2
มือเรียวได้รูปของชายหนุ่ม วางหูโทรศัพท์ลงบนแป้น แล้วเคาะบนโต๊ะทำงานเป็นจังหวะ นัยน์ตาคมกริบมองจ้องไปยังโต๊ะตรงกันข้ามกับเขา ที่มักจะปรากฏหญิงสาวร่างเล็ก หน้าตาน่ารัก เธอมีใบหน้าเรียวรูปไข่ แต่งแต้มด้วยเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มรับกันไปทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ตา จมูกปาก จุดเด่นคือลักยิ้มที่แก้มของหญิงสาว และนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลนั่น มันทำให้เขาต้องหลบตาทุกหน เวลาที่เจ้าหล่อนมองจ้องแบบตรงๆ เพราะอะไรบางอย่างในนัยน์ตากลมโตแจ่มแจ๋วนั่น มันทำให้เขารู้สึกใจคอไม่ดีทุกครั้งเวลามองสบด้วย
ผมยาวเกือบถึงกลางหลังของเธอมักจะมัดเป็นหางม้า รวบบริเวณด้านหน้าเปิดขึ้นอวดใบหน้าหวานน่ารัก รอยยิ้มที่มักจะมีเสมออย่างเป็นมิตรให้กับเพื่อนร่วมงาน จนทำให้เป็นขวัญใจใครต่อใคร เพราะตรีทิพย์เป็นคนยิ้มเก่ง คล่องแคล่ว ใช้ง่าย แถมยังตัวเล็ก หน้าตาน่ารัก ทำให้น่าเอ็นดู ความที่เธอยังโสด จึงทำให้เป็นสาวเนื้อหอมในออฟฟิศ สำหรับหนุ่มที่ทั้งโสดแท้และโสดเทียม มักจะแอบมองเลขานุการของเขา บางคนก็รุกเอาดื้อๆ ซึ่งก็ไม่เคยมีใครสานสัมพันธ์นอกเหนือจากเพื่อนร่วมงานกับเจ้าหล่อนได้สำเร็จเลยแม้แต่คนเดียว
ซึ่งทำไมเขานึกชอบที่เธอไม่ได้ใจอ่อน ยอมเดตกับหนุ่มคนไหนเลย...
เออ...ทำไมวะ
สงสัยเพราะวันนี้เขาว่างในตอนเช้าๆ แน่นอน ถึงได้คิดอะไรไปไกลเกี่ยวกับตรีทิพย์ เลขานุการของเขา เธอทำงานกับเขามาหลายปีแล้ว เธอไม่เคยขาดงาน ลางานนานๆ หน และ...แทบจะไม่เคยมาสาย วันนี้เป็นวันแรกในรอบปีที่เธอมาสายรึเปล่านะ ถึงได้มีเวลาระลึกคิดถึงเธอได้มากมายแบบนี้ เขาหวังให้เธอทำงานกับเขาไปนานๆ เพราะตรีทิพย์เป็นเลขานุการทรงประสิทธิภาพ เขานึกดีใจเมื่อเธอตกลงใจมาทำงานที่นี่ เป็นหนแรกที่เขามีเลขานุการที่ทำงานด้วยนานขนาดนี้ จึงระมัดระวังตัวในการวางตัวกับเธอ เพราะเธอเป็นผู้หญิง ส่วนเขาเป็นผู้ชาย เอกรินทร์ไม่อยากให้เกิดเรื่องซุบซิบนินทาในออฟฟิศ เพราะเขาก็ยังโสด เขาค่อนข้างทำมันได้ดีเลยทีเดียว ในการรักษาระยะที่ว่านี้ไว้ แม้ว่าเธอจะเป็นน้องสาวของเพื่อนซี้เพื่อนตายของเขาก็ตามที แต่เขาก็คงความสนิทสนมกับตรีทิพย์แค่ในระดับเจ้านายกับลูกน้อง
เขาทำมันได้ดีมาตลอดสองปีเต็มเลยก็ว่าได้...จนมาขึ้นปีที่สาม เขาก็ต้องทำมันได้ต่อไปสิ
เธอโทรศัพท์มาขอเข้าทำงานสาย บอกเหตุผลมากับเขา เอกรินทร์ก็ไม่ได้อยากจะว่ากล่าวอะไร ตอบรับเพียงคำสั้นๆ แล้ววางสายไป ตาคมอดปรายมองไปยังโต๊ะทำงานข้างหน้าตนอีกหนไม่ได้ แปลกที่เขาดันคิดถึงเธอ คิดถึงว่าตอนนี้ปรกติแล้วตรีทิพย์จะต้องมานั่งรายงานเรื่องงานตรงเก้าอี้ด้านหน้าเขา เสียงใสๆ ของเธอมันทำให้เขาเพลิดเพลิน เวลาเธอมองเขา สบตากัน นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตคู่นั้น มันทำให้เขามีความสุขแปลกๆ เวลาได้มองสบด้วย
เอ...
นี่เขาเป็นอะไรไปหว่า ทำไมต้องมาคิดถึงเธอด้วย หรือจะเป็นเพราะเคยชินกับการได้เห็นหน้าเธอตรงเวลา วันนี้ไม่เห็น มันก็เลยรู้สึกแปลกๆ ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ
เอกรินทร์ถอนใจสั่นหน้าน้อยๆ เขาต้องมีอะไรผิดปรกติเกี่ยวกับการสั่งการของสมองในตอนเช้าแหงๆ รึคงจะคิดแผนงานมากไป ถึงได้...
คิดถึงเลขานุการตัวเล็กหน้าใสได้มากขนาดนี้ แค่เจ้าหล่อนขอมาทำงานสายเป็นหนแรก...
เออ...
เรานี่ท่าจะเพี้ยน รึว่าตอนเช้าลืมกินวิตามินบีหว่า?
ความสงสัยและความคิดถึงเลขาของตนอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เอกรินทร์ปรายตามองไปยังโต๊ะทำงานที่ยังไม่มีเจ้าของโต๊ะมานั่งอยู่บ่อยๆ พาลทำให้คิดงานคิดการไม่ออก จนกระทั่งเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เขาขยับตัวนั่งตัวตรงทันที ทำทีเป็นมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่เปิดหน้าเว็บไซต์รายงานหุ้นทิ้งไว้ แล้วเอ่ยอนุญาตเสียงขรึม
“เชิญครับ”
“ไอ้ห่าเอก! ขอโทษที่มาส่งน้องสาวช้ามากไปหน่อย พอดีน้องกูรถเสียอยู่บนทางด่วน ไม่ได้ตั้งใจจะมาสายเลยจริงๆ เดี๋ยวกูจะเลี้ยงข้าวเที่ยงมึงเป็นการไถ่โทษ ห้ามหักเงินเดือนน้องกูนะโว้ย”
เสียงที่มาก่อนตัว ทำให้เอกรินทร์เงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วขมวดคิ้ว เมื่อเห็นตรีศรเดินนำหน้าเลขานุการของเขาเข้ามา เอกรินทร์กระแอมเล็กน้อย แล้วผายมือเชิญให้เพื่อนรักนั่งตรงหน้าเขา ซึ่งเป็นเก้าอี้ของแขกที่เข้ามาติดต่องานในห้อง แต่ตรีศรกลับมายืนข้างๆ เขา แล้วชะโงกหน้าดูว่าเพื่อนกำลังทำอะไร นานครั้งหรอกเขาจะมาบุกถึงรังของเพื่อนซี้แบบนี้ กับเอกรินทร์นี่ ซี้ชนิดรู้กันว่าใช้กางเกงใน น้ำยาโกนหนวด ยี่ห้ออะไร เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เนิ่นนานมาจนถึงปัจจุบัน เขา เอกรินทร์ เขมทิน สนิทสนมกันมาก
“นั่งสิ”
เอกรินทร์พยายามทำเสียงเข้ม แต่เพื่อนรักของเขามีหรือจะทำตาม ตรีศรยืนกอดอกอยู่ข้างๆ เขานั่นแหละ แล้วหรี่ตามองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเพื่อน ว่าเอกรินทร์กำลังทำอะไร
“เก็งหุ้นแต่เช้าเลยหรือวะ ไอ้เอก”
“เออ”
“ตัวไหนดีวะ กูก็อยากจะซื้อไว้เหมือนกัน มึงเก็งเก่งๆ จัดให้เพื่อนสักตัวสองตัวสิ หนก่อนไอ้ขิมมันบอกกูว่าให้ซื้อหุ้นอยู่ตัว เจ๊งสิครับ เมียกูดึงหูแทบยาน”
“เดี๋ยวดูให้”
เขาปรายตาดุๆ มองเพื่อนซี้ ที่ยันยืนยิ้มไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ ไอ้บ้ารอง! กรุณารักษาฟอร์มอะไรให้เพื่อนบ้าง...ต่อหน้าเลขานุการของเขา เขาจะต้องดูดี มีมาดผู้นำ ไม่ใช่ให้เพื่อนมายืนค้ำหัว พูดจาภาษาผู้ชายกันแบบนี้ เฮ้อ...
“เย็นนี้ไปคาราโอเกะกันไหมวะ ทัตไม่อยู่พาไททันไปบ้านตา กูต้องทำงานแต่เช้าเลยไม่ได้ไปด้วย คืนนี้เหงาใจว่ะ ไปร้องเพลงกัน”
“ไม่ไป”
การไปร้องคาราโอเกะ มันคงไม่เหมาะกับมาดผู้บริหาร ต่อหน้าเลขานุการสุดๆ ฉะนั้นเอกรินทร์จึงปฏิเสธเสียงเข้ม ตรีศรมองหน้าเพื่อนเล็กน้อย ความที่เป็นเพื่อนกันมานาน ก็นานสิบกว่าปีมาแล้วนี่ ทำไมจะไม่รู้ว่าไอ้เอกทำไมถึงหน้าดูดุยังกะหมาพิทบูลได้ถึงขนาดนี้
ก็กลัวหมดฟอร์ม หมดมาดเจ้านายอะไรงี้ ต่อหน้าน้องสาวเขาแหงๆ เอ่อ...ไอ้บ้า...เอ้าๆ ยอมมันนิด เดี๋ยวแหย่มันมากไป มันลุกมาไล่เตะเข้า คงจะไม่ดีไม่งาม
“งั้นไปกินข้าวกลางวันนี้กัน อย่าลืม เดี๋ยวกูมาหา ร้านเดิม โอเค้”
ตรีศรทำเสียงสูง เอกรินทร์ไม่รู้จะทำยังไงได้ นอกจากพยักหน้า แล้วโบกมือไล่เพื่อนรักไปไกลๆ ก่อนที่ตรีศรจะมาชวนให้เขาพูด หรือทำอะไร ให้เสียมาดไปมากกว่านี้
ตรีศรกลั้นขำเพื่อนฟอร์มจัดของเขาไว้ แล้วหันไปหาน้องสาว ที่กำลังเริ่มตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเร่งรีบ บอกลาน้องรักที่โบกมือไล่เขาเช่นกันหลังจากพนมมือไหว้ขอบคุณเขาแล้ว วันนี้วันอะไร มีแต่คนไล่เขาเสียจริงๆ แหะ
เมื่อตรีศรออกไปจากห้องแล้ว เจ้านายกับเลขาฯ ก็เพิ่งจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง นัยน์ตาคมมองดูคนตัวเล็ก ที่กำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาเอนตัวกับพนักพิง เผลอปล่อยใจให้มองเธออย่างเต็มตา ทุกสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือสิ่งที่เขาเห็นจนเจนใจ และจดจำรายละเอียดได้อย่างแม่นยำมาตลอดเวลาที่ทำงานร่วมกัน
หัวใจที่วูบโหวง เติมเต็มขึ้นเมื่อเห็นหน้าหวานๆ ของเธอ
เอ...
ทำไมจะต้องรู้สึกแบบนั้นด้วยวะ ไอ้เอก
เอกรินทร์รีบเบนสายตาจากคนตัวเล็กตรงหน้า มามองหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วรวบรวมสมาธิให้จดจ่ออยู่กับงาน เพราะตอนนี้สมาธิเขากำลังจดจ่ออยู่กับเธอ
เธอที่ทำให้เขาคิดถึงอย่างบอกไม่ถูก เพียงเพราะมาทำงานสายไปไม่ถึงสามชั่วโมง
เออ...
ที่เพี้ยนแบบนี้ เพราะสงสัยจะลืมกินวิตามินบีแน่ๆ เช้าวันนี้ มันเป็นการทำอะไรผิดแผนไปจากที่วางไว้ทุกวัน ระบบความคิดเขาถึงรวนไปหมดแบบนี้
มันต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน