากเจ้ายังทำเรื่องแบบเมื่อครู่ที่ผ่านมา ข้าก็อาจจะรู้สึกมากกว่าคำว่าชอบ และนั่นคงไม่ยุติธรรมต่อหัวใจของข้านัก”
“คุณชาย...”
“ซินเหมยอย่าเพิ่งพูด แต่จงกลับไปลองพิจารณาดู ว่าการล้อเล่นกับความรู้สึกของคนที่มีใจให้เจ้าอยู่แต่เดิมนั้น เหมาะสมดีแล้วหรือไม่” คุณเจ้าสำอางมิยอมมองหน้านางอีก เขารอจนกระทั่งโฉมงามออกจากแปลงผักไปแล้ว จึงทรุดตัวลงนั่งคล้ายคนหมดแรง บ่าวไพร่โดยรอบขยับตัวเตรียมพร้อมจะให้การดูแล แต่กลับถูกคุณชายโบกมือไล่ไปให้พ้นทาง
มิใช่ร่างกายที่ปราศจากพละกำลัง ทว่าหัวใจของโจวเล่อเทียนต่างหากที่กำลังปวดร้าวอย่างหนัก
หลังจากสารภาพความรู้สึกแล้วถูกปฏิเสธ คุณชายเจ้าสำอางก็มิได้เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก เขาแสร้งเห็นด้วยว่าความชอบที่ก่อตัวขึ้นนั้นเป็นเพราะความใกล้ชิด
หลี่ซินเหมยกล่าวว่า หากคุณชายได้รู้จักกับคุณหนูบ้านอื่นก็คงจะลืมความรู้สึกที่ว่านั้นไปเอง ทั้งนางกล่าวย้ำอยู่ทุกวันด้วยว่า จะพาคุณชายลงไปเที่ยวในเมืองในวันที่ไม่มีแดด เพื่อทำความรู้จักกับเหล่าคุณหนูจากสกุลต่าง ๆ
‘สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก เหล่าคุณหนูพวกนั้นคงจะมินิยมชมชอบบุรุษที่ขี้โรคอย่างข้าหรอก’
‘คุณชายล้อข้าเล่นแล้ว ร่างกายท่านแข็งแรงมากกว่าคุณชายหลายบ้านที่ข้าเคยรู้จัก ประการสำคัญที่สุด คือท่านนิสัยดี มีน้ำใจอย่างมาก หน้าตาหรือก็หล่อเหลาไม่เป็นรองผู้ใดในเมืองเฉินหยาง หากคุณชายออกไปเที่ยวเล่นให้สาว ๆ ในเมืองเห็นหน้าสักหน่อย ข้าจึงเชื่อว่าจะต้องมีคุณหนูนิสัยน่ารัก ชื่นชอบหลงใหลในตัวท่านอย่างแน่นอน’
โจวเล่อเทียนทำได้แค่เพียงยิ้มกว้างและให้คำสัญญาว่าสิ้นฤดูร้อนแล้ว เขาจะลงไปเที่ยวในเมืองตามคำแนะนำของนาง
นี่คือปีแรกที่เขามิต้องการให้ฤดูร้อนจบสิ้นโดยเร็ว...
