4 อะไรคือฉีเจียง?
เค่อเฉียนเหวินเองก็ตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ นางก็กระโดดกัดนิ้วเขาราวกับคนบ้า ร่างสูงสะบัดและผลักนางล้มลงไปอีกครั้ง ก่อนจะก้าวอาด ๆ ตามไปหมายจะบีบคอของอี้หรานเฟย
“รัชทายาท หยุดนะเพคะ” เสียงทัดทานดังอยู่ด้านหลัง เค่อเฉียนเหวินหันกลับไป พบกับอี้เฟิงฉียืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ด้านหลัง ขนาบข้างด้วยหญิงรับใช้ประจำตัวของอี้หรานเฟย ที่แท้ที่นางหายตัวไป ก็เป็นเพราะออกไป ตามคนมาช่วยนี่เอง
อี้เฟิงฉีแววตาขุ่นมัว คนผู้นั้นกำลังจะทำสิ่งใด “น้องเล็ก เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า” ผู้เป็นพี่ชายเดินผ่านหน้าองค์ชายรัชทายาท เข้าไปหาน้องสาวของตนเอง ร่างสูงคุกเข่าลงกับพื้น ถอดผ้าคลุมห่มให้แก่นาง “น้องเล็กเหตุใดแก้มของเจ้าจึงหายไป” อี้เฟิงฉีลูบแก้มที่เคยป่องของผู้เป็นน้องสาวอย่างอาลัยอาวรณ์ นุ่มน้อยลงแก้มของนางที่เคยนุ่มละมุนราวกับปุยนุ่นเวลานี้นุ่มน้อยลง หัวใจของผู้เป็นพี่ชายสั่นสะท้านเจ็บปวด
“คุณเป็นใคร” อี้หรานเฟยขยับตัวหนี ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขากำลังกล่าวถึงหมายความว่าอย่างไร เธอไม่มีพี่น้อง เป็นลูกสาวล้ำค่าเพียงคนเดียวของบ้าน
“หรานเอ๋อเจ้ามาอยู่ที่นี่นานจนลืมหน้าพี่ชายไปแล้วหรือ” เห็นน้องสาวทำท่าทางรังเกียจและเหมือนจะจำเขาไม่ได้ ภายในใจของอี้เฟิงฉีนั้นเจ็บปวด
“พี่ชาย!! ฉันไม่มีพี่ชายนะคะ ฉันเป็นลูกคนเดียวค่ะ” อี้หรานเฟยฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจ แต่สีหน้าของชายตรงหน้าดูไม่เหมือนกับเป็นการแสดงเขาดูเจ็บปวดจริง ๆ จากการที่เธอจำเขาไม่ได้
“ต้องเป็นเพราะมัน เพราะมันแน่ ๆ ที่ทำให้เจ้าเจ็บปวดจนลืมพี่ชายไปเช่นนี้” อี้เฟิงฉีลุกขึ้นยืน หมายจะใช้กระบี่ชำระความแค้นที่ตนมี
บ้ากันไปหมดแล้ว อะไรกันเนี่ย!! เหตุการณ์วุ่นวายทำให้นางปวดหัวจนคล้ายกับว่าอีกไม่นานมันคงระเบิดเหมือนกับแตงโม
“ท่านแม่ทัพ อย่าเข้ามานะ สังหารรัชทายาทจวนอี้กั๋วกงจะถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ” เค่อเฉียนเหวินก้าวถอยหลังออกไปจากเรือนที่ขังอี้หรานเฟยเอาไว้ทีละก้าว ทีละก้าว คนผู้นี้เมื่อคิดจะลงมือทำสิ่งใดล้วนแล้วแต่ทำจริง ใครก็ห้ามไม่ได้
“เจ้าทำร้ายจิตใจบุตรีที่ล้ำค่าของจวนกั๋วกง แค่เวลาปีหนึ่งที่นางมาอยู่กับเจ้า แก้มของนางก็หายไปจนหมด ร่างกายก็ผ่ายผอมเพราะตรอมใจ ข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่ ๆ ต่อให้เจ้าเป็นรัชทายาทของแผ่นดินนี้ก็ตามที เจ้าทำร้ายข้า ข้าไม่ว่า แต่ทำร้ายนางต้องพบกับจุดจบ”
อี้หรานเฟยเป็นน้องเล็กที่ล้ำค่าของจวนกั๋วกง เห็นนางผ่ายผอมลงไปข้อมือเหลือแต่กระดูก อี้เฟิงฉีเศร้าใจนัก การที่นางผอมลงเช่นนี้ นั่นเท่ากับว่านางกินอยู่ที่นี่อย่างยากลำบาก ถ้าไม่เป็นความผิดของลูกสุนัขตรงหน้าจะเป็นความผิดของใครไปได้
ฆ่ากัน!! พวกเขาจะฆ่ากันงั้นก็ไม่เกี่ยวกับเธอสิ อี้หรานเฟยกระชับเสื้อคลุมสีดำที่ชายคนเมื่อครู่สวมให้ แล้วค่อย ๆ คลานเข่าช้า ๆ ออกไปนอกห้องอย่างระมัดระวัง ในหัวสมองเล็ก ๆ ของหญิงสาวสิ่งเดียวที่คิดออกได้ในเวลานี้คือการหนี
‘พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยเฟยเอ๋อด้วยค่ะ’
ร่างเล็กคลานหลบออกมาอย่างเงียบ ๆ เธอหันกลับไปมองดูว่าพวกเขาจะลงมือฆ่ากันจริง ๆ หรือไม่ นางพบกว่ากระบี่สีเงินที่อยู่ในมือของผู้ชายสองคนกำลังฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผู้คนหลายคนพยายามกู่ร้องห้ามปราม แต่ไม่มีใครฟังทั้งสิ้น ต่างคนต่างก็ห้ำหั่นกันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
ประตูศิลาขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเป็นสวนเก่าโทรม ใช่แล้วล่ะ ที่นี่ต้องเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้แน่ ๆ ในประเทศนี้ซากบ้านเรือนเก่าโบราณตกสำรวจมีอยู่เต็มไปหมด ไม่แน่ว่าหากเธอพ้นออกไปจากตรงนี้อาจจะได้พบกับนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ ถ้าพวกเขาจำเธอได้อย่างน้อยก็จะได้พาเธอกลับบ้าน
ทันทีที่พ้นออกมาจากประตูศิลาขนาดใหญ่ อี้หรานเฟยก็วิ่งจ้ำอ้าวอย่างไม่คิดชีวิต ผ่านประตูเล็กใหญ่ เสียงของผู้คนหรือสิ่งมีชีวิตชัดเจนขึ้นยิ่งกว่าเดิม คนตัวเล็กกวาดสายตามองหาประตูหลักที่จะเชื่อมกับพื้นที่ด้านนอก
‘นั่นไง’ ต้องใช่แน่ ๆ นั่นต้องเป็นประตูสำหรับออกข้างนอกแน่ ๆ ถ้าออกไปจากที่นี่ได้เธอก็จะเจอกับเจ้าหน้าที่ของสถานที่นี้ ‘สวรรค์รอดแล้วค่ะ หนูรอดแล้วค่ะ’
ทันทีที่ก้าวขาออกมาจากประตูบานใหญ่ อี้หรานเฟยก็วิ่ง วิ่งออกไป ตามหาใคร ใครสักคนที่พอจะช่วยเหลือเธอได้ แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด ภายในตลาดถูกจัดแต่งอย่างแนบเนียน เธอไม่เห็นเครื่องมือเครื่องใช้ของยุคปัจจุบันเลยสักอย่าง เสื้อผ้าหน้าผมเป็นแบบโบราณทั้งสิ้น หรือที่นี่จะเป็นโรงถ่ายทำ ‘เหิงเตี่ยน’ ต้องใช้ที่นี่แน่ ๆ
ร่างเล็กก้าวขาช้าลงเรื่อย ๆ เธอทั้งเหนื่อย พลังงานในร่างกายก็เหลือน้อยเต็มที ร่างเล็กถูกผู้คนในตลาดชนซ้ายชนขวา โดยปกติถ้าทุกคนได้พบหน้าเธอก็จะเข้ามารุมล้อมขอลายเซ็นหรือไม่ก็ถ่ายรูป หากไม่เป็นเช่นนั้นแค่ยิ้มให้หรือพูดคุย แต่ที่นี่ไม่เป็นเช่นนั้น ไม่มีใครสนใจเธอ ไม่มีใครรู้จักเธอ
“ที่นี่ คือที่ไหนเหรอคะ” เธอถามหญิงสาวท่าทางเป็นมิตรอายุอยู่ในวัยที่น่าจะรู้จักเธอ
“เจ้าเป็นบ้าหรือไง มีใครไม่รู้บ้างว่าที่นี่คือที่ไหน” หญิงชาวบ้านผู้นั้นมองเธออย่างเหยียดหยาม ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่น่าฟัง
“ละ....แล้วที่นี่คือที่ไหนกันคะ”
“ที่นี่คือเมืองหลวงของแคว้นฉีเจียงอย่างไรล่ะ เจ้านี่นะ เป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถึงไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน”
ฉีเจียง!!! แคว้นฉีเจียง!! เมืองหลวง เมืองหลวงของประเทศจีนคือเป่ยจิง
แล้วฉีเจียง คือ?
ฉีเจียงคืออะไร? บนโลกนี้มีเมืองหลวงชื่อนี้ด้วยหรือ?
ผู้หญิงคนนั้นมองเธออย่างหยามเหยียด อีกทั้งยังมีท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์อย่างชัดเจน ตลอดชีวิตของการเป็นอี้หรานเฟย ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นมาก่อน ในประเทศนี้มีใครบ้างไม่รู้จักเธอ ขนาดไปออกรายการใช้ชีวิตในชนบทหรือต่างประเทศ ก็ยังมีแฟนคลับเข้ามาทักทายขอถ่ายรูปไม่ขาดสาย แต่ผู้คนที่นี่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
ร่างเล็กยืนนิ่งแข็งค้างอยู่กลางถนน แววตาเหม่อลอย หัวสมองว่างเปล่า ไม่ได้ยินเสียงของสิ่งใด ราวกับว่าเวลานี้มีแค่เพียงเธอเท่านั้น