3.ท่านแม่พาเขามาทำไมกัน
“ท่านแม่ฝากของมาให้น่ะ..”
อาม่อนกล่าวพร้อมกับโบกมือเพื่อให้คนของเขายกหีบไม้มากมายเข้าไปด้านในคฤหาสน์แอเรียนา ในหีบไม้พวกนั้นมีทั้งผ้าไหม เครื่องเทศ อาการแห้ง และเครื่องประทินโฉมอีกมากมายทีเดียว ท่านแม่ของเขาไม่สบายแต่ถึงอย่างนั้นเมื่อท่านพ่อได้รับเครื่องบรรณาการจากองค์จักรพรรดิ ท่านแม่ก็รีบสั่งให้เขาส่งข้าวของพวกนั้นมาที่นี่ เพื่อมามอบให้แก่ท่านน้าและโอฟีเลีย
“ฝากขอบคุณท่านป้าด้วยนะคะ”
อาม่อนพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“อีกเรื่องที่ข้าต้องบอกกล่าวกับเจ้า คือท่านแม่ต้องการให้เจ้าเข้าร่วมงานเลี้ยงในพิธีบรรลุนิติภาวะในพระราชวัง ปีนี้เจ้าอายุ 18 แล้วนี่ ต้องเข้าร่วมพิธีเพื่อให้บุรุษทุกคนได้ล่วงรู้ว่าเจ้าพร้อมจะแต่งงานแล้ว”
โอฟีเลียแค่นหัวเราะเบาๆ
“ท่านแม่ไม่ยอมให้ข้าไปหรอก พี่ก็รู้ว่าท่านแม่หวงข้าอย่างกับอะไรดี”
“ครั้งนี้ท่านแม่ของข้าจะออกหน้าให้เอง เรื่องชุดที่จะใส่ไปในวันงานและช่างแต่งหน้า ข้าจะส่งมาที่นี่เจ้าแค่เตรียมตัวให้พร้อมกับการเข้าสู่สังคมของชนชั้นสูงก็พอแล้ว นี่เป็นบัตรเชิญ แน่นอนว่ามันจ่าหน้าซองถึงเลดี้แอเรียนา โอฟีเลีย”
โอฟีเลียยื่นมือไปรับบัตรเชิญนั้นมาถือเอาไว้ กำหนดการจัดงานอีกสามเดือนข้างหน้า
“ขอบคุณท่านพี่มากนะคะ”
อาม่อนตบที่ไหล่ของโอฟีเลียเบาๆ
“เอาไว้ข้าจะส่งรถม้ามารับเจ้า อย่างไรเสียเจ้าก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวของข้าผู้ซึ่งจะขึ้นเป็นแกรนด์ดยุคในอนาคต หากไม่อยากแต่งงานก็ไม่ต้องแต่งหรอก ข้ามีเงินพอที่จะเลี้ยงดูเจ้าให้สุขสบายไปทั้งชาติอยู่แล้ว”
ถึงแม้ว่าอาม่อนจะไม่ได้เรื่องในการทำงาน แต่นิสัยของเขา เขาอ่อนโยนและมีความเป็นผู้นำสูงมากๆ เมื่อเขาอยู่กับโอฟีเลีย อาจจะเพราะว่าเราเติบโตด้วยกันมา อาม่อนถึงได้มองว่าโอฟีเลียคือน้องสาวแท้ๆ ของเขา
เธอพยักหน้าเป็นเชิงว่ารับรู้แต่ไม่ได้ตอบรับกับคำกล่าวที่ว่า..เขาจะดูแลเธอ ยามนี้อาม่อนยังไม่แต่งงานเขาก็พูดได้ทั้งนั้นว่าจะเลี้ยงดูเธอ แต่ในวันที่เขาแต่งงานและมีครอบครัวเขาย่อมลืมเลือนลูกพี่ลูกน้องอย่างเธอไป การเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ทำให้เธอรับรู้ได้ว่าไม่มีที่ใดจะหยัดยืนได้อย่างมั่นคงเท่ากับการยืนอยู่บนขาของตัวเองอีกแล้ว
ก็บอกแล้วไงว่านิยายเรื่องนี้เธอเคยอ่านน่ะ
“คุณหนูคะ เรื่องที่ดินที่คุณหนูซื้อเอาไว้นั้นทางตระกูลเทอรันมาขอซื้อต่อในราคาสามเท่าที่ซื้อมา..ไม่ทราบว่าคุณจะยินยอมขายไหมคะ”
ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ ความฝันอีกอย่างหนึ่งของฉันคือการเป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้ เมื่อสองปีก่อน เมื่อท่านแม่วางมือจากงานต่างๆ ในคฤหาสน์เพื่อให้ฉันเรียนรู้เรื่องการทำงานและการเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่ของแอเรียน่า ฉันเทขายทรัพย์สินทั้งหมดของแอเรียนาออกไป ไม่ว่าจะเป็นที่ดินในเมือง หรือแม้กระทั่งคฤหาสน์เก่าแก่ของท่านยาย เครื่องประดับทั้งหมด ชุดเดรส และอีกหลายอย่างเพื่อให้เรามีเงินทุนที่สามารถซื้อที่ดินในตำแหน่งที่ฉันต้องการได้
ในจักรวรรดิแห่งนี้เต็มไปด้วยแร่เพชรและแร่ทองคำที่ถูกฝังเอาไว้ ฉันจะเป็นเจ้าของที่ดินพวกนั้นทั้งหมด
ชื่อของแอเรียนาจะถูกจำใหม่ ในฐานะของตระกูลที่สุดแสนจะมั่งคั่งมากที่สุดในจักรวรรดิ แม่ของฉันเป็นหญิงหม้ายแล้วยังไง ในเมื่อแม่ของฉันจะมีเงินเยอะมากกว่าใครๆ
หากว่าท่านแม่อยากจะเรียนรู้เรื่องเวทมนตร์ ฉันจะสนับสนุนท่านแม่เอง แต่เป็นเวทสายขาวได้ไหม..มนตร์ดำอะไรพวกนั้นไม่เหมาะกับคนสวยๆ แบบท่านแม่หรอก
“ต่อให้เขาให้ราคาสิบเท่า ข้าก็ไม่ขาย หากมีผู้อื่นมาติดต่อขอซื้อที่ดินของเราอีก ไม่ว่าเขาจะให้ราคาเท่าไหร่ก็ตามที ให้เจ้าปฏิเสธเขาได้เลยนะเพนนี”
เพนนีคือความภาคภูมิใจของฉัน เพราะว่าฉันสามารถตามหาอัจฉริยะแห่งยุคเจอยังไงล่ะ เพนนีมาช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงการตรวจดูบัญชีของฉัน เท่าที่ฉันตั้งเป้าหมายเอาไว้ อีกหกเดือนหลังจากนี้ฉันจะขุดดินเพื่อทำเหมือง..เมื่อถึงตอนนั้นชื่อเสียงของฉันและท่านแม่จะโด่งดังในชั่วข้ามคืนอย่างแน่นอน
“รับทราบค่ะคุณหนู”
โอฟีเลียเดินเข้าไปในบ้าน เธอมองหีบพวกนั้นด้วยแววตาเรียบเฉย
“เอาของพวกนี้ไปเก็บเอาไว้เถอะ”
“ครับคุณหนู”
ข้ารับใช้ต่างขนย้ายข้าวของมากมายพวกนั้นไปเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของ ส่วนพวกเครื่องเทศและอาหารแห้งจะถูกจัดเก็บเอาไว้ในครัว
ฉันที่กำลังจะเดินขึ้นไปด้านบนแต่หางตากลับเหลือบไปเห็นท่านแม่ที่กำลังเดินเข้ามาในคฤหาสน์ ทุกอย่างมันควรจะปกติ แต่ท่านแม่กลับถือโซ่เอาไว้ในมือและโซ่เหล็กเส้นนั้นมันถูกมัดเอาไว้บนคอของบุรุษผู้หนึ่ง
“โอฟีเลียแม่กลับมาแล้ว..”
ท่านแม่แย้มยิ้มออกมาพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหาฉัน
“แม่พาเพื่อนใหม่มาให้ลูกแล้วนะ ต่อจากนี้ไปลูกรักของแม่ก็ไม่ต้องเหงาอีกแล้ว..”
เพื่อนใหม่? เดี๋ยวนะ ในนิยายเรื่องนี้บุรุษที่มีเส้นผมสีดำและดวงตาสีแดงเช่นนี้มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น คาลอสบุตรนอกสมรสของตระกูล อัคราฟ ตัวร้ายของนิยายเรื่องนี้!
โอ้ย!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย
“ท่านแม่คะ ลูกบอกไปแล้วว่าลูกไม่ต้องการเพื่อนหรือว่าอะไรทั้งนั้น”
ดัชเชสเอเวียจับมือของลูกสาวเอาไว้แน่น
“แม่เข้าใจลูกนะโอฟีเลีย ลูกเจ็บปวดที่ทาสคนนั้นหนีไปจากลูกใช่ไหม คราวนี้ลูกไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอีกแล้วนะ เพราะว่าแม่จัดการล้างสมองเด็กคนนี้แล้ว มนตร์ดำที่แม่ร่ำเรียนมานานในที่สุดมันก็ได้ผลล่ะ..”
หูของโอฟีเลียมันอื้อไปหมดเลย เมื่อท่านแม่กล่าวว่าท่านแม่สามารถใช้มนตร์ดำได้ เพราะว่าการใช้มนตร์ดำมันคือข้อห้ามของจักรวรรดิแห่งนี้ หากว่ามีผู้อื่นรู้ไม่ใช่ว่าเราสองแม่ลูกจะซวยกันหมดงั้นเรอะ
ในคฤหาสน์ของเธอมีคนรับใช้น้อยมาก แต่ละคนก็ทำงานมานาน เธอไม่ได้กลัวว่าพวกเขาจะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป แต่คนอื่นนอกเหนือจากเรา..หากว่าพวกเขาล่วงรู้..
“ท่านแม่คะ ท่านจับตัวชายคนนี้มาได้ยังไงกันคะ?”
“ไม่ต้องเป็นห่วง แม่รู้ว่าลูกกลัวว่าคนอื่นจะล่วงรู้ว่าแม่ใช่มนตร์ดำใช่ไหมโอฟีเลีย เรื่องนั้นไม่มีใครรู้หรอก แม่ไม่ได้ให้ใครเห็น”
ท่านแม่ส่งมอบสร้อยคอเส้นหนึ่งให้ฉัน มันมีจี้สีแดงรูปดอกกุหลาบที่ทำจากอัญมณี
“เขาจะเชื่อฟังผู้ที่สวมสร้อยเส้นนี้ เพราะอย่างนั้นตราบใดที่ลูกสวมสร้อยเส้นนี้เขาจะเชื่อฟังและภักดีกับลูกมากกว่าใครทั้งนั้น เจ้าเชื่อใจบุรุษไม่ได้นะโอฟีเลีย แต่ลูกสามารถเชื่อใจเขาได้..”
เธอควรจะรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ดี
“แต่ท่านแม่คะ..ถึงยังไงมันก็ผิด..”
“แม่กำลังจะตายโอฟีเลีย..คนในตระกูลแอเรียนาจะมีพลังหยั่งรู้ถึงอนาคตเมื่อตัวเองกำลังจะตาย”