บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 ยอดรักของข้า

ตอนที่ 7 ยอดรักของข้า

ทางด้านตาเฒ่าเสียนอู่เว่ยเดินกลับเข้ามายังห้องทำงาน แต่แล้วคล้ายว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล มีบางอย่างผิดปกติขึ้นแล้ว ถึงแม้ว่าที่จวนนี้จะมีเวรยามเดินกวดขันอยู่ตลอดเวลาแต่ก็มิได้หมายความว่าบ่าวรับใช้จะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ

เมื่อชายชราสำรวจคร่าว ๆ แล้ว บ่าวรับใช้ที่ทำหน้าที่ดูแลหน้าห้องทำงานของเขาหายไปไหนเสีย เหตุใดจึงหละหลวมเช่นนี้ ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก บ่าวรับใช้ผู้ได้รับความไว้วางใจเดินจับต้นคอสีหน้าเจ็บปวดยิ่งนัก

“นายท่านขอรับ เมื่อครู่มีโจรเข้ามาห้องทำงาน” น้ำเสียงและดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เกรงว่าต้องถูกลงโทษเป็นแน่

“แล้วมันได้อะไรไป” ชายชราสีหน้าบิดเบี้ยวร้อนใจยิ่งนัก กวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องอีกครั้งหนึ่ง ก็ยังพบว่าข้าวของยังอยู่ครบถ้วนมิมีสิ่งใดแตกสลายสักชิ้น

“ข้าน้อยถูกตีสลบไปเลยไม่ทราบขอรับ” บ่าวรับใช้รู้สึกผิดยิ่งนัก นายท่านไว้วางใจเยี่ยงนี้แต่กลับละเลยไปเสียได้ เกรงว่าคราวนี้คงหนีความผิดไม่พ้นเพียงแค่คิดก็หวั่นวิตก พลันเห็นภาพหลอกว่าเบื้องหน้ามีโลงศพวางอยู่เสียอย่างนั้น ก็เพราะว่าใต้เท้าเสียนเหี้ยมโหดเพียงใด เขาจะรักษาชีวิตน้อย ๆ เอาไว้ได้ไหมหนอ

“เลี้ยงเสียข้าวสุกนัก ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า” ชายชราแค่นเสียงอย่างเกรี้ยวกราด ยกมือชี้ใบหน้าของชายผู้นี้ ท่าทางฮึดฮัดหัวเสียไม่เบา

บ่าวรับใช้ผู้นี้คล้ายว่าโล่งอก ทรุดกายโขกศีรษะราวกับว่าขอบคุณ ไม่ทันที่เขาจะลุกขึ้นเดินจากไป ชายชราใบหน้าเหี้ยมเกรียมส่งเสียงแข็งกร้าวขึ้นอีกครั้ง “ตีขามันให้หัก แล้วนำมันไปโยนทิ้งในป่า หากจะให้ดีขุดหลุมฝังมันทั้งเป็น”

“ขอรับนายท่าน” บ่าวรับใช้ทั้งสองสีหน้าขาวซีด บัดนี้พวกเขาต้องลงมือโบยตีสหายของตน รู้สึกจิตใจไม่ดีนักความเศร้าสลดบังเกิดอยู่ในแววตาของบ่าวรับใช้ทั้งสองนาย บ่าวรับใช้เมื่อครู่ทำงานผิดพลาดร้องโอดครวญอ้อนวอนผู้เป็นนาย แต่ทว่าเขากลับถูกตาแก่ผู้มีจิตใจโหดเหี้ยมถีบกระเด็น

“ข้าเคยเตือนพวกเจ้าว่าอย่าทำงานผิดพลาด ข้ามิเคยเลี้ยงสุนัขที่มันไม่เฝ้าบ้านให้ดี” แววตาของชายชราสาดประกายอย่างอำมหิต พร้อมกับยกมือโบกปัดให้ลากบ่าวรับใช้ผู้นี้ออกไปให้พ้นหน้าเสีย

ชายชราสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด หย่อนกายนั่งลงบนเบาะนุ่มแล้วใช้มือลูบใต้โต๊ะ พลันสีหน้าขาวซีดและตระหนกตกใจยิ่งนัก “สมุดของข้า เป็นใครกันกล้าเหยียบหน้าข้าเยี่ยงนี้!” ยังไม่ทันพูดจบชายผู้นี้เร่งลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันหลังแล้วกำลังก้ม ๆ เงย ๆ จู่ ๆ มีของแหลมคมจ่ออยู่ลำคอของเขา

“หากไม่อยากตาย ควรรู้ว่าพรุ่งนี้เจ้าต้องพูดอะไร หากลองทำให้จางชิงหนี่ว์เสียหาย สมุดเล่มนี้ในมือข้าจะถึงพระเนตรของฝ่าบาทในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน” นี่คือคำข่มขู่ขององค์ชายรอง ก็เขาบอกแล้วว่าจะไม่มีใครมาข่มเหงรังแกน้องสาวผู้นี้ได้อีก

“เจ้า...เจ้า...” ชายชราเหงื่อแตกพลั่ก ด้วยเพราะถูกปลายของแหลมเยียบเย็นพาดอยู่เยี่ยงนี้ ลมหายใจติดขัดขาดห้วง อยากส่งเสียงเรียกเหล่าบ่าวรับใช้แต่ก็ส่งเสียงไม่ออก มือเหี่ยวย่นยกขึ้นมาปาดเหงื่อหลายครั้งหลายหน ขาทั้งสองข้าเริ่มอ่อนแรงเข้าให้แล้วในยามนี้

“หากขืนเจ้าเรียกคนข้างนอกเข้ามา คืนนี้อย่าหวังว่าตระกูลเสียนจะมีที่ซุกหัวนอน” เขากดปลายกระบี่คมกริบเข้ายังลำคอ จนอีกฝ่ายมีโลหิตไหลซึมออกมาเล็กน้อยสร้างความเจ็บแปลบขึ้นแก่ชายชรา เนื้อตัวสั่นงันงกอย่างตื่นกลัว

เป่ยเฟยหยางพูดจริงมิใช่ล้อเล่นสักครึ่งคำ แต่ทว่าสีหน้าของชายผู้นี้เป็นเช่นไร ใต้เท้าเสียนอู่เว่ยไม่รู้เลย ซึ่งเขาสวมหน้ากากปีศาจอำพรางใบหน้า แล้วยังสวมชุดสีดำอำพรางกายในยามราตรีกาล เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงเอาไว้

“เจ้าจะทำอะไร” ชายชราตระหนกตกใจน้ำเสียงสั่นสะท้าน นับตั้งแต่รับใช้ราชการมานานหลายสิบปี ยังไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินข่มขู่เขาเยี่ยงนี้มาก่อนเลยสักครา

จึงทำให้ใต้เท้าเสียนอยากรู้เสียจริงว่า เจ้าโจรถ่อยชั่วช้าเป็นผู้ใดกันแน่ ถึงได้กำแหงข่มขู่เขา ซึ่งมีฐานะเป็นถึงพ่อตาของฮ่องเต้ ทว่าเมื่อเขาค่อย ๆ ขยับกาย หมายหันกลับแล้วคิดว่าจะซัดฝ่ามือใส่อีกฝ่าย แต่ก็ต้องถูกปลายความเย็นเยียบนี้จี้ลำคออีกครั้งรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมากโขทันที

“วางเพลิงฆ่าคนอย่างไรเล่า ต่อให้เจ้าตายกลายเป็นเถ้าถ่าน ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าใครกันแน่ที่ลงมือ” เป่ยเฟยหยางมิได้ข่มขู่ เขากระซิบเบากระซาบข้างใบหูของชายชรา กดยิ้มมุมปากแววตาดุจมัจจุราช จากนั้นจึงยกสันกระบี่กระแทกเข้าที่ศีรษะจนชายชรานอนแน่นิ่งหมดสติไปพร้อมกับโลหิตไหลซึมออกมา

“คงไม่ตายก่อนกระมัง แค่เล่นสนุก ๆ เท่านั้น” เมื่อพี่ชายกลับไปอย่างเร่งรีบ ทางนี้ก็สะดวกปลอดโปร่งเหมาะแก่การหยอกเย้าชายชราแก้คันไม้คันมือเสียหน่อย พร้อมกับเหลือบมองแล้วใช้ปลายเท้าเขี่ยเบา ๆ ไปที่ร่างท้วม ๆ ของตาแก่ผู้นี้

“องค์ชายรอง หากตาแก่นั่นตายขึ้นมาจะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ” หนึ่งในองครักษ์ที่ติดตามดูแลองค์ชายรองเอ่ยถาม คงไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่กระมัง เมื่อพวกเขาทั้งสามเร้นกายอย่างรวดเร็วออกมาจากห้องทำงานของใต้เท้าเสียน ซึ่งนอนหมดสติไป

“หากตาแก่นั่นใจเสาะชิงตายก่อน ข้าก็หมดสนุกนะสิเสียดายชะมัด ถ้ารู้เช่นนี้ล้อเล่นกับตาแก่เสียนให้มากเสียหน่อยก็คงดี” องค์ชายรองถอดหน้ากากปีศาจสีแดงออก แล้วยื่นให้องครักษ์เก็บมันเข้าที่ พลางหยอกเย้าล้อเล่นเล็กน้อย ถ้อยคำพูดนั้นช่างไม่รู้สึกรู้สา ซ้ำเอาชีวิตผู้อื่นมาล้อเล่นเยี่ยงนี้ สีหน้ายังคงเรียบเฉยแววตาเยียบเย็นยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ

จะมีผู้ใดจิตใจโหดเหี้ยมเหมือนท่านหัวหน้าพวกเขาหรือไม่

“หา...องค์ชาย ท่านเอาชีวิตเขามาล้อเล่นเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน” องครักษ์ถึงขั้นอุทานออกมา ท่านหัวหน้าล้อเล่นกับชีวิตผู้คนเหมือนผักปลาเชียวหรือ

“ก็เพื่อยอดรักของข้า เหตุใดจึงลงมือไม่ได้เล่า” ก็เพราะน้องชายของจางชิงหนี่ว์ฝากฝังเอาไว้ เขาจึงต้องอาสาดูแลอย่างสุดความสามารถ ก็ใครใช้ให้เจ้าเด็กผู้นั้น น่ารักน่าชังจนเขาต้องแอบลอบไปพบบ่อย ๆ เมื่อคิดถึงก็อยากไปพบหน้ายิ่งนัก ไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าเด็กตัวแสบนั่น นอนหรือยัง ถ้าหลับแล้วฝันถึงเขาบ้างหรือไม่นะ

“องค์ชาย จะไปไหนเล่าขอรับ” ทั้งคู่ยืนงงอยู่บนต้นไม้ เมื่อองค์ชายรอง รีบเร้นกายกระโดดหายวับไปอย่างรวดเร็วด้วยเพราะวรยุทธ์แก่กล้า แล้วยังมีตำแหน่งเป็นท่านอาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงอีกด้วย ไม่รู้ว่าสอนลูกศิษย์อย่างไร จึงไปสอนบนเตียงนอนของคุณชายสามได้เสียนี่

“ข้าก็ไปหาที่สนุก ๆ เล่นนะสิ” เขาตอบกลับพร้อมกับแย้มยิ้มอย่างมีความสุข เพียงแค่คิดถึงเนื้อขาว ๆ ก้นนุ่ม ก็อยากกระโจนเข้ากอดรัดพะเน้าพะนอคลอเคลียให้หายคิดถึงเสียแล้ว

เมื่อองค์ชายรองทะยานออกไปในความมืดมิด พวกเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหลือบมองไปยังจวนหลังโต เหล่าบ่าวรับใช้จุดคบเพลิงวิ่งวุ่นวายขวักไขว่กันไปหมด ต่างก็เร่งรีบหาตัวคนร้ายทว่าทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ฝั่งตรงข้ามพร้อมยิ้มเยาะหยันให้กับภาพที่ได้เห็น

ผู้ที่เร้นกายในเงามืด อำพรางซ่อนดูความคึกคักได้พบเห็นว่า มีเห็นชายผู้หนึ่งถูกตีสภาพยับเยินแล้วถูก ลากออกมาจากด้านหลังประตู เช่นนั้นแล้วชีวิตของชายผู้นั้น พวกเขาจะหยิบยื่นให้อีกครั้ง หมากตัวนี้สำคัญหรือไม่ กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

อีกครึ่งชั่วยามต่อมา

ทางด้านผู้ถูกคิดถึง ยามนี้กำลังนอนกอดก่ายหมอนข้างอย่างสบายอกสบายใจ เส้นผมดุจน้ำหมึกถูกปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าหล่อเหลาหลับสนิท แต่มุมปากกลับฉีกยิ้มกว้าง ราวกับว่าคืนนี้กำลังนอนฝันหวานถึงใครบางคน

เมื่อความฝันมันคล้ายคลึงกับความจริงยิ่งนักรู้สึกถึงฝ่ามือหนาจับแล้วบีบเบา ๆ ที่ก้นนุ่ม ๆ ไปมา หยอกเย้าสนุกสนาน ทำให้เขาหัวเราะแล้วละเมอพูดออกมาว่า “พี่หยางอย่าแกล้งข้าสิ อื้อ ไม่ได้”

ชายหนุ่มผู้มาเยือนในยามราตรีกาลเร้นทะยานอย่างเร่งรีบมาถึงจวนตระกูลจางเกือบครึ่งชั่วยาม เมื่อมาถึงห้องนอนอันเป็นที่คุ้นเคยจึงรีบร้อนถอดอาภรณ์ออกอย่างรวดเร็ว ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว

เพราะเมื่อครู่กว่าจะข้ามกำแพงสูงเข้ามายังเรือนของคุณชายสามมันช่างแสนลำบากยิ่งนัก หลบหลีกทหารซึ่งเดินกวดขันอีกหลายคน แต่ละคนนั้นเป็นผู้มีฝีมือ ยากจะหาผู้ใดเทียบเคียงได้ สำหรับเขาแล้วไม่ว่ายากเย็นอย่างไร หากต้องการ แม้ว่าให้ข้ามภูเขาสักกี่ร้อยลูกเขาก็จะทำ

ชายหนุ่มโน้มใบหน้ากระซิบกระซาบเบา ๆ ที่ข้างใบหูพร้อมกับเป่าลมอุ่นร้อนรดรินซอกคอของเจ้าเด็กน้อยที่เขาถวิลหาทุกเช้าค่ำ แววตากรุ้มกริ่มยิ่งนัก ระบายยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดขึ้นว่า “พี่หยางไม่ได้แกล้ง แค่พี่หยางอยาก”

“อื้อ อย่าจับตรงนี้ อื้อ...” ผู้หลับสนิทกำลังฝันหวานว่าถูกกุมแท่งหยกแล้วชักรูดขึ้นและลง จึงทำให้เขารู้สึกตัวถึงความซาบซ่าน แล้วลืมตาโพลงด้วยความคุ้นเคยเมื่อถูกเขาสัมผัส รู้สึกปวดหนึบหว่างขายิ่งนัก แต่ก็ต้องตกใจราวกับเห็นภูตผีจึงอุทานเสียงดัง “พี่หยาง ท่านมาได้อย่างไรกัน!”

“ชู่ว์...เบา ๆ เดี๋ยวท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าตื่น จะทำเช่นไร” ชายหนุ่มใบหน้างดงามแสร้งดุ ถ้าหากตื่นมาพบเจอพวกเขาทั้งคู่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่บนเตียงคงงามหน้าน่าดู แต่คิดว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อยนักจะได้เปิดตัวเสียเลยว่า จางชิงหลิวได้เป็นภรรยาของเขาแล้ว

“นี่มันยามใดแล้ว เมื่อวานบอกว่าไม่มาจะดูแลงานเลี้ยงไม่ใช่รึ แล้วเหตุไฉนจึงโผล่มาอยู่ในห้องอีกแล้ว” เขาถลึงตาใส่ แม้ว่าในห้องจะมีแสงสลัว ยังมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้ได้เป็นอย่างดี

หากใครไม่ทราบคงว่าเขาเป็นสตรีแน่แท้ รูปร่างนั้นออกจะบอบบาง ผิวขาวจัดราวกับหิมะ ริมฝีปากกระจับได้รูป แต่ยามควบขี่เขายิ่งกว่าม้าย่ำเท้าออกศึกเสียอีกไม่รู้ไปเอาความคึกคักมาอย่างไร ขี่เขาไม่รู้จักถนอมเสียบ้างเลย ทำให้เขาร้าวระบบตรงจีบด้านหลังจะแย่

“ก็ดูจนพอใจแล้ว อยากดูอย่างอื่นมากกว่า พี่อยากอยากกินเจ้าจะแย่แล้ว หลิวเอ๋อร์เจ้าดูสิว่าข้าลงแรงเปลื้องอาภรณ์ให้เจ้าได้เชยชม” เป่ยเฟยหยางหน้าหนาเป็นที่สุด เรื่องเช่นนี้เขาถนัดถนี่ยิ่งนัก ซ้ำยังชอบเอาแต่ใจเกินผู้ใด

หากไม่ติดว่าเจ้าเด็กผู้นี้น่ารักน่ากินไปทั้งตัว ซ้ำยังเป็นมีฐานะเป็นคุณชายสาม ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่เล้าโลมกระตุ้นกำหนัดอีกฝ่าย เขาจะจู่โจมเสียดสีแท่งหยกอุ่น ๆ เขาทางจีบหลังสีหวานนั้นทันที

จางชิงหลิวได้แต่กู่ร้องในใจ ตีอกชกหัวตัวเองต่อว่าชายผู้นี้อยู่ในอกสารพัด “ไม่ต้องมาแอบอ้าง รีบใส่เสื้อผ้าเสีย อย่าให้ข้าต้องโกรธท่านอีก”

ผู้อายุน้อยกว่าแค่นเสียงเล็ดลอดไรฟันยังถลึงตาใส่แฝงไปด้วยความดุดัน แต่แล้วองค์ชายรองก็หาได้สลดไม่ ซ้ำยังลุกยืนด้วยร่างกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อน เจ้าแท่งหยกงามผึ่งผงาดกระตุกเล็กน้อย ท้าทายสายตาพร้อมกับทักทายภรรยาตัวเล็ก

เจ้าของห้องหัวเสียยิ่งนัก เอาแต่ก่นด่าอยู่ในใจ ถ้าไม่ติดว่าเป็นองค์ชายรอง เป็นชายที่มอบความสุขอิ่มเอิบให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะฟาดด้วยแจกันให้นอนชักดิ้นชักงออยู่ตรงหน้าเสียเดี๋ยวนี้

“เด็กดี...ไม่น่ารักกับพี่หยางแล้วหรือ” เขาหย่อนก้นลงบนเตียงกว้างกระชับร่างกายกำยำเข้ามาสวมกอดแล้วประทับริมฝีปากบนหน้าผากกว้างของจางชิงหลิวอย่างเอาแต่ใจ แม้ว่าเจ้าเด็กน้อยจะขัดขืน แต่ก็คงอีกไม่นานเดี๋ยวก็สยบอยู่ในอ้อมกอด ร้องครวญครางเสียง อื้อ อ้าอย่างสุขสมเหมือนเดิม

“ก็ท่านมันน่ารักตรงไหนกัน ป่าเถื่อนนักข้ายังเจ็บก้นไม่หาย” เขาหาได้อ่อนโยนเสียที่ไหน กลับรุนแรงหนักหน่วง จนศีรษะสั่นคลอนตามแรงกระแทกกระทั้น

มิหนำซ้ำยังเร่งความเร็วเสียจนขาทั้งสองข้างอ่อนแรงปวกเปียกไปหมด เจ็บปวดก้นจนต้องนั่งเบาะเสริมถึงสามชั้น บรรดาสหายร่วมชั้นเรียนต่างก็หัวเราะเห็นเขาเป็นตัวตลก

ก็ต้องโทษเป่ยเฟยหยางตัวดี เป็นถึงท่านอาจารย์สอนตำราไม่พอ ยังมาสอนบทรักถึงพริกถึงขิงให้เขาถึงในห้องนอน มันน่าโมโหยิ่งนัก เขาไปหลงคารมองค์ชายรองตั้งแต่เมื่อไรกัน ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ เผลออีกทีก็ตกเป็นของเขาอยู่ใต้ร่างเสียแล้ว

“ก็เจ้ายังเด็กนี่นาแล้วยังน่ารักออกปานนี้ จะไม่ให้ข้าลุ่มหลงอยากเชยชมเจ้า ทุกวี่วันได้อย่างไรกัน” แววตาขององค์ชายเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์รัดรึง ยามแย้มยิ้มราวกับนางเซียนเสียอย่างนั้น ความงดงามเรียกได้ว่าเหล่าสตรีคงชิงชัง เพราะงามกว่าพวกนางหลายขุมยิ่งนัก

“พี่หยาง” เขาเกรี้ยวกราดปัดป้องเป็นพัลวัน เมื่อชายผู้นี้ยังไม่หยุดส่งแววตากรุ้มกริ่ม ซ้ำยังดันเขาให้นอนราบแล้วขึ้นคร่อมทาบทับเอาไว้ จะขัดขืนสู้แรงเขาได้อย่างไรกัน ตัวเล็กบอบบางแต่แรงมหาศาลยิ่งนัก ไม่รู้ไปกินยาวิเศษที่ใดมาเรี่ยวแรงจึงได้มากมายเยี่ยงนี้

“พ่อหนุ่มน้อยอย่าใจร้ายไปนักเลย เจ้าชอบกินเทียนเอ๋อต้านไม่ใช่หรือ” มือหนากุมแท่งหยกใหญ่สีอ่อนหวาน ภายใต้ชุดบาง ๆ มันกำลังแข็งขืนสู้มือเขายิ่งนัก

จางชิงหลิวกลอกกลิ้งตาไปมา พร้อมกับกระแทกเสียงใส่คนหน้ามึน หน้าหนาคิดเองเออเองฝ่ายเดียว ซ้ำยังเจ้าเล่ห์เพทุบายถึงเพียงนี้ “ใช่! แต่มันคือขนม แต่ของท่านมันคือพวง...ไข่!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel