ตอนที่2(ไดร์ฟราชาแห่งTHE PRINCE)
หลังเวที
ไดร์ฟ ดรัณภพ….
10นาทีก่อนขึ้นแสดง…..
“ติดตั้งไมค์พร้อมนะ….”เสียงของโปรดิวเซอร์ประจำวงของพวกเราเอ่ยขึ้นถามทีมงาน ผมที่นั่งทอดสายตามองออกไปยังเบื้องหน้าของผมก็ต้องหันกลับมามองยังหน้าตาของโปรดิวเซอร์ที่จัดการชี้แจงรายละเอียดให้พวกเราฟัง
“น้ำไหม…ไดร์ฟ?”เสียงเป็นห่วงพร้อมกับขวดน้ำเปล่าถูกยื่นส่งมาตรงหน้าของผม ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าผู้จัดการของวงเราด้วยสายตาเรียบเฉย
“นายเป็นอะไร…มองดูเงียบๆนะ…”
“เปล่าครับ….”ผมตอบสั้นๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและเดินไปรอสแตนบายที่ด้านหลังเวทีเพื่อจะเตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ต ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นอะไร รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ ทั้งๆที่มันคือสิ่งที่ผมรักและสิ่งที่ผมทุ่มเทมาเกือบทั้งชีวิต แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“ฮ่าๆๆๆ…ฉันว่าวันนี้แฟนคลับฉันต้องเยอะมากแน่ๆ”
“หึ….ของฉันต้องเยอะมากกว่าเว้ย!”เสียงพูดคุยกันดังขึ้นอย่างสนุกสนานอารมณ์จากเพื่อนร่วมวงของผมฟีฟ่าและธามไฟท์เอ่ยหยอกล้อกันตามประสาเพื่อนกันรวมถึงผมด้วยที่เป็นเพื่อนกับพวกมัน เมื่อก่อนจะมีผมร่วมวงอยู่ด้วยแต่ตอนนี้ผมกลับไม่อยากพูดคุยกับใครเลย….สักคนเดียว
“เห้อ…..”ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายและหันหลังให้สองคนนั้นและมุ่งหน้าเตรียมขึ้นเวทีเพื่อทำการแสดงที่ทุกครั้งผมขึ้นไปมันจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงและได้เต้น ผมชอบร้องเพลงและการแต่งเพลงเป็นที่สุดแต่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปหมดแล้วจริงๆ ผมไม่รู้สึกมีความสุขเหมือนทุกครั้ง สมองของผมมันตีบตันจนคิดเนื้อเพลงและทำนองเพลงใหม่ๆไม่ได้อีกแล้ว….
“ต่อไปนี้เราจะพบกับ….. THE PRINCE”
“นำวงมาโดยไดร์ฟ…ฟีฟ่า….ธามไฟท์”
“กวิน….และเอพริ้ว…..”
“ไปสู้ๆพวกเรา….”เสียงของผู้จัดการเอ่ยให้กำลังใจพวกเราทั้งห้าคนโดยที่ทุกคนก็หันไปยิ้มและทำท่าไฟท์ติ้งผิดกับผมที่เดินขึ้นเวทีอย่างคนที่ใจร่องรอย ทำให้คนที่อยู่ด้านหลังของผมมองผมด้วยสายตางุนงงและแปลกใจเพราะทุกครั้งก่อนขึ้นเวทีในการทำท่าไฟท์ติ้งกันจะมีผมรวมอยู่ในนั้นด้วย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!”เสียงกรีดร้องดังสนั่นของเหล่าบรรดาแฟนคลับที่มีแต่ผู้หญิงที่พากันยืนอยู่ที่พื้นด้านล่างของเวทีเต็มไปหมด ป้ายไฟที่มีชื่อของผมโชว์เด่นหรากว่าคนอื่น พวกเธอก็แค่ชื่นชอบในตัวตนปลอมๆของผมตัวตนที่ทางค่ายเพลงสร้างมันขึ้นมา
“ท่านไดร์ฟ!”เสียงเอ่ยเรียกผมอย่างให้กำลังใจ พวกเราทั้งห้าคนยืนประจำที่และเริ่มร้องเพลงแรกที่เราเดบิวต์เข้ามาเป็นศิลปินวงTHE PRINCEที่พอปล่อยเพลงออกไปวงเราก็ดังเปรี้ยงปร่างในชั่วข้ามคืน ทำให้ผู้ชายธรรมดาอย่างผมจึงเป็นที่รู้จักและมีแฟนคลับทั่วทั้งเอเชียรวมไปถึงพื้นที่ต่างๆของโลกใบนี้อีกด้วย
พรึบ
“มีอะไร?”เสียงเอะอะอย่างสงสัยจากเพื่อนร่วมวงของผมดังขึ้นที่พอร้องเพลงที่หนึ่งพร้อมกับจัดสเต็ปการเต้นจบผมก็ยกมือขึ้นเพื่อทำสัญญาณให้นักดนตรีหยุดเล่นดนตรีสดในครั้งนี้ลง
ทุกอย่างเงียบสนิทลงรวมไปถึงเสียงของเหล่าบรรดาแฟนคลับที่ต่างซื้อตั๋วราคาแพงแสนแพงมาดูพวกเราร้องเพลงและเต้นโชว์เรือนร่างในวันนี้ด้วย
“ผม….ไดร์ฟ….ขอลาออกจากการเป็นหนึ่งในสมาชิกของวง THE PRINCE”ผมพูดแค่นั้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแววตาเรียบเฉยไร้ความรู้สึกมันมีความรู้สึกมากมายโจมตีเข้ามาในความคิดของผม
ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย…
ผู้คนมากมายที่ยืนรายล้อมรอบๆตัวแต่เหมือนผมกำลังยืนอยู่ตัวคนเดียวในที่ตรงนี้ ผมถามกับตัวเองเสมอว่าผมทำไปเพื่ออะไร ผมทำไปทำไมกัน…
พรึบ
ติ๊ดดดดดดด
“ไดร์ฟจะไปไหน!!”
“กรี๊ดดดดดด”
“เกิดอะไรขึ้น?”เสียงดังเอะอะโวยวายอย่างตกใจดังตามไล่หลังผมมา ผมปล่อยไมค์และสายไมค์ต่างๆที่ติดรอบตัวผมทิ้งลงพื้นไปอย่างไร้เยื่อใยและออกแรงวิ่งลงมาจากเวทีอย่างไร้จุดมุ่งหมายซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าผมจะวิ่งไปที่ไหนกัน…ผมไม่สามารถรับรู้ความคิดและควบคุมความสติของตัวเองได้ ผมเป็นอะไรกันแน่…?ความรู้สึกที่เหมือนตัวเองไร้ค่าและไม่คู่ควรจะมีใครมารัก มันคืออะไรกัน?
พรึบ
ตุ๊บ
“ว๊ายยยยย!”เสียงร้องตกใจของผู้หญิงมั้งนะที่ผมวิ่งชนเธอจนร่างของเธอกระเด็น แต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองหน้าเธอกลับวิ่งให้ไวขึ้น การ์ดชายชุดดำนับสิบคนต่างพากันวิ่งตามหลังผมมา คุณพ่อคงจะส่งคนให้มาจับตัวผมกลับไปเพื่อทำผลประโยชน์ให้ตัวของเขาเองสินะ ทำงานจนลืมผมและแม่ไป…..
ผมชื่อ ไดร์ฟ ชื่อจริงดรัณภพ เดชชัชพงษ์ อายุ27ปีเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อกับแม่ไม่สิผมมีแม่คนเดียวต่างหากล่ะ ผมอยู่กับแม่ส่วนพ่อเขาสั่งให้ผมกับแม่เป็นคนในความลับเพราะท่านเป็นนักร้องที่โด่งดังมากในสมัยนั้น ผมถูกส่งให้ไปอยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่เกรดหนึ่ง เพราะแม่ไม่มีเวลาดูแลผม
ผมจึงต้องใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนประจำเป็นส่วนใหญ่และผมเพิ่งจะได้กลับมาอยู่บ้านอย่างเต็มตัวก็ตอนอายุยี่สิบ ตอนที่ผมเสียแม่ไป แต่พ่อก็ไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้เลยว่าผมเป็นลูกท่านและแม่เป็นภรรยาของท่าน จวบจนลมหายใจสุดท้ายของแม่
และที่ทำให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้ ในฐานะศิลปินบอยแบนด์กรุ๊ปที่โด่งดังระดับโลกก็เพราะผมจะถามผู้ชายคนนั้นว่า ผมเป็นลูกของเขาหรือเปล่าและแสดงให้เขาเห็นว่าผมไม่มีเขาอยู่ในชีวิตผมก็อยู่ได้….และผมก็อยู่ได้ดีซะด้วยสิ
พรึบ
“นี่นาย!!”เสียงเรียบตึงอย่างไม่พอใจผมในน้ำเสียงของเธอพร้อมกับแรงตบไหล่ผมอย่างแรงจนผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาจนต้องละสายตาจากแม่น้ำเบื้องหน้าไปมองหน้าเธอ นี่ผมวิ่งมาหยุดอยู่ที่แม่น้ำตั้งแต่ตอนไหนกัน?
“นายทำของฉันพังหมดเลย!”เธอว่าเสียงเเข็งแววตาหวานแข็งกร้าวจับจ้องมองหน้าผมอย่างไม่พอใจ ผมก็มองไปที่มือของเธอที่โชว์โทรศัพท์เครื่องหรูรุ่นใหม่ล่าสุดที่ราคาเหยียบครึ่งแสนให้ผมดู มันหน้าจอแตกละเอียดยิบเลย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ?มันไม่ใช่โทรศัพท์ของผมซะหน่อย
“นายวิ่งชนฉัน!”เธอว่าเสียงเข้มหน้าตาบูดบึ้งหนักกว่าเดิม ผมก็ละสายตาจากใบหน้าของเธออย่างไร้เยื่อใย และหันกลับไปมองแม่น้ำต่อ ที่พอมองปุปก็รู้ถึงระดับความลึกของน้ำที่กำลังเชี่ยวเพราะเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่มีน้ำจากหลายๆที่มาบรรจบรวบตัวกันทำให้น้ำที่นี่เป็นน้ำวนและลึกมากถึงมากที่สุด
ถ้าผมกระโดดลงไปก็คงจะตาย แต่บังเอิญว่าผมว่ายน้ำเป็นและผมเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของมหาลัยด้วยสิ
พรึบ
“นี่!”
“ยังจะทำเงียบอีก!!”เธอโวยวายเสียงดังอยู่ข้างๆหูผม ผมก็ชักสีหน้าหงุดหงิดใส่เธอและหันกลับไปคิดว่าจะเอาเรื่องเธอแต่แล้วผมก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะเบื้องหลังเธอคนนี้กำลังมีร่างของชายชุดดำวิ่งมาเกือบจะถึงตัวผมแล้วหลายสิบคน
พรึบ
“นี่….จะชนแล้วหนีเหรอ?”ผมกำลังจะออกตัววิ่งแต่ก็โดนยัยตัวเล็กนี้คว้าชายเสื้อแบรนด์เนมของผมไว้ซะก่อน
“หรือว่า….นายกำลังวิ่งหนีเจ้าหนี้เหรอ?”เธอเอ่ยออกมาแววตาของเธอเบิกโตขึ้นอย่างตกใจ ผมก็ส่ายศีรษะไปมาอย่างเอือมระอาในความตื้อของเธอ
สงสัยเธอจะเป็นแฟนคลับของผมที่มาเรียกร้องความเห็นใจจากผมซะล่ะมั้งนะ
“ฉันก็เป็นเจ้าหนี้ของนายเหมือนกันนะ!”คราวนี้เธอเอ่ยเสียงเข้มหน้าตาสวยหวานของเธอบึ้งตึงมองผมอย่างเอาเรื่อง ผมก็มองชุดที่เธอใส่ กางเกงขาสั้นเสื้อยืดคอโปโลสีขาวธรรมดาเธอน่าจะอายุอ่อนกว่าผม แต่ที่น่าแปลก เธอไม่รู้จักผมเหรอ?เพราะเธอมองผมด้วยสายตาที่แปลกไปต่างจากสายตาที่เหล่าบรรดาแฟนคลับมองผมด้วยสายตาที่หลงใหลได้ปลื้มและชื่นชมแต่เธอคนนี้กลับ
มองผมด้วยสายตาว่างเปล่า ไร้ความรู้สึก
“นั่นไง…ไดร์ฟ!”เสียงของการ์ดชุดดำตะโกนขึ้นและชี้นิ้วมาทางผม ทำให้ผมตื่นตระหนกในระยะประชิดของชายชุดดำที่ใกล้ตัวผมมากขนาดนี้
พรึบ
ผมจึงต้องออกแรงวิ่งโดยการคว้าข้อมือเล็กของเธอคนนี้ให้วิ่งไปกับผมด้วย เพราะเธอไม่ยอมปล่อยมือจากเสื้อผมหนิ ผมเลยต้องจำใจลากเธอไปด้วย
ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆ
“จะไปไหนเนี่ย!!”เสียงหวานของเธอร้องเอะอะโวยวาย ผมก็วิ่งสุดแรงและให้เร็วที่สุดโดยไม่ได้มองทางเบื้องหน้าเลยด้วย ว่าผมจะวิ่งไปไหนกัน…..และวิ่งหนีไปทำไม…?