บทย่อ
อี้หรานเฟยนักแสดงชื่อดังที่รับบทนางเอกมาตั้งแต่เด็กจนโต จู่ ๆ ก็อยากหาความท้าทายให้กับตัวเอง ด้วยการรับบทเป็นนางร้าย วัน ๆ เอาแต่อ้อนวอนให้ได้รับบทนางร้ายดูสักครั้ง จู่ ๆ วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอหลุดเข้าไปในยุคโบราณ หลุดเข้าไปโดยที่ไม่รู้ว่านี้คือที่ไหน โชคดีเหลือเกินที่สวรรค์ยังเมตตาให้เธอได้ใช้หน้าสวย ๆ ของตัวเองต่อในโลกนี้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะไม่ได้กลับโลกเดิมที่ตัวเองจากมา สุดท้ายจึงตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ ตั้งใจจะใช้ชีวิตให้ดี ๆ มีความสุข พร้อมกับแต่งงานมีสามีสุดหล่อธงเขียวขจี แต่แล้วด้วยเงื่อนไขบางอย่าง นางถูกส่งตัวย้อนกลับมาในช่วงเวลาที่ตัวเองทะลุมิติเข้ามาครั้งแรก โดยที่เจี้ยนจิ่นเฉินที่เคยเป็นสามีของนางในตอนนี้จำนางไม่ได้ ที่เลวร้ายไปกว่านั้นตอนนี้เขากำลังหลงรักสตรีอื่นอยู่ สวรรค์พวกท่านกำลังเล่นตลกอะไรกับนางกันแน่ฮะ ไอ้พวกสวรรค์สารเลว!!!
1 อยากเป็นนางร้าย
อีกแล้วบทนางเอกอีกแล้ว อี้หรานเฟยก้มหน้าก้มตาอ่านบทละครที่ถูกนำมาเสนอให้กับเธอ เธอเป็นนักแสดงที่เข้าวงการมาตั้งแต่ยังเด็ก รับบทลูกสาวนางเอก นางเอกวัยเด็ก นางเอกวัยรุ่น จนกระทั่งปัจจุบันเธอก็ยังรับบทนางเอก ไม่เคยฉีกไปจากการเป็นนางเอก
“ครั้งนี้หนูไม่เอาบทนางเอกไม่ได้เหรอคะ” นักแสดงสาววัยยี่สิบสามทำหน้ามุ่ยออดอ้อน แม้แต่บทนางเอกที่แฝงความร้ายกาจเอาไว้ ก็ยังถูกปัดออกไปจากการพิจารณา
ประธานเสิ่นขมวดคิ้ว เด็กคนนี้เอาแต่พร่ำบอกว่าอยากเล่นบทที่แตกต่างไปจากเดิม อย่างเช่นนางร้ายที่ร้ายจนคนเกลียด แต่เพราะมูลค่าการเป็นนางเอกของอี้หรานเฟย สูงเกินกว่าจะไปรับบทแบบนั้น เสิ่นชิงถิงจึงไม่เคยให้นักแสดงอันล้ำค่าของเธอ ไปรับบทที่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์แสนดีของเจ้าหล่อน
“ได้ยังไงล่ะเฟยเอ๋อ เธอเป็นนางเอกนะ” เสิ่นชิงถิงเตือน
เธอเป็นนางเอก ประโยคนั้นถูกตอกย้ำซ้ำ ๆ กับเธอมานับสิบปี
“หนูรู้ค่ะ แต่ว่าถ้ามีอะไรใหม่ ๆ ให้หนูลองทำบ้างมันก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอคะ” คนตัวเล็กทำตาปริบ ๆ อ้อนวอนขอร้อง “ท่านประธานดูสิคะ บทเนี่ยร้ายสุด ๆ ไปเลย แถมยังเป็นนางร้ายกึ่ง ๆ นางเอกที่คนทั้งเรื่องเกลียด ถ้าหนูลองเปลี่ยนไปเล่นบทนางร้าย โดยเริ่มจากนางเอกที่นิสัยร้าย ๆ บ้างก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอคะ”
เสิ่นชิงถิงขยับแว่นเล็กน้อย มองนักแสดงสาวที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีความเป็นมืออาชีพสูงแต่บางสิ่งบางอย่างก็มีข้อจำกัดของมัน
“งั้นไหน...ลองขึ้นเสียงดัง ๆ ใส่ฉันสักครั้งสิ ถ้าเธอทำได้ฉันจะให้โอกาส”
ตาแป๋ว ๆ ของอี้หรานเฟยเป็นประกาย ในเมื่อได้รับโอกาสแล้วเธอก็จะลองดูสักครั้ง หญิงสาวหลับตาลงสักครู่หนึ่ง คิดถึงการแสดงของนักแสดงหลายคนที่เธอรู้จัก
เป็นนางร้าย เป็นนางร้ายต้องทำยังไง?
ทันทีที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง อี้หรานเฟยตะโกนขึ้นเสียงใส่ประธานบริษัทของเธอทันที
“พี่เป็นใคร ทำไมถึงมาบอกให้หนูเอาแต่ทำนู่นทำนี่ตามที่พี่สั่ง” เสียงที่เปล่งออกมาราบเรียบ หญิงสาวมองหน้าประธานบริษัท “ก็นะ...หนูบะ...บอกแล้วไงคะ ว่าจะเป็นนางร้าย ห...หนูจะเล่นไปเป็นนางร้าย” อี้หรานเฟยพูดตะกุกตะกัก
“เฮ้อ!! พอ ๆ” เสิ่นชิงถิงถอนหายใจเบา ๆ “เนี่ย...แค่ให้ขึ้นเสียงดัง ๆ ใส่ฉัน เธอยังทำไม่ได้เลย แล้วแบบนี้จะอยากมาเป็นนางร้าย”
ใบหน้างดงามหงิกงออย่างรู้สึกหดหู่ อีกครั้งแล้ว!!! การทดลองแสดงเป็นนางร้ายของเธอล้มเหลวอีกครั้ง อี้หรานเฟยทรุดตัวลงกับโซฟาหนัง ฟุบใบหน้าซุกไปที่หมอนอิง
“ทำไมกัน ทำไมหนูถึงเป็นนางร้ายไม่ได้”
ผู้เป็นประธานบริษัทรู้ดีว่าเพราะอะไร ก็เพราะเด็กคนนี้จิตใจดี เติบโตมาแบบนางเอก ครอบครัวรักใคร่เอาใจใส่ จบจากวิทยาลัยการแสดงชื่อดัง คำหยาบสักคำยังไม่เคยหลุดออกมาจากปาก โด่งดังมาตั้งแต่ยังเด็ก ใบหน้าพระเจ้าสร้าง อ่อนโยนนุ่มนิ่ม และแทบจะเป็นคนเดียวในบริษัทที่เธอไม่ต้องคอยตามไปแก้ข่าวเสียหาย เรื่องเหวี่ยงวีนทีมงานไม่ต้องพูดถึง ชักสีหน้าใส่สื่อหรือแฟนคลับก็ไม่เคย แม้จะถูกยิงคำถามที่ไม่เหมาะสม เพราะแบบนี้เสิ่นชิงถิงจึงเอ็นดูอี้หรานเฟยเป็นพิเศษ
ภาพลักษณ์นางเอกของเด็กคนนี้จะต้องรักษาเอาไว้ให้นาน ๆ ก็เพื่อจะประคับประคองให้ยายเด็กน่ารักคนนี้ อยู่รอดปลอดภัยในวงการที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บนี้ได้ตลอดไป
“เป็นนางเอกต่อไปน่ะดีแล้ว” เสิ่นชิงถิงลุกขึ้นยืนลูบหัวนักแสดงในสังกัดของเธออย่างเอ็นดู “ไปเถอะ มีสัมภาษณ์รอบสื่อ ไปแต่งตัวได้แล้ว ตอนบ่ายก็ยังต้องเข้าไปฟิตติ้งชุดละครเรื่องใหม่ด้วยนะ”
“ค่าาา....”
ผู้ประธานบริษัทออกไปจากห้องทำงานของตัวเองแล้ว แต่อี้หรานเฟยยังคงนั่งทำใจอยู่ในห้อง มองดูนาฬิกาพบว่ายังไม่ใกล้เวลาที่เธอนัดเอาไว้กับช่างแต่งหน้า จึงอยากลองไปสายดูบ้าง นับเป็นครั้งแรกที่เธอคิดอยากจะฝืนขนบที่เธอยึดถือมาโดยตลอด ร่างเล็กปรายตามองกองเอกสารบทละครที่วางเกลื่อนกลาดอยู่บนโต๊ะกลางโซฟา ทุกเรื่องที่เสิ่นชิงถิงนำมาเสนอให้กับเธอล้วนแล้วแต่เป็นบทของนางเอก แถมยังเป็นบทนางเอกแสนดีเกือบทั้งหมด ก่อนจะไปสะดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุบางอย่างที่มีสีดำ สันปกถูกร้อยด้วยเชือกฟางสำหรับกันหลุด ลักษณะคล้ายกับหนังสือยุคโบราณที่เธอเคยเห็นในฉากอย่างไรก็อย่างนั้น
“ดวงใจทรราช” ชื่อเรื่องถูกเขียนเอาไว้ที่หน้าปกด้วยตัวอักษรที่ดูคล้ายกับการเขียนด้วยพู่กันแบบสมัยโบราณ
แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดอ่าน ประตูห้องประธานก็ถูกใครบางคนเปิดออก
“เฟยเอ๋อเด็กดี มาแต่งตัวได้แล้วจ้า..” ผู้จัดการหนุ่มต้องเดินมาตาม เพราะเห็นว่าอี้หรานเฟยไม่ยอมออกมาจากห้องสักที
“อ้อค่ะ” อี้หรานเฟยจึงต้องละวางความสนใจไปจากหนังสือเล่มนั้น หอบหิ้วเอาตัวเองกลับไปทำงานที่เธอรักต่อไป