บทที่ 2 การเปลี่ยนแปลงของอดีตนางร้าย Part 2
ซ่างเยว่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า รู้สึกขี้เกียจเป็นอย่างมาก วันนี้อากาศเหน็บหนาว แม้จะเป็นยามสายแต่อากาศยังค่อนไปทางครึ้มๆ เมฆสีขาวลอยอยู่เต็มฟ้า กลบแสงจากดวงอาทิตย์คงเหลือเพียงแสงสีส้มจางๆ ที่ส่องผ่านออกมา
เพราะเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนสกุลซ่าง ย่อมได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เฉิงลี่นำเตาไฟมาอังมืออังเท้าให้ซ่างเยว่ และช่วยนวดคลึงคลายความเหน็บหนาว
ซ่างเยว่เป็นคนขี้หนาว เพียงแค่อากาศเย็นลงจากปกติ นางก็รู้สึกมือเท้าแข็งแล้ว ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้ความหนาวเย็นค่อยๆ หายไป กระนั้นก็ยังคงอดนึกถึงใครบางคนที่เรือนเล็กไม่ได้ เรือนหลังนั้นมีเพียงเตาผิงไฟอันเล็กที่ช่วยคลายความหนาวเท่านั้น
"เฉิงลี่ ให้บ่าวรับใช้นำผ้าห่มกับฟืนไปมอบให้อนุหลินที่เรือนเล็กด้วยนะ"
"จะดีหรือเจ้าคะคุณหนู หากฮูหยินใหญ่รู้คง..."
"ไม่เป็นไรหรอก หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะรับผิดชอบเอง"
ซ่างเยว่ตอบเฉิงลี่ที่กำลังแสดงสีหน้ากังวลออกมา นางรู้ดีว่ามารดากับอนุหลินไม่ลงรอยกันมากนัก
ซ่างจินหลงรับหลินหลานตี้มาเป็นอนุเพราะความสงสาร หาใช่ความรักเหมือนป๋ายเยว่หลัน ถึงแม้จะรักซ่างยู่เหยียนบุตรสาว แต่ก็มีความเกรงใจฮูหยินใหญ่ จึงไม่กล้าแสดงออกมากนัก ซ่างเยว่รู้ว่าบิดาคิดเช่นไร หากเขาแสดงออกถึงความรักใคร่ซ่างยู่เหยียน ป๋ายเยว่หลันมารดาของนางคงไม่พอใจและจะคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งรังแกสองแม่ลูกอยู่เสมอ
เช้าวันนี้ซ่างเยว่ให้บ่าวรับใช้ยกอาหารมาให้ที่ห้องนอน เหตุเพราะหลายวันที่ผ่านมา ซ่างจินหลงผู้เป็นบิดา ออกไปร่วมงานเทศกาลล่าสัตว์กับเว่ยติงฮ่องเต้และเหล่าราชวงศ์
ทานอาหารเช้าเสร็จก็ขลุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม หยิบตำรามานอนอ่านเล่นอย่างสบายใจตลอดทั้งวัน
ซ่างเยว่ตัดสินใจแล้วว่านอกจากการป้องกันไม่ให้บิดาและมารดาถูกใส่ร้ายจนต้องจบชีวิตลง นางจะไม่ทำอะไรอีก จะขอใช้ชีวิตการเป็นคุณหนูซ่างเยว่ให้สุขสบายเต็มที่เป็นพอแล้ว!
ยามอุ้ย (13.00 - 14.59 น.)
"คุณหนูเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่มาเจ้าค่ะ" เฉิงลี่เรียกคนตัวเล็กที่นอนกลางวันขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มให้งัวเงียตื่นขึ้น
ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยวาจาใด ประตูห้องก็เปิดออก เผยให้เห็นป๋ายเยว่หลันผู้เป็นแม่เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
"เยว่เอ๋อร์ ลูกมัวแต่ทำอะไรอยู่! รีบลุกขึ้นมาแต่งตัวได้แล้ว!"
"ท่านแม่มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ" หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง ยกแขนบิดขี้เกียจ อ้าปากหาวด้วยความง่วงงุน ท่าทางของบุตรสาวทำให้คนเป็นแม่ถึงกับต้องรีบยกมือขึ้นทาบอก
"ตายแล้ว! เป็นสตรีควรรักษากิริยามารยาทงดงาม อย่าทำเช่นนี้ให้แม่เห็นอีกนะ!" พูดจบก็ใช้ฝ่ามือตีลงบนแขนเรียว
เพี้ยะ!
"เจ้าค่ะๆ ไม่ทำแล้วเจ้าค่ะ" หญิงสาวใช้มือลูบแขนตัวเองป้อยๆ แสดงสีหน้างอง้ำ รู้ดีว่ามารดาเป็นคนเคร่งกับเรื่องกิริยามารยาทเป็นอย่างมาก
"ดี! ถ้าเช่นนั้นก็ลุกมาแต่งตัวได้แล้ว"
"แต่งตัว? แต่งทำไมหรือเจ้าคะ" หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น ถามมารดาด้วยความสงสัย
"แต่งตัวไปต้อนรับท่านพ่อของเจ้าน่ะสิ วันนี้ขบวนของเว่ยติงฮ่องเต้จะเสด็จกลับจากงานเทศกาลล่าสัตว์แล้วนะ"
สีหน้าของซ่างเยว่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ธรรมเนียมของแคว้นต้าเกอ หลังจากขบวนของฮ่องเต้เสด็จกลับจากงานเทศกาลล่าสัตว์ บรรดาราษฏรจะตั้งขบวนต้อนรับ รวมไปถึงเหล่าครอบครัวของขุนนางด้วยเช่นกัน
หากบ้านไหนมีบุตรสาวก็จะให้แต่งกายด้วยอาภรณ์งดงาม เพราะนอกจากการต้อนรับขบวนเสด็จของฮ่องเต้แล้ว ยังรวมไปถึงการได้อวดโฉมของพวกนางให้กับบรรดาเชื้อพระวงศ์และบุตรชายของขุนนางตระกูลต่างๆ ที่ตามเสด็จในครั้งนี้ด้วย
และในงานนี้เองที่ซ่างเยว่ได้พบกับเขาเป็นครั้งแรก บุรุษที่มีนามว่า 'เฉินฮ่าวหราน' ผู้นั้น
"เสร็จแล้ว" ป๋ายเยว่หลันเอ่ยขึ้นหลังจากปักปิ่นทองคำลงบนเรือนผมที่รวบเป็นมวยของซ่างเยว่
นางมองเข้าไปในคันฉ่องมองบุตรสาวอย่างพึงพอใจ
"ข้าไม่ไปไม่ได้หรือเจ้าคะท่านแม่"
ซ่างเยว่กล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง หากเป็นในชาติก่อน คงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย รีบร้อนให้บ่าวมาช่วยแต่งตัวตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ทว่าในครั้งนี้นางอยากจะหนีจากเหตุการณ์นั้นไปให้ไกล
"ไฮ้! จะไม่ไปได้อย่างไร นี่มันสงครามแห่งศักดิ์ศรีเชียวนะ" ป๋ายเยว่หลันตำหนิบุตรสาวอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาบางๆ
"เยว่เอ๋อร์ลูกรัก เจ้าคงไม่รู้ว่างานนี้สำคัญต่อชีวิตของบรรดาคุณหนูแต่ละตระกูลมากแค่ไหน เอาเถิด.. เจ้ายังไร้เดียงสานัก แต่ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่แม่ยังอยู่ตรงนี้ แม่จะช่วยผลักดันเจ้าอย่างสุดความสามารถ"
ป๋ายเยว่หลันกล่าวอย่างหมายมั่น ไม่ว่าอย่างไร นางจะทำให้ซ่างเยว่ได้แต่งงานกับบุรุษจากตระกูลสูงส่งสักคนตามรอยของนางให้จงได้!