ตอนที่1(ไอริสนักเขียนชื่อดัง)
คาเฟ่A
13:00น.
ไอริส อันฤดี….
พรึบ
“นี่!”
“อะไรยะ?”ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของลูกหว้าเพื่อนสนิทสุดซี้ปึ๊กของฉันทันที ที่เธออยู่ๆก็มาตบโต๊ะของฉันที่กำลังนั่งเขียนนิยายหัวสมองแล่นๆอยู่เนี่ยดังสนั่นหวั่นไหวจนแมคบุ๊คของฉันเคลื่อนตัวไปตามแรงกระแทกของเธอ
“ไอริสสสสสส”
“ลากเสียงยานครางแบบนี้….ต้องมีเรื่องมาเบียดเบียนฉันอีกแล้วใช่ไหม?”ฉันหรี่ตามองใบหน้าหวานของเพื่อนสนิทอย่างรู้ทันทำให้ลูกหว้าเบะปากทันทีที่ฉันเดาทางเธอออก
พรึบ
“ช่วยซื้อบัตรคอนต่อจากฉันหน่อยจิ”เธอว่าพลางทำแววตาวิ้งๆเป็นประกายอย่างออดอ้อน ฉันก็ใช้มือขยับแว่นตาที่ไม่ใช่แว่นสายตาแต่เป็นแว่นกรองแสงมองหน้าเธอไปอย่างสงสัย
“บัตรคอนเสิร์ตอ่ะน่ะ?”ฉันทวนคำพูดของเธอไปอย่างสงสัย
“วงลูกทุ่งซัมเมอร์เหรอเปล่า?”
“กี่บาทฉันทุ่มไม่อั้น”ฉันว่าเสียงใสอย่างตื่นเต้นเพราะฉันชื่นชอบวงนักร้องลูกทุ่งมากเลยล่ะ
“จะบ้าเหรอยะ…ฉันไม่ใช่สายดนตรีเก่าครำ่ครึโบราณอย่างเธอหรอก…”
“อ้าว…แล้วบัตรคอนวงอะไร?”ฉันว่าอย่างเสียดาย
“วง THE PRINCE ”ลูกหว้าว่าพลางบิดตัวเป็นเกียวหน้าตายิ้มหวานอย่างเขินอาย ฉันก็กระพริบตาปริบๆมองเธออย่างงงๆ
“ที่แปลว่าเจ้าชายอ่ะน่ะ?”
“เดี๋ยวนี้พวกเจ้าชายมาทำคอนเสิร์ตได้ด้วยเหรอ?”ฉันว่าอย่างนึกสงสัย
“แกจะบ้าเหรอยะ….”
“ไปมุดหัวอยู่ไหนมาเนี่ย…ถึงไม่รู้จักเดอะปรินซ์ของฉัน”
“ฉันก็อยู่บ้าน…และก็อยู่ที่คาเฟ่ของแกเกือบทุกวันนี่ไง”ฉันว่าพร้อมกับทำตาปริบๆ เพราะวันๆหนึ่งฉันก็ไปมาแค่นี้จริงๆสายตาของฉันก็อยู่แต่ตัวหนังสือและพิมพ์นิยายจนนิ้วจะล็อคอยู่แล้ว โชคดีที่ฉันปิดเล่มไปแล้วเลยว่างหนึ่งเดือนเต็มๆถึงจะค่อยปั่นงานไปส่งสำนักพิมพ์ต่อน่ะ
“โอ้ย…ฉันจะบ้าตาย…”
พรึบ
“นี่ตกลงแกจะเอาหรือเปล่า?”ลูกหว้าโอดครวญออกมากับความเฉิ่มเฉยของฉัน
“ถ้าฉันไม่เอา…แกจะทำไง?”ฉันถามลูกหว้าไปอย่างสงสัย
“ถ้าฉันจะไปขายในเพจน่ะ…แปปเดียวก็ขายได้เพราะเป็นระดับที่นั่งวีไอพีเลยนะ..”
“จะได้เห็นทุกรูขุมขนของไดร์ฟ….หัวหน้าวง”
พรึบ
“เลือดกำเดาแกไหล?”ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปหยิบทิชชูในกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะไปซับเลือดที่รูจมูกของยัยลูกหว้าอย่างรวดเร็ว
“เอือก…ท่านไดร์ฟขา”
“เห้อ….เป็นเอามาก..”ฉันส่ายศีรษะไปมาอย่างรู้สึกสงสารและเวทนาเพื่อนรักของฉันที่คลั่งไคล้และหลงใหลตัวตนปลอมๆของนักร้องที่ถูกต้นสังกัดสร้างขึ้นมา บางทีนายไดร์ฟของยัยลูกหว้าอาจจะเป็นพวกซาดิสชอบชกต่อยและมีเซ็กส์เถื่อนก็ได้นะ…ใครจะไปรู้ล่ะจริงไหม
16:00น.
“แกจะไปไหน?”เสียงเรียบตึงของลูกหว้าเอ่ยถามฉันทันทีอย่างไวในขณะที่ฉันเก็บสมุดวาดรูปปากกาดินสอและสีรวมไปถึงไอแพดกับแมคบุ๊คของฉันใส่ลงไปในกระเป๋าเป้ของฉันอย่างเตรียมพร้อม
“ก็จะไปคอนเสิร์ตกับแกไง?”ฉันตอบลูกหว้าไป ไหนเธอบอกว่าเขาตรวจบัตรตอนหกโมงเย็นและคอนเสิร์ตจะเริ่มเเสดงตอนสองทุ่มครึ่งไม่ใช่เหรอไง และฉันก็โอนเงินสองหมื่นห้าพันบาทให้เธอไปแล้วด้วย ถ้าไม่ติดว่าฉันจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับแสงสีของคอนเสิร์ตเพื่อมาเขียนในนิยายนะ ฉันไม่มีทางเสียเงินเยอะขนาดนั้นกับเรื่องไร้สาระแบบนี้แน่
“ชุดเนี่ย?”ลูกหว้าว่าพลางมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าเท้าจรดหัวด้วยสายตาตกใจ
“อืม….ทำไมอ่ะ?”ฉันก็มองเสื้อผ้าของตัวเองที่เป็นกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะหูคีบและเสื้อยืดรูปหมีน้อยน่ารัก
“ถ้าแกจะไปงานคอนกับฉัน….กรุณาแต่งธีมเดียวกับฉันด้วยค่ะ…”
“ไม่อ่ะ…”ฉันตอบปฏิเสธเธอไปอย่างไวด้วยท่าทางหวาดกลัวเธอ ก็ดูการแต่งตัวของลูกหว้าดิยังกับจะไปงานแฟนตาซีแนวพวกเจ้าหญิงในเทพนิยายอย่างงั้นอ่ะ
“ยัยไอ!!”ลูกหว้าเรียกฉันเสียงดังอย่างไม่พอใจฉันที่ฉันกล้าขัดเธอ แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจในการเบะปากเรียกร้องความสนใจจากเธอกลับหยิบกระเป๋าเป้สีดำของฉันขึ้นมาสะพายไหล่ทั้งสองข้างทันทีเพื่อเตรียมพร้อมในการไปชมคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตของฉัน
“ถ้าแกจะกระทืบเท้าอยู่ตรงนี้….ก็เรื่องของแกนะ…”
“เพราะแกอาจะจะโดนตกหล่นจนไม่ได้เข้างานไม่รู้ด้วยนะ”ฉันว่าทิ้งท้ายพูดลอยๆเพื่อบอกยัยลูกหว้าที่เธอยืนกระทืบเท้าอยู่ด้านหลังฉันอย่างไม่พอใจที่ฉันกล้าปฏิเสธเธอ
ฉันต้องพูดขู่เธอ ไม่งั้น วันนี้ฉันกับยัยลูกหว้ามีหวังไปไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตวงเจ้าชายอะไรนั้นแน่ และฉันอาจจะสูญเสียเงินสองหมื่นห้าไปโดยเปล่าประโยชน์แน่
ฉันเดินลอยหน้าลอยตาออกมาจากร้านคาเฟ่ของยัยลูกหว้า โดยมียัยลูกหว้าวิ่งตามหลังฉันมาติดๆ ทำให้ฉันอมยิ้มขึ้นมาที่การขู่ของได้ผลจริงๆด้วย ถ้าฉันไม่ขู่เธอ บางทีฉันอาจจะต้องใส่ชุดธีมเดียวกับเธอก็ได้นะเนี่ย
คิดแล้วขนลุกชะมัดเลย บริ๊ย!
สวัสดีฉันชื่อ ไอริสเรียกว่าไอเฉยๆก็ได้ ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อกับแม่ ฉันเข้ามาเรียนและได้ทำงานที่เมืองหลวงเลยส่วนพ่อกับแม่ฉันอยู่ต่างจังหวัดนานๆฉันถึงจะได้กลับไปหาพวกท่านทีหนึ่งหรือไม่ก็พวกท่านมาเยี่ยมฉัน ส่วนมากพ่อกับแม่จะเป็นฝ่ายมาหาฉันเสียมากกว่าฉันไปหาท่านอีก
ฉันเป็นนักเขียนชื่อดัง นามปากกาลมหนาวสำนักพิมพ์ สานฝัน ฉันชอบอากาศหนาวน่ะเลยตั้งชื่อนี้เป็นนามปากกาซะเลย และฉันก็อยากเป็นนักเขียนของสำนักพิมพ์สานฝันมาตั้งแต่ยังเด็กเลยล่ะ และฉันก็ได้เป็นจนได้
ชีวิตของฉันก็ไม่มีอะไรมากนอกจากอยู่กับจินตนาการ แต่สถานะของฉันไม่โสดนะคะ ฉันมีแฟนแล้วและฉันก็รักแฟนของฉันมากด้วย แต่แฟนฉันเขาเป็นดารานักแสดงหนุ่มที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตกอยู่ในตอนนี้ เรารู้จักกันได้สองปีแล้วไม่สิ ฉันรู้จักเขามาก่อนที่เขาจะรู้จักฉันต่างหากอีก เพราะฉันน่ะเป็นแฟนคลับตัวยงของเขา
ส่วนเขาเพิ่งจะรู้จักฉันก็เมื่อตอนที่ฉันไปเที่ยวกองถ่ายและไปเดินสายโปรโมตละครที่นำบทนิยายของฉันไปสร้างเป็นละครน่ะ และฉันที่ชื่นชอบเขาอยู่แล้ว เลยทำให้ฉันสนิทและได้คบหากับพระเอกหนุ่มฮอตคนนั้น จนมาถึงปัจจุบันแต่สถานะของเราก็ต้องเก็บเป็นความลับเพราะเขาเป็นดาราแถวหน้าของเมืองไทยส่วนฉันเป็นแค่นักเขียนธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งฉันรู้ดีว่าฉันไม่มีอะไรอาจเอื้อมเขาได้เลยสักนิดเดียว
คอนเสิร์ตวง THE PRINCE
21:30น.
หน้าเวที
ในโซนราคาบัตร สองหมื่นห้าพันบาท…
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดก”
ฉันเอามือปิดหูทั้งสองข้างที่รู้สึกแสบแก้วหูกับเสียงกรีดร้องของเหล่าบรรดาแฟนคลับที่พากันยืนแออัดเบียดเสียดเป็นปลากระป๋องอยู่ด้านหลังของฉันและแรงกระแทกที่ดึงดันเข้ามาทำให้ร่างของฉันแนบชิดไปกับขอบของเวที นี่เหรอราคาบัตรสองหมื่นห้าพันบาทโอ้มายก๊อดดดดด!!!มันเป็นบัตรวีไอพีไม่ใช่เหรอไงฟ่ะ!!
มันผิดจากจินตนาการที่ฉันวาดฝันไว้มากเลยนะ ว่ามันจะเป็นบัตรนั่งชมการแสดงอย่างสบายๆน่ะ แต่นี่อะไร!!!
ทั้งอึดอัดทั้งหนวกหู ร่างของฉันจะแทบจะเละเป็นปลากระป๋องอยู่แล้วเนี่ย ยัยลูกหว้าก็เอาแต่ยกมือที่มีป้ายไฟเขียนว่า ท่านไดร์ฟขาาา..โชว์เด่นหราอยู่และดีดดิ้นร่างเล็กของเธอไปมา ฉันนี่ถึงกับต้องยกยาดมตรานกเอี้ยงบินขึ้นมาสูดดมแทบจะทันที อากาศถึงจะเป็นที่ลานกว้างมีพื้นที่เป็นร้อยไร่โปร่งโล่งแต่มันไม่ได้มีอากาศถ่ายเทเพราะคนมันเยอะมากจนจะแย่งอากาศกันหายใจอยู่แล้วเนี่ย!
พรึบ
“ฉันจะเป็นลม….”ฉันเอ่ยกระซิบที่ข้างหูของยัยลูกหว้าแต่เธอก็หันมาทำหน้างงเหมือนไม่ได้ยินที่ฉันพูด เพราะเสียงซาวด์เช็กเครื่องดนตรีผสมกับเสียงกรีดร้องกลบเสียงของฉันไปเสียสนิทเลย
“ฉัน-จะ-เป็น-ลม”ฉันเลยพยายามพูดเน้นทีละคำเพื่อบอกยัยลูกหว้าไปใหม่ให้เธออ่านปากฉันแทน แต่เธอก็ยิ่งทำหน้างงเพิ่มขึ้นไปกว่าเดิมอีกจนกระทั่งเธอเลิกให้ความสนใจฉันและหันไปมองบนเวทีที่ทุกคนก็มองตรงไปยังบนเวทีและเสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวก็เพิ่มทวีคูณดังขึ้นกว่าเดิม
จนคราวนี้ ฉันรับไม่ไหวแล้วจริงๆ หูฉัน ฉันสงสารหูของฉัน!!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”
“สวัสดีครับ….พวกเราวง THE PRINCEครับ”เสียงทุ้มละมุนของผู้ชายเอ่ยขึ้นนั่นยิ่งทำให้สาวๆต่างพากันอ่อนระทวยไปตามๆกันยกเว้นฉันคนหนึ่งแหละ
เพราะฉันจะตายอยู่แล้วเนี่ย ไม่มีอารมณ์ไปอ่อนระทวยให้ใครหรอก
“กรี๊ดดดดดดดท่านไดร์ฟขาาาาาาาาาาาาาาา”หูฉันแทบจะแตกแก้วหูแทบจะแตกแล้วเนี่ยกับเสียงกรีดร้องของยัยลูกหว้าที่ดังสนั่นหวั่นไหวกว่าชาวบ้านเขา
พรึบ
“ฉันจะไม่ทน!”ฉันพูดเสียงเข้มขึ้นพลางเอามือปิดหูและค่อยๆเดินแหวกฝูงชนที่พากันรุมทึ้งเบียดเสียดกันจนไม่สามารถจะมีทางเดินได้ กว่าจะผ่านไปได้จนถึงทางออกมันช่างทุลักทุเลด้วยความลำบากเสียจริงๆ แต่ฉันทนอยู่ตรงนี้ไม่ไหวแล้วนี่ไม่ใช่ที่ของฉัน!!!!!
ฉันมาทำอะไรที่นี่….ฉันโอดครวญอย่างคนที่หมดอาลัยตายอยาก….เห้อ!
เงินสองหมื่นห้าพันบาทของฉัน