2.ไม่ต้องการใครแล้ว
โอฟีเลียเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ในปีนี้เธออายุ17ปี และแน่นอนนี่คือวันที่ท่านแม่จะจับตัวของจูเลียน บุตรนอกสมรสของท่านพ่อมาเพื่อรับใช้เธอ
ที่ผ่านมาเธอช่วยท่านแม่ดูแลแอเรียนาเป็นอย่างดี แถมยังพาท่านแม่ไปช็อปปิ้ง เสริมสวย ตัดผม ทำเล็บ ทำสปา นวดหน้า สารพัดอย่างที่จะทำจนเธอได้ชื่อว่าเธอโอฟีเลียลูกกตัญญูไปแล้วในสายตาของผู้อื่นในจักรวรรดิ และถึงแม้ว่าจะผ่านมา5ปีแล้วหลังจากที่เธอถูกงูกัด แต่เธอก็ไม่เคยเห็นท่านพ่อตัวเป็นๆ สักทีเลย
ชายผู้นั้นเลือดเย็นอย่างถึงที่สุดเลยจริงๆ เขาไม่มาหาลูกสาวเลยแม่แต่ครั้งเดียว และเธอเองก็ไม่ไปหาเขาด้วย
ผู้ที่ไปมาหาสู่กับท่านแม่บ่อยที่สุดคือท่านป้าเอสเทีย ท่านป้ามีลูกชาย เขามีชื่อว่าอาม่อนอายุมากกว่าเธอ 2 ปีและเราสนิทสนมกันมากพอสมควร แต่หมอนั่นไม่ค่อยเอาไหนเท่าไหร่นัก เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายที่เกิดมาบน กองเงินกองทอง ไม่ต้องทำงานหรือว่าอะไรทั้งนั้น อาม่อนก็เลยวันๆ เอาแต่ดื่มสุราเคล้านารี
“ปัง!!”
โอฟีเลียสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูห้องของเธอถูกถีบออกพร้อมกับท่านแม่ที่เดินเข้ามา ด้านหลังของท่านแม่คือเด็กสาวอายุ15ปี ที่มีเรือนผมสีเงินยวง ใบหน้าของนางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาและตามร่างกายมีร่องรอยของการถูกทำร้าย
ฉันกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาด จริงอยู่ว่าท่านแม่อาจจะเคียดแค้นท่านพ่อและนักบุญหญิงผู้นั้นแต่เด็กที่เกิดมาจากความผิดของทั้งสองคนนั้นไม่รู้เรื่องด้วยเลยนี่..
“โอฟีเลียแม่พาสาวใช้คนใหม่มาให้ลูก..”
ดัชเชสเอเวียเดินเข้ามาสวมกอดลูกสาวที่แสนงดงามราวกับดอกกุหลาบที่กำลังชูช่อเบ่งบาน
“ใช้งานนางได้ตามที่เจ้าต้องการเลยเข้าใจไหม นางจะยินดีภักดีต่อลูกถึงขนาดที่ยอมตายแทนก็ยังได้...”
จูเลียนคุกเข่าลงในทันที ร่างกายของนางสั่นเทาด้วยความรู้สึกหวาดกลัว แววตาของนางสั่นระริกเช่นเดียวกับริมฝีปาก
“ขะ..ข้าจะรับใช้คุณหนูเองค่ะ”
โอฟีเลียพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“ขอบคุณนะคะท่านแม่ ลูกจะเล่นกับของเล่นที่ท่านมอบให้อย่างดีเลยค่ะ”
เอเวียยกยิ้มขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ นางลูบผมสีแดงสดของลูกสาวอีกครั้งด้วยความรักใคร่
“เช่นนั้นแม่ไปก่อนนะ ลูกเล่นได้แรงมากเท่าที่ลูกต้องการเลยนะโอฟีเลีย หากตายก็แค่ให้คนเอาไปฝังเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย..”
เมื่อได้ยินดัชเชสแอเรียนากล่าวเช่นนั้นจูเลียนก็เบิกตาโพลงราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอถูกจับตัวมาพร้อมกับถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนักจนปวดไปทั่วทั้งตัว ก่อนจะมาที่นี่เธอถูกพร่ำสอนว่าจะต้องทำตัวดีๆ กับคุณหนูผู้หนึ่ง พวกเขาเอาชื่อของท่านแม่มาข่มขู่เพื่อให้เธอทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาของจูเลียนสั่นไหวเมื่อเธอช้อนสายตาขึ้นไปมองหน้าของโอฟีเลีย สตรีเบื้องหน้าดูงดงามราวกับไม่มีอยู่จริง เรือนผมสีแดงนั่นทำให้ใบหน้านั้นโดดเด่นยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ความงามที่ทำให้เหล่าดอกไม้พลันหม่นหมองไปหมด
“คะ..คุณหนู จะ.จะ จะใช้ให้ข้าทำอะไรดีคะ ให้ข้าเตรียมน้ำอุ่นให้ดีหรือไม่”
โอฟีเลียนั่งลงเบื้องหน้าของจูเลียน
“ข้าขอโทษเจ้าแทนท่านแม่ด้วยนะ ข้าไม่หวังให้เจ้าเข้าใจแต่ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่เอง ต่อหน้าท่านแม่เจ้าก็แสร้งทำตัวนอบน้อมเอาไว้หน่อย ข้ารับประกันเลยว่าข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า”
ลมหายใจของจูเลียนกระตุกไปวูบหนึ่ง
“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกค่ะ หากข้าหนีไปท่านแม่ของข้าจะเป็นอันตราย..”
“ไม่มีใครทำร้ายแม่ของเจ้าได้หรอก ตราบใดที่แม่ของเจ้าอยู่ที่วิหารศักดิ์สิทธิ์”
โอฟีเลียเดินไปลงกลอนประตูก่อนที่เธอจะเดินกลับมานั่งบนเตียง
“มาพูดคุยกันเถอะ ข้าคิดว่าเรามีเรื่องมากมายที่จะต้องทำความเข้าใจให้ตรงกัน”
หลังจากนั้นฉันก็เล่าเรื่องของพ่อที่แท้จริงของจูเลียนให้นางได้รู้ แน่นอนว่าจูเลียนตกใจมาก นางร้องไห้ออกมาอย่างหนักเมื่อล่วงรู้ว่าท่านแม่ที่นางนับถือลักลอบเป็นชู้กับสามีของคนอื่น
“บางทีเด็กอย่างเราก็ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของผู้ใหญ่หรอกใช่ไหม ข้ารู้ว่าเจ้าอาจจะโกรธท่านแม่ของข้า แต่หลังจากที่เจ้าได้รู้ความจริงข้าหวังว่าเจ้าจะโกรธท่านน้อยลงสักหน่อย”
ในอนาคตจูเลียนจะขึ้นเป็นจักรพรรดินี ฉันไม่อยากให้สตรีที่มีอำนาจมากที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้ไม่ชอบท่านแม่..
“ข้าไม่โกรธท่านดัชเชสเลยค่ะ และข้าขอบคุณ..คุณหนู..”
“เรียกชื่อข้าเถอะ แค่โอฟีเลียก็พอ ทนอยู่ที่นี่สักสามเดือนหลังจากนั้นข้าจะพาเจ้าหนีออกไปเอง”
จูเลียนสมกับเป็นนางเอกของเรื่องนี้จริงๆ เพราะว่านางทำตัวกลมกลืนกับสาวใช้ในคฤหาสน์ได้เป็นอย่างดีจนท่านแม่ไม่คิดสงสัย
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่ที่ท่านแม่เริ่มจะเก็บตัวเงียบในห้องคนเดียว จากเดิมที่เราไปซื้อชุดเดรสและทำอะไรมากมายด้วยกัน ท่านแม่ก็เริ่มไม่ไปไหนมาไหนกับเธอ ท่านป้ามาที่นี่น้อยลงเพราะว่าท่านป้าสุขภาพไม่ดีเท่าไหร่
เธอรู้ว่าสาเหตุการเก็บตัวเงียบของท่านแม่ มันมาจากที่ท่านแม่พยายามจะศึกษาค้นคว้ามนตร์ดำ
แต่ในเนื้อเรื่องบอกเอาไว้ว่าท่านแม่ฝึกมันไม่สำเร็จ เพราะอย่างนั้นปล่อยท่านแม่เอาไว้แบบนั้นคงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอก
“ขอบคุณท่านมากนะคะ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาท่านโอฟีเลียช่วยเหลือข้ามากจริงๆ”
นี่เป็นครั้งที่สิบที่จูเลียนก้มศีรษะให้ฉันเพื่อเป็นการขอบคุณ
“รีบไปเถอะ ทางที่ดีเราสองคนอย่าพบเจอกันอีกเลยน่าจะดี”
ตระกูลแอเรียนาของเธอไม่ค่อยได้เข้าสังคมเท่าไหร่นัก เพราะข่าวการหย่าร้างของท่านแม่ทำให้ชนชั้นสูงพวกนั้นหันหลังให้เรากันหมด ในยุคสมัยที่บุรุษเป็นใหญ่ สตรีที่ผ่านการหย่าร้างนั้นเหมือนกับมีความผิดติดตัว จึงไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร
“ลูกไปไหนมาโอฟีเลีย”
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อท่านแม่รอฉันอยู่ที่ห้องนอน
“ท่านแม่คะ..”
ฉันรีบวิ่งเข้าไปโผกอดท่านแม่ในทันที
“ทาสคนนั้นที่ท่านแม่พามานางหนีไปแล้วค่ะ ลูกพยายามตามหานางเท่าไหร่ก็ไม่พบเลย..”
ฉันร้องไห้ออกมาเพื่อความสมจริง ฉันสั่งให้จูเลียนเก็บตัวที่วิหารสักระยะ ไม่ให้นางออกไปไหนเพราะอย่างนั้นน่าจะพอตบตาท่านแม่ได้
“แม่จะสั่งให้คนของเราไปตามนางกลับมา..”
“ไม่นะคะ! ลูกไม่อยากได้ทาสที่หลบหนีไปจากลูกกลับคืนมาหรอกค่ะ นางทำให้ความเชื่อใจที่ลูกมีต่อนางพังทลายไปหมดแล้ว ลูกไม่ต้องการทาสคนไหนอีกแล้ว..ท่านแม่อย่าไปพาทาสคนอื่นมาให้ลูกอีกนะคะ ลูกเจ็บปวดเมื่อพวกเขาทรยศลูก..”
เพราะอย่างนั้นอย่าไปเที่ยวจับตัวใครสุ่มสี่สุ่มห้ามาอีกนะคะท่านแม่